ฉันตื่นมาได้ยินแม่บ้านทำงานบ้านฉันหิวเลยออกไปหาอะไรกิน เขาไม่อยู่แล้ว...โล่งอกไปที
ฉันกินข้าวเสร็จแล้วก็ไม่รู้จะทำอะไรเปิดทีวีเก่าๆในห้องดูผู้ประกาศข่าวรายงานข่าวว่า
"อีกไม่กี่เดือนจะเข้าปีคริสต์ศักราชที่2,000 เข้าสหัสวรรษที่2 ตามคำทำนายโลกจะถึงกาลวิบัติ
น้ำจะท่วมโลก โลกจะแตกจะจริงหรือไม่เรามานับถอยหลังกันค่ะ"
ฉันดูข่าวแล้วตกใจ นี่มันอะไรกัน ฉันลากสังขารออกมาจากห้องอีกครั้ง
"ป้า วันนี้วันที่เท่าไรเดือนอะไรปีอะไรคะป้า?"
"วันนี้วันที่15 มิถุนายน พ.ศ.2542 นั่นน่ะปฏิทิน"
ป้าชี้ปฏิทินให้ดู
นี่มันอะไรกันนี่ฉันยังงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นไปได้ยังไง
ฉันย้อนเวลามายุค90 ข้ามเวลามา21ปี โทรศัพท์เครื่องนั้นแน่ๆพาฉันมา ฉันนั่ง อยู่สวนหลังบ้านเวลาผ่านไปนานเท่าไรไม่รู้ ฉันไม่รู้อะไรเลย ฉันจะมีชีวิตอยู่ในยุคนี้ได้อย่างไร ไวฟายไม่มี โซเชียลไม่มี เพื่อนไม่มี ฉันจะทำอย่างไรดี ฉันอยากกลับบ้าน
ฉันตื่นขึ้นมามองเห็นเพดานห้อง ฉันอยู่ในสวนนี่นา ใช่แล้ว เย้ๆ แค่ฝันไปน่ะเอง หืมหอมจัง สงสัยแม่ทำอาหารเย็นอยู่แน่ๆ เย้ๆ ฉันลุกขึ้นมา อ้าว ห้องเดิม ทีวีเก่าเครื่องเดิม ฉันยังฝันอยู่รึนี่
"เพี๊ยย...โอ๊ย..ไม่ได้ฝัน"
แล้วฉันกลับมาห้องยังไง ฉันเดินตามกลิ่นอาหารไปอย่างทุลักทุเล เพราะขาใส่เฝือกนี่แหละ โธ่เอ้ย..เขากลับมาตอนไหนนะ อย่างกับแม่ศรีเรือนกลับมาทำอาหาร
"ตื่นแล้ว...ปลุกเท่าไรไม่ตื่น...นี่สินะวิธีปลุกเธอให้ตื่นก็ต้องใช้กลิ่นอาหาร "
"ฉันกลับมาได้ไง?"
"ชั้นอุ้มเธอมา.."
"อ้าวทำไมไม่ปลุกล่ะฉันปลุกง่ายจะตาย"
"พูดมาได้..ปลุกง่ายเหลือเกิน...ชั้นกลัวยุงจะหามไปเสียก่อนเลยต้องอุ้มมา "
"ขอโทษค่ะฉันรู้สึกไม่ดีน่ะ "
"คิดออกยังว่าบ้านอยู่ไหน?"
"ฉันคงกลับบ้านไม่ได้แล้ว"
"อยู่นี่ไปก่อนแล้วกันเดี๋ยวก็นึกขึ้นได้เองแหละ...ปะกินข้าว"
การกินข้าวกับผู้ชายหน้าตาดีที่ไม่ใช่แฟนเรามันก็อึดอัดนะ ถ้าเป็นแฟนเราคงดี หล่อฟ้าประทานขนาดนี้
"เธอนี่กินเก่งนะ...กินเยอะกว่าชั้นอีก ชั้นตัวใหญ่กว่าแต่กินนิดเดียว เธอตัวนิดเดียวแต่กินเยอะ"
"จะว่าตะกละก็ว่ามาเถอะ...แม่ว่าฉันประจำเปลืองของ กินแล้วไม่โต แต่ฉันชอบกิน กินได้ทั้งวัน"
"อืมดีจริงกินแล้วไม่อ้วน...กินเถอะกินเยอะๆ ชั้นชอบทำอาหาร บางทีกินไม่หมดก็แบ่งๆให้คนระแวกนี้ไปบ้าง
ชั้นชอบดูเวลาเธอกินเพลินดีดูน่าอร่อยดี"
เอ๊ะๆ หรือว่าจะแอบชอบเราแหมๆพึ่งเจอกันเอง แอบบอกเป็นนัยๆว่าชอบแน่เลย
"นี่ยิ้มอะไร...คนอะไรกินข้าวยังหลับในได้...หมดทุกอย่างแล้วเนี่ยไม่เหลืออะไรให้กินแล้ว เดี๋ยวชั้นเก็บจานไปล้างก่อน"
"ฉันช่วย"
"ไม่ต้องเดี๋ยวจานชั้นแตก"
แหมแค่นี้ต้องดุ ฉันนั่งดูรูปในโทรศัพท์มือถือที่มีแบตฯแค่20%ไม่มีสัญญาณแน่ล่ะสิยุคนี้ไวฟายยังไม่เกิดนี่นา
เขาล้างจานเสร็จเหมือนจะสนใจสิ่งที่ฉันเล่นอยู่
"ไอเครื่องดำๆนี่คืออะไรไม่เคยเห็นเลย?"
"โทรศัพท์มือถือ"
"8210 ที่แบตหมดก็ของเธอเหรอ?"
"อันนั้นของพ่อให้มา"
"ฉันมาจากโลกอนาคตอีก21ปีข้างหน้า..โลกที่มีการพัฒนามากกว่านี้"
"เธอ..สมองมีปัญหาแน่เลย"
ฉันคิดอยู่แล้วว่าเขาไม่มีทางเชื่อฉันแน่ฉันเลยเปิดโทรศัพท์ให้ดูสิ่งที่อยู่ในนั้นสิ่งที่เขาไม่เคยเห็นฉันชอบถ่ายรูปอย่างที่บอกฉันเก็บรูปไว้ในโทรศัพท์เยอะมาก
"ไม่อยากเชื่อเลย...เคยเห็นแต่ในหนัง...เธอมาได้เพราะอะไร..อะไรนำพาเธอมา..?"
"8210โทรศัพท์เครื่องนั้นมันพามา"
ฉันทำหน้าเศร้าแล้วถามเขาว่า
"ถ้าฉันกลับบ้านไม่ได้...คุณจะไล่ฉันไปมั๊ยตอนนี้ฉันไม่มีที่ไปจริงไปแล้ว"
"ไม่..ถ้ากลับไม่ได้ก็อยู่ที่นี่แหละฉันดูแลเธอได้..ขนาดหมา แมวหลงมา ฉันก็เลี้ยงมันเอาบุญตั้งหลายตัว มันเดินเล่นอยู่แถวๆนี้แหละ"
เกือบจะดีอยู่แล้วเชียวเปรียบฉันกับหมาแมวซะนี่ ดึกแล้ว
ฉันดูทีวีตรงห้องรับแขก จากที่เขาไม่ค่อยพูดตอนแรก
แต่เหมือนเจาจะสนใจโลกอนาคตเจาถามนู่นนี่นั่น
"ฮ้าววว..."
"ง่วงแล้วหรือ...ไปชั้นช่วยพยุงให้ ...อีกสัก2วันคงหายเจ็บแล้วล่ะคงไม่เจ็บเท่าไร"
เขาพยุงฉันเข้าห้อง...พอถึงห้องเขาก็พยุงฉันไปที่เตียงแต่ ฉันเผลอลงแรงที่เท้าข้างที่หัก ทำให้เสียหลักล้มลงบนเตียงทั้งคู่ ฉันทับบนตัวเขาจมูกโด่งคมสันสัมผัสเข้ากับแก้มป่องของฉัน ตัวร้อนหน้าร้อนผ่าวอีกแล้ว สงสัยจะมีไข้ ฉันพยายามลุกแต่ขา ไม่อำนวยความสะดวกเลย ด้วยความที่พยายามลุกลี้ลุกลนจะยืนให้ได้
ทำให้หัวเข่าฉันไปสัมผัสกับบางสิ่งที่มันอยู่ตรงเป้าเขาพอดี ตอนนี้เหมือนมันจะมีชีวิต มันดุกดิกได้ ฉันตกใจมาก เขาเหมือนเห็นท่าไม่ดีจึงบอกให้ฉันอยู่นิ่งๆเขาจะลุกเอง เขาจับเอวฉันไว้แล้วพลิกตัวฉันเบาๆให้ฉันนั่งอยู่บนเตียงแล้วเขาก็รีบออกจากห้องไปทันที
ฉันนอนไม่หลับทั้งคืนนึกถึงถึงเหตุการณ์เมื่อตอนค่ำ
"เป็นอะไรวะนี่...นอนไม่หลับเลย มันคืออะไรหว่า...
เพราะแม่เลยชอบกักขังหน่วงเหนี่ยวไม่ให้ออกไปใช้ชีวิตกับเพื่อนเลยไม่มีประสบการณ์...ให้ได้รู้เลยอาการแบบนี้คืออะไร หรือว่าเราจะชอบเขา หรือว่าแค่เคลิ้มกับความหล่อ ไม่ได้ ...ไม่ได้เราจะมาชอบคนยุคนี้ไม่ได้...ถ้าเรากลับบ้านได้ล่ะ...เพราะฉะนั้นห้ามชอบแต่อืมมม...ฟินจัง..."
ทุกๆวันที่นี่แสนจะน่าเบื่อฉันคงอยู่ที่นี่ไม่ได้ ทีวีดูได้แค่เที่ยง ทุกช่องปิดรายการหมด กว่าจะได้ดูทีวีอีกทีก็4โมงเย็น ตำนานรักดอกเหมย ฉันยังขำตัวเอง
ห้องฉันที่บ้านแม่ มีทีวีแต่ไม่เคยเปิดเลย มีรายการดูได้ทั้งวัน แต่อยู่ที่นี่ใจจดใจจ่อให้ถึงบ่าย2โมง
ช่วงเที่ยงไปกินข้าวกับแม่บ้านก็ฟังวิทยุกับแม่บ้าน
แม่บ้านชอบเปิดละครในวิทยุมีแต่เสียงต้องใช้จินตนาการเอา ก็สนุกดี แต่ก็ เหงาอยู่ดี
วายฟายจ๋าอยู่ไหน คิดถึงจัง.....บางครั้งก็แอบชะเง้อมองว่าเมื่อไรเขาจะกลับมาปานว่าเป็นแฟนเขา นี่ถ้าอยู่ยุคปัจจุบันก็คงส่งข้อความแชทคุยกันได้แล้ว บางครั้งก็สงสัยว่าวัยรุ่นยุคนี้ถ้าอยู่ไกลกันจะคุยกันยังไง...ว้าวุ่นใจน่าดู 4โมงเย็นแล้ว อีก1ชั่วโมงเขาจะกลับแล้ว ฉันดูซีรี่ย์จีนกำลังภายในรอเขาทุกวัน อย่าเข้าใจผิดนะฉันรอกินข้าวต่างหากเพราะเขาต้องกลับมาทำอาหาร
"ป้าๆ..ป้าเคยทำอาหารให้คุณดิวกินมั๊ย?"
"เคยสิ ตอนเขาป่วยน่ะทำแค่ข้าวต้มแต่ถ้าเขาดีๆเขาจะทำเองเขาชอบทำอาหาร"
ป้ากลับบ้านแล้วป้าบอกว่าไม่ต้องรอ บางวันเขากลับดึกให้กินอะไรไปก่อน เหมือนฉันติดรสอาหารของเขารอดีกว่า
ฉันนอนรอที่โซฟา จนเผลอหลับไป
"นี่เธอ...เธอ...เธอ...เฮ้อขี้เซาชะมัด คนอะไรเหมือนหมาเลยนึกจะนอนตรงไหนก็นอน แล้วนี่มานอนบนพื้นทำไมโซฟาก็มี"
"ฟุดฟิด...ฟุดฟิด อือหือหอมจัง เขากลับมาแล้วสินะ"
"เออเธอนี่ปลุกให้ตื่นได้ด้วยกลิ่นอาหารจริงๆชั้นเรียกคอแทบแตก"
"ฉันรอคุณอยู่นะนี่ทำไมกลับดึกจัง...?"
"วันนี้ซ้อมเตรียมขึ้นคอนเสิร์ต..."
"คุณเป็นนักร้องหรือ..?"
"ดิวกับดรีมไงไม่รู้จักหรือ?...อย่างว่าแหละเธอไม่ใช่คนยุคนี้จะไปรู้ได้ไง"
ฉันตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูกนี่คือ ไอดอลของแม่เลยฉันได้เห็นตัวเป็นๆได้สัมผัส...เยอะด้วย...แม่อิจฉาแน่ถ้ารู้ ว่าแล้วเชียวคุ้นๆ
"แม่ฉันชอบคุณมากชั้นร้องเพลงคุณได้ด้วยนะแม่เปิดทุกวัน"
"แล้วทำไมตอนแรกจำชั้นไม่ได้...?"
"ก็ไม่ได้สนใจ...แต่ก็คุ้นๆอยู่"
"งั้นตอนนี้สนใจรึยัง?"
"สนสิ...ก็ฉันต้องฝากท้องไว้กับคุณนี่"
"มีความหมายแค่เป็นคนทำอาหารแค่นั้นเอง...?"
"หิวแล้วอ่ะงับ...ขอกินข้าวหน่อยงับ"
"งับอะไร..นี่ภาษาคนรึ?"
ตอนนี้ฉันรู้สึกเหมือนเจ้าหญิงมากมีเจ้าชายคอยดูแลคิดแล้ว...โชคดีจริง
"นี่เธอ...เพี้ยนจริงยิ้มคนเดียว..คนอะไรหลับในตอนกินข้าวก็ได้..นิ่งเป็นหลับขยับเป็นกิน"
"ยอมรับ..เพราะฉันชอบกิน"
"ไม่ต้องลุกมานะ...ชั้นเก็บเอง...อย่าทำซึ้ง..ถ้าขาเธอหายเมื่อไร...เธอต้องทำหน้าที่นี้"
"ทำได้อยู่แล้ว...ทำได้มากกว่าล้างจานอีก"
เขาหันมายิ้มแล้วก็เดินไปล้างจาน ฉันดูรูปในโทรศัพท์เหมือนเขาจะสนใจโทรศัพท์ของฉันมาก เขาล้างจานเสร็จ จึงเดินมาหาแล้วพููดว่า
"ดีจริง...เราสามารถพกความทรงจำที่ดูได้ตลอดเวลา"
"ก็ไม่ตลอดหรอกนี่แบตเตอรี่จะหมดแล้วความทรงจำจะหายไปแล้วฉันไม่สามารถหาที่ชาร์จในยุคนี้ได้"
เราคุยกันนานเท่าไรไม่รู้ รู้ตัวอีกทีก็ดึกแล้ว...ฉันจึงลุกขึ้นเพื่อจะไปนอนแต่ขาเป็นตะคริวเพราะเจ็บขาขวาตอนนั่งจึงลงน้ำหนักที่ข้างซ้าย นานเกินไป ฉันเผลออีกแล้วเผลอลงน้ำหนักขาที่เจ็บ เขาคว้าแขนฉัน ฉันเสียหลักลงไปนั่งตักเขา โอ๊ะ..แม่เจ้า ตักผู้ชายทำไมรู้สึกดีจัง หอมด้วย ขนาดมีเหงื่อเพราะร้อนตอนทำอาหาร เขาใช้น้ำหอมแบรนด์อะไรนะ
"นี่เธอ..เธอ นานไปมั๊ย ผมก็รู้สึกหนักนะ"
"ก็ไหนคุณบอกฉันตัวเล็กไง เชอะ?"
ฉันลุกขึ้นแล้วก็ลากสังขารเข้าห้องไปนอนแต่ก็นอนไม่หลับ...ทีวีก็ไม่มีอะไรให้ดูแล้ว ทำไมฉันต้องตื่นเต้นทุกครั้งที่อยู่ใกล้เขา ฉันคงต้องลากสังขารออกไปข้างนอกแล้วล่ะ ฉันเดิน3ขาออกไปสูดอากาศ ฉันมองขึ้นไปบนฟ้าทำไมยุคนี้ดาวเยอะจัง หรือที่จริงแล้วมันก็มีเท่าเดิมแหละแต่ฉันไม่เคยสนไม่เคยมองดาวพวกนี้เลย ฉันยืนดูดาวอยู่พักใหญ่จึงหันหลังกลับ เขามาอยู่ข้างหลังฉันตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ ฉันชนเขาเข้าอย่างจัง เขากลัวฉันจะล้มแขนสองข้างของเขาโอบที่เอวฉันไว้ เขาจ้องหน้าฉัน
แสงจันทร์สาดส่องเห็นใบหน้าของเขาสลัวๆ เราสบตากันอยู่พักหนึ่ง อีกแล้วหัวใจเลี้ยงไม่เชื่องควบคุมไม่ได้เลยมันช่างดื้อดึงนัก ไม่ได้ ฉันจะมาชอบคนยุคนี้ไม่ได้เพราะฉันยังมีความหวังที่จะกลับบ้านอยู่ ผู้ก็อยากได้ บ้านก็อยากกลับ ฉันจะเลือกทางไหนดี
"คุณคะ..ปล่อยเถอะค่ะ"
"ไม่ได้ปล่อยไม่ได้"
"อ้าว..ทำไมคะ?"
"ก็เธอ...กอดฉันอยู่น่ะสิ"
"อ้าว...เหรอ..ขอโทษค่ะ"
ตรูไปกอดเขาตอนไหนเนี่ย...ความเปิ่นความแปลกแบบนี้โดนแม่ว่าหลายครั้งแล้ว เขาพามาส่งที่ห้อง
"เออคุณคะ..ฉันว่าจะไปบ้านยายที่นนทบุรีพาไปหน่อยได้มั๊ยคะ "
"อ้าว...เขาจะจำเธอได้เหรอ เธอมาจากอนาคตนะเท่ากับว่าเธอยังไม่เกิด พวกเขาไม่รู้จักเธอหรอก สุ่มสี่สุ่มห้าเข้าใบบอกเขา เขาจะหาว่าบ้าน่ะสิ"
"จะลองดูน่ะถ้าเขาเชื่อ ฉันจะได้ไม่เป็นภาระคุณไง"
"ใครบอกว่าเธอเป็นภาระ "
"ก็ตอนแรก คุณบอกว่าไม่ชินกับการอยู่กับคนอื่นนี่"
"แต่ตอนนี้ชินแล้ว...จะอยู่นานเท่าไรก็ได้"
เขายิ้มให้สายตาอบอุ่น...ว๊ายเขิล
ฉันมัวแต่ม้วนอาย อีกแล้วเผลอลืมลงน้ำหนักที่ขาข้างเจ็บอีกแล้ว เขารีบคว้าแต่ไม่ทันล้มลงทั้งคู่ปากเขาชนกับปากฉัน
"โอ๊ย...โอ๊ย..."
แตกสิครับไม่เห็นเหมือนในซีรีย์เกาหลีเลยฉากแบบนี้ฟินจิกหมอนทุกเรื่อง
"นี่เธอ..อีกแล้ว..เลือดเลยนี่ ปากบวมขนาดนี้จะไปทำงานยังไงพรุ่งนี้มีสัมภาษณ์สดด้วยสิ"
เขาเดินไปโทรศัพท์คุยกับผู้จัดการ
"ฮัลโหลพี่เกิดอุบัติเหตุปากบวมมากพรุ่งนี้ทำยังไงดีครับ"
"โอย ปากบวมจะมาออกรายการได้ยังไงรอให้หายก่อนเดี๋ยวจะให้เขาเลื่อนนัดไปก่อนไปทำอีท่าไหนเนี่ย คราวหลังระวังตัวด้วยสิ"
"นอนเถอะ...ก็ดีเหมือนกันจะได้พักบ้าง เดี๋ยวพรุ่งนี้จะพาไปเลย"
"ไปทำไม่เลย?"
"นี่มุขใช่มั้ย?"
"มุขอะไร?"
"จะพาไปนนทบุรีเลย...เลยพูดสั้นๆก็เราพึ่งคุยกันเรื่องนี้เมื่อกี้เนี่ย ใครจะรู้ว่าเธอขี้ลืม"
"ขอบคุณนะ..แต่รีบพาไปเพราะเห็นฉันเป็นตัวซวยรึเปล่า
อยู่ใกล้ฉันทีไรมีแต่เรื่อง "
"ไม่หรอก ไม่มีหรอกตัวซวย ตัวมันเป็นยังไง?"
"งั้นนอนก่แนนะคะ รีบนอน ดีกว่า"
เช้าวันรุ่งขึ้น
"ปิ๊ง..ป่อง.."
"ปิ๊งป่อง...ปิ๊งป่อง"
เสียงกดออดที่ประตูหน้าบ้าน เขาเดินไปเปิดแล้วก็กลับมาพร้อมกับคู่หูของเขา
"5555..ปากเป็นครุฑทั้งคู่เลย ยังไง ยังไง จูบกันยังไงให้ปากแตกร้อนแรงนะนี่ "
"จูบเจิบที่ไหนกัน ชนกัน ยัยนี่ซุ่มซ่าม ทำชั้นเจ็บตัวทุกครั้งที่อยู่ใกล้ วันนี้เราจะพาเขาไปหาแม่เขา"
"อ้าวจำได้แล้วหรือว่าบ้านอยู่ไหน ?"
ดรีมขับรถพาฉันกับดิวไปนนทบุรี ยุคนี้บนถนนรถไม่เยอะเหมือนปัจจุบัน หลังบ้านยายอยู่ริมแม่น้ำนน หน้าบ้านขายของชำ ตอนเด็กๆแม่พาไปบ้านยายบ่อย
ถึงบ้านยายแล้ว ฉันเดินลงไปอย่างตื่นเต้นดีใจ จะพูดกับพวกเขายังไงดี ให้พวกเขาเชื่อ ฉันเดินเข้าไปในบ้านเห็นแม่นั่งฟังซาวเบ้าของรักของหวงของแม่ปัจจุบันก็ยังอยู่แต่ใช้งานไม่ได้แล้วแม่เก็บไว้เป็นที่ระรึกเพราะมีลายเซ็นไอดอลของแม่
"ดวงใจมาขายของ...!"
ยายเรียกแม่เสียงดังพร้อมดึงซาวเบ้าออกจากหูแม่
"ฟังแต่ไอ้นี่จะได้ยินลูกค้าสั่งของมั๊ย?"
คำพูดของแม่ผุดขึ้นมาในหัวทันทีแล้วก็นึกขำ
"แกนี่ดื้อเหมือนใคร...พูดอะไรไม่ค่อยจะฟังย้อนแม่เถียงแม่ทุกคำ"
ที่แท้ดื้อได้แม่นี่เอง ยายด่าแม่ แม่ก็เถียงยาย ฉันยืนดูอยู่พักหนึ่ง รอจังหวะ
ยายหันมาเห็นฉันยายถามฉันว่า
"เอาอะไรจ๊ะหนู...เอ๊ะทำไมหน้าตาเหมือนดวงใจ..หรือว่า..!?"
"หนูเป็น..หนูเป็น..." .
ยังไม่ทันจะบอกเสียงยายก็ตะโกนด่าตาว่า
"ไอ้แก่...มึงไปไข่ทิ้งไว้ที่ไหนออกมาดูผลงานเลย"
เสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นเพราะความเข้าใจผิดแล้วก็ไม่มีใครฟังฉันสักคนเลยกรรมจริงๆทะเลาะกันไปให้พอ
"โอย..เหนื่อยแล้ว..มาเธอเป็นใครบอกมาเป็นลูกของไอ้แก่นี่ใช่มั้ย?"
"ไม่ใช่จ่ะ"
"อ้าว..ทำไมไม่บอกแต่แรก"
"ไอ้แก่เป็นไงบ้างตายห่าละตาบามปากเจ่อ...หัวแตกด้วยนี่..ข้าขอโทษ..ปะไปหาหมอกัน"
"อะอะอ้าว..และ..และ...แล้วจะบอกใครละใครจะฟังหนู¡ล่ะ?"
"เธอไม่ใช่ลูกที่พ่อไปไข่ทิ้งไว้แล้วทำไมเธอหน้าเหมือนชั้น..บอกมา"
"หนูลูกแม่ไง..หนูมาจากอนาคต หนูจะมาขออยู่กับแม่จนกว่าจะหาหางกลับโลกอนาคตได้"
"บ้าป่าวเนี่ย..หลุดออกมาจากศรีธัญญาแน่เลย?"
"แม่ชอบนักร้อง ดิวกับดรีมไง แม่แต่งงานกับพ่อชื่อเด่น
มีลูกชื่อดิวกับดนตรี "
"ยุคนี้ใครไม่ชอบบ้างดิวกับดรีมเขาก็ชอบกันทั้งนั้นแหละ
แล้วก็ไม่มีวันที่ชั้นจะแต่งงานกับไอ้เด่นนักดนตรีกระจอกนั่น..เธอออกไปเถอะก่อนชั้นจะเรียกตำรวจนะ"
"ขอโทษครับ..พอดีเพื่อนผมสมองได้รับการกระทบกระเทือน..จำผิดจำถูก..ผมขอพาเธอกลับบ้านนะครับ"
"กรี๊ดดดดด...ดิว..ดิว..ตัวเป็นๆ..ดิวตัวจริง..ขอลายเซ็นต์หน่อยค่ะ"
แล้วแม่ก็ยื่นซาวเบ้าให้เขาเซ็นต์โดยไม่สนใจฉันเลย ฉันสิ้นหวัง ฉันจะกลายเป็นคนเถื่อน ในยุคนี้ไม่มีตัวตนไม่มีหลักฐานอะไรเลยฉันจะอยู่ยังไง ฉันเหมือนหมาหลงทางจริงๆแล้วคราวนี้ ฉันร้องไห้..ร้องไห้..แล้วก็ร้องไห้ นานเท่าไรไม่รู้ ร้องจนหลับไป ตื่นขึ้นมาอีกที
"ซ่าาา...ซ่าาา..เอ๊ะเสียงอะไรสงสัยฝัน"
"ถึงแล้ว...ถึงทะเลแล้ว...ไปเล่นน้ำกันเถอะ"
คือพาคนขาเป๋มาทะเลแล้วตรูจะเล่นน้ำยังไงก่อน
"555..ปากก็บวมตาก็บวม"
"ไอ้ดรีม..ปากหมาจริงมึง..ถือว่ามาพักผ่อนช่วงนี้นะจะได้สบายใจขึ้นไม่ต้องห่วงนะถ้าเธอกลับบ้านไม่ได้จริงๆ ชั้นจะเลี้ยงเธอเอง ชั้นรวยนะ"
คำพูดแค่ไม่กี่คำทำให้ฉันผ่อนคลายมีความสุขได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ ลืมสิ่งที่เกิดขึ้น ลืมโลกโซเชียลที่รัก ลืมเพื่อนที่รัก ดรีมลากดิวลงทะเล อืม..ลืมเถอะโลกอนาคต..เราคงต้องอยู่กับยุค90ให้ได้...ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้ฉันลืมทุกอย่างได้จริงๆ...อืม..ฟิน..
ไม่ว่าจะยืนจะเดินหรือนั่ง
คือดูดีไปซะหมด...คนไร
"นี่เธอ...ดิวมันไปจองห้องแล้วนะเดี๋ยวมาเราจะค้างกันที่นี่3วัน3คืนสบายใจขึ้นยัง...เอ่อเธอเป็นลูกเมียน้อยหรือ?"
"ไม่ใช่.."
"อ้าวชั้นเห็นทะเลาะกันยกใหญ่แล้วก็ไล่เธอด้วย"
"ฉันมาจากอนาคต..ไม่เชื่อล่ะสิไปก็แน่ล่ะใครจะไปเชื่อ ฉันยังไม่อยากเชื่อ"
"พิสูจน์สิเผื่อชั้นจะเชื่อ"
"อ่ะ..นี่ไงสิ่งที่พิสูจน์"
ฉันยื่นโทรศัพท์เครื่องใหญ่จอดำพร้อมกับเปิดรูปให้ดูซึ่งฉันปิดมันไว้ตลอดกลัวแบตหมด เขาดูรูปนู้นรูปนี้แล้วก็ถาม..ถาม..แล้วก็ถาม..สิ่งที่อยู่ในเครื่องมันตื่นตาตื่นใจเขามาก แล้วแบตเตอรี่ก็หมด ฉันยื่นบัตรประชาชน กับธนบัตรที่มีรูปพระเจ้าอยู่หัวฯยุคปัจจุบันให้ดูเขายิ่งตกใจมากกว่าเดิม
"นี่เรื่องจริงใช่มั๊ยนี่?"
"นี่คุยไรกัน..มึงนอนกับกู"
"ส่วนเธอ..นอนคนเดียวถัดไปอีก5ห้อง เกือบได้นอนด้วยกันทั้ง3คนแล้ว"
"อ้าว..ทำไม่ไม่นอนรวมกันเลยล่ะ?"
"นี่เธอ..เธอเป็นผู้หญิงมันจะดูไม่ดี..โชคดีที่ห้องนั้นคนจองเขาไม่มา"
เสียดายจริงอุตส่าห์คิดว่าจะได้ดูกล้ามเป็นมัดๆตอนอาบน้ำสักหน่อย..คริคริ..
"นี่ๆ..ยิ้มกรุ่มกริ่มอะไร ดรีมมะกี้คุยอะไรกัน"
"เธอมาจากอนาคต..กูนี่ยังคิดไม่ถึงเลยตกใจไม่หาย..มึงมึงเชื่อปล่าว?"
"กูเชื่อ.."
"อ้าว..ทำไมเชื่อง่าย?"
"กูรู้ตั้งนานแล้ว..ก็ตกใจอยู่แต่มันเป็นไปแล้วแก้ไขอะไรไม่ได้ต้องอยู่กับมันให้ได้..เข้าใจมั๊ยเธอ?"
"ล็อตเตอรี่..ล็อตเตอรี่"
"อ้าว..ไม่ฟังเลย.."
ฉันรู้วิทีเอาตัวรอดในยุคนี้แล้ว ขอบคุณคุณยายที่จดเลขไว้ ฉันจะรวย
"386411 มีมั๊ยถ้ามีเอาหมด"
"คุณๆยืมตังค์หน่อย"
"แล้วเธอจะเอาที่ไหนคืนชั้นล่ะ"
"เถอะน่ามันถูกชัวร์"
"ก็เห็นเป็นแบบนี้ทุกคนบอกว่าถูกชัวร์ ถูกชัวร์หวยออกมาหน้าหงอยเหมือนหมาเหงาทุกราย"
"ได้5ใบเอาหมดมั๊ย?"
"เอาหมดค่ะป้า...น่านะนะขอแค่ครั้งเดียว"
"ฉันจะได้30ล้าน 5×6=30...555ฉันจะรวย"
"ตกเลขหรือถ้าถูกเธอจะได้ 15 ล้าน ใบละ3ล้าน"
"อ้าว..6ล้านไม่ใช่หรือ"
"3ล้านไปเอาแต่ไหน6ล้าน"
"ก็...เออช่างเถอะ3ก็3...ยังไงก็ได้กำไรอยู่ดี"
"เออเมื่อกี้เห็นรูปในโทรศัพท์นั่น..ทำไมคนยุคเธอถึงใส่หน้ากากกันทุกคนเลยล่ะใส่ทำไม?"
"ใช่ตอนนี้นที่เธอเปิดโทรศัพท์ให้ดูชั้นก็เห็นแต่ไม่ได้ถาม"
ทั้งคู่เขยิบเข้ามาใกล้เพราะอยากรู้
"ก็มันเกิดโรคระบาดชนิดหนึ่งชื่อโควิด19 ร้ายแรงมากคนตายหลายล้านทั่วโลก มันติดกันได้ทางอากาศ ทางเดินหายใจ ฉันต้องใส่แมสตลอดทั้งวันตอนออกนอกบ้าน
เรียนก็เรียนอยู่บ้าน"
"อ้าว..เรียนอยู่บ้านเรียนยังไง?"
"เรียนออนไลน์..เรียนกับโทรศัพท์อันใหญ่จอดำนั่นแหละ"
"โอ๊ย..งงไม่เข้าใจ"
"แล้ว..เธอรอดมาได้ไง?"
"ใครบอกว่ารอดฉันติด.."
เล่ายังไม่ทันจบทั้งสองก็ถอยกรูดออกห่าง...ห่างมาก
"โอ๊ยย...หายแล้ว โรคนี้หายได้ ใครไม่มีโรคประจำตัวแข็งแรงก็รอด คนที่ไม่แข็งแรงก็ตาย..แต่ฉันก็เกือบตายมันทรมารมาก"
"ไปเย็นแล้วไปหาอะไรกินที่โรงแรมกัน"
"ความคิดดีหิวแล้วด้วย"
ทั้งสองคนให้ฉันเกาะไหล่คนละข้างหิ้วคนขาเป๋กลับห้อง
ก็มีความสุขดี สุดท้ายแล้วเราก็จำเป็นต้องปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมให้ได้ ต้องอยู่ให้ได้ วันข้างหน้าช่างมันเถอะเราจะใช้ชีวิตให้เต็มที่อย่างที่เราอยากทำ...อย่างที่เราไม่เคยได้ทำ...เพราะแม่เข้มงวดมาก...
"นี่เธอ....อันนี้มันคอกเทลนะมีแอลกอฮอล์..เมานะ"
"เมาก็เมาสิฉันจะใช้ชีวิตให้เต็มที่เลย...แต่อร่อยจัง"
"ช่างเถอะ..เดี๋ยวถ้าเมาเราก็ช่วยกันแบกเธอไปก็ได้..เอ้าชนแก้ว..."
นี่สินะอาการเมามันสนุกแบบนี้นี่เองมึนๆเบรอๆแม่ไม่เคยให้ไปงานวันเกิดเพื่อนเลยเพราะกลัวฉันจะแอบไปดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ขาก็ไม่สามัคคีกันเลยขัดกันอยู่นั่น ขาเป๋ก็ลำบากมากพอแล้วยังจะเมาอีกควบคุมไม่ได้เลย กินที่ปากทำไมมาเมาที่ขาวะไม่เข้าใจ
"ดิวอีกนิดเดียวถึงห้องเขาแล้วมึงไปส่งเขานะกูไม่ไหวแล้ว อยากอ้วกขอเข้าห้องก่อนนะ.."
"อ้าว...มึงนี่ใหนบอกจะช่วยกัน"
ดิวพาฉันมาส่งที่ห้อง เขาพาฉันไปส่งที่เตียงนอนฉันเหมือนควบคุมสิ่งที่คิดไม่ได้เลยคิดอะไรก็ทำตามที่คิดเลย ฉันใช้แขน2ข้างโน้มคอเขาลงมา เขาก็ลงมาตามแรงโน้ม ริมฝีปากร้อนผ่าวของเขาสัมผัสกับริมฝีปากของฉัน
เป็นจูบแรกที่หอมหวานและน่าจดจำมากถึงแม้ว่าฉันจะเป็นฝ่ายเริ่มก่อนก็เถอะ..อืมม..ฟิน..
"โอยปวดหัวจัง...เมื่อคืน..ฝันบ้าอะไรไม่รู้น่าอายชะมัดฝันว่าจูบกับเขาอย่างดูดดื่มซะด้วยร้อนแรงเชียว"