ไป๋ซู่ฮวาได้หัวไชเท้ากับถั่วฝักยาวมา นางหามะเขือเทศแต่ดูเหมือนที่นี่ไม่มี ลองหาบนเขาดู ต้องมีอะไรบ้างล่ะอย่าให้เสียชื่อนักพฤกศาสตร์สิไป๋ซู่ฮวา
ไป๋ซู่ฮวาขอตัวกลับป้าโจวลูบหลังมือตบเบาๆให้กำลังใจ ไป๋ซู่ฮวาหยิบเนื้อเสือกมาหนึ่งชิ้นก่อนจะใส่ในตะกร้าผักที่ป้าโจวเก็บมาพร้อมนาง
"ท่านป้าวันนี้ขึ้นเขา บังเอิญอาหลี่น้องชายสามีกับเพื่อนนายพรานของเขาเจอเสือถูกหมาป่ารุมกัดจนบาดเจ็บพวกเขาเลยช่วยให้พวกมันพ้นทุกข์ ข้าแบ่งมาให้ท่านสองชั่ง แม้ไม่มากเท่าไหร่ท่านป้าอย่ารังเกียจเลยนะเจ้าคะ"
"เสี่ยวฮวา วันหลังอย่าเอาอะไรมาอีก สามีเจ้าก็ต้องใช้ยายังมีเด็กๆให้เลี้ยงอีกสามคน แถมมีญาติมาอยู่ด้วยอีก คนเพิ่มปากท้องก็เพิ่ม"
"อาหลี่กับเสี่ยวจิ้งเป็นนายพราน ต่อไปบ้านข้าคงไม่ขลาดแคลนเนื้อ ท่านป้าอย่ากังวลเลยเจ้าค่ะ ข้าต้องกลับแล้วเดี๋ยวท่านพี่ต้องกินข้าวกินยาให้ตรงเวลา ท่านหมอสั่งเอาไว้ ลานะเจ้าคะ"
"อืม เดินดีๆ ระวังจางชุนด้วยได้ข่าวว่าเสียดายเจ้าจะแย่งเจ้าคืนจากสามี คงคิดว่าตัวเองรูปงามมากกระมัง ก็แค่ในหมู่บ้านเล็กๆเขาก็เหมือนดอกไม้ในกระถางมีอะไรให้อวด"
ไป๋ซู่ฮวารับคำก่อนจะเดินจากมา กลางทางนางเจอจางชุนจริงๆกับสหายเขาอีกสามคน จางชุนเดินมาดักหน้านาง พยายามจะถึงเนื้อถึงตัว
ยิ่งสายตาของเขาเห็นรอยแดงราวกับดอกเหมยที่ลำคอขาวนวลก็ยิ่งโมโห นางคือหญิงงามที่ควรนอนครวญครางเรียกหาชื่อเขายามที่เขารักนาง ยามที่เขาอยู่บนร่างอรชรนี่ เอวบางที่กำได้ในมือข้างเดียวนั่น ไม่ใช่ไอ้ขาเป๋นั่นที่ได้ครอบครอง
ไหนยังมีที่ดินหกหมู่ไหนจะที่ดินของนางอีกสิบหมู่ มารดาบอกว่าแค่ทำให้นางมาเป็นของเขาเสีย หากนางกล้าพูดมากนางคงถูกถ่วงน้ำนางไม่กล้าหรอก
"เสี่ยวฮวาจ๋า เจ้ามาทำอะไรหรือ ให้พี่จางชุนช่วยดีไหม โถๆเหงื่อท่วมเลย เจ้าขาเป๋นั่นทำเจ้าลำบากนัก"
จางชุนเดินเข้าหา ไป๋ซู่ฮวาไม่อยากมีเรื่องนางรำคาญ แต่เขาไม่หยุดกลับพาเพื่อนมาล้อมนางเอาไว้ ไป๋ซู่ฮวาถอนหายใจ จับทุ่มเลยดีไหมปกติร่างนี้ก็ไม่ได้ยอมคนเท่าไหร่ ยังไม่ทันลงมือก็มีท่อนไม้ฟาดใส่คนเหล่านั้นไม่ยั้ง
"โอ๊ย นางบ้าไป๋ลู่แกกล้าตีพวกข้าหรือนังอัปลักษณ์ อยากเจ็บตัวมากใช่ไหม"
จางชุนกำลังเงื้อมือจะตบไปลู่แต่มือของเขาก็ถูกคนจับไว้ก่อนจะออกแรงบีบจนได้ยินเสียงกระดูกหัก อาหลี่ที่กลับมาจากในเมืองเห็นสี่คนนี้กำลังล้อมอาซ้อมของเขาอยู่จึงรีบมา แต่ไป๋ลู่กลับมาจากไหนไม่รู้คว้าไม้ไล่ตีคนเหล่านั้น บัณทิตอีกสามคนถูกไป๋เจิน อาสามของไป๋ซู่ฮวาทุบตี จนวิ่งหนีกระเจิง
"จางชุน หากข้าอาหลี่รู้หรือเห็นเจ้ารังแกไป๋ลู่กับอาซ้อข้าอีก มืออีกข้างเจ้าก็ไม่ต้องเก็บไว้แล้วไสหัวไป"
อาหลี่คาดโทษสายตาน่ากลัวยิ่งนัก ก่อนจะจับมือไปลู่มาดู เห็นว่านางไม่เป็นอะไรก็วางใจ เขาไม่เคยรังเกียจนางเลย แม้ว่าใบหน้าจะมีตุ่มบ้าง แต่ไม่ถึงกับน่าเกลียด นางเป็นคนดีมีน้ำใจกับผู้อื่นเสมอ เขาเคยปลอมตัวไปขออาหารนางๆก็ให้ทั้งที่ตัวเองลำบาก อาหลี่จึงอยากปกป้องนาง
"เสี่ยวฮวา อาสามไม่อยู่ทำพวกเจ้าลำบากหลายเรื่องเชียว ท่านพ่อกับท่านแม่ก็ใจร้ายนัก ถ้าวันนี้พ่อหนุ่มอาหลี่คนนี้ไม่ไปหา อาสามคงไม่รู้ว่าเจ้าถูกคนรังแกถึงเพียงนี้"
ไป๋ซู่ฮวาน้ำตาคลอ แน่นอนเป็นความรู้สึกของเด็กน้อยเจ้าของร่าง มีเพียงไป๋เจินกับไป๋ลู่ที่เห็นนางเป็นคนในครอบครัว ไป๋ซู่ฮวากอดอาสามของนางแน่น สะอื้นจนตัวโยน
"อาสาม ท่านมาสักทีข้ากับอาเล็กคิดถึงท่านยิ่งนักฮือๆๆๆ" ไป๋เจินลูบหลังหลานสาม ก่อนจะพากันไปยังบ้านเชิงเขา
ไป๋ซู่ฮวาแนะนำให้เขารู้จักกับหยางหนิงเฉิง ทั้งคู่คุยกันถูกคอ ไป๋เจินมีฝีมือไม่น้อยแต่เพราะล่าสัตว์มาก็ขายนำเงินให้บิดามารดาจนหมด กระทั่งเขาถูกหมาป่าทำร้าย บิดามารดาไม่ออกเงินสักบาท
เป็นหลานสาวที่เอาปิ่นปักผมไปจำนำ เพื่อเงินให้เขาไปรักษาไป๋เจินจึงล้มเลิกล่าสัตว์หันไปรับจ้างในเมืองแทน เพื่อรวบรวมเงินไถ่ถอนปิ่นมาคืนหลานสาว
หากล่าสัตว์ต้องเสี่ยงบาดเจ็บ อีกทั้งเงินยังตกอยู่กับมารดาทุกอีแปะ อาหลี่เข้ามาในห้องนำเงินมาให้หยางหนิงเฉิงไว้ก่อน เพราะไป๋ซู่ฮวาวยังอยู่ในครัว
"ท่านอ๋องพระชายาเก่งยิ่งนัก กระดูกเสือนั่นขายได้ถึงห้าร้อยตำลึง เลือดเสืออีกสองร้อยตำลึง ท่านหมอหยุนบอกว่ามันเป็นของหายาก เสือล่าไม่ได้ง่ายๆ"
หยางหนิงเฉิงรับตั๋วเงินจากองครักษ์ของตนมาก่อนจะได้ยินเสียงหวานๆของภรรยา
"ท่านอา ทานข้าวได้แล้วเจ้าค่ะอีกสักครู่ผู้ใหญ่บ้านจะมา ข้าเชิญเขาเอาไว้ด้วย"
ไป๋ซู่ฮวาทำเนื้อย่าง น้ำแกงไชเท้ากับกระดูกหมู ถั่วฝักยาวผัดใส่เนื้อหมูกับพริก มีข้าวสวย ส่วนของเด็กสามคนเป็นไข่ผัดกับเห็ดที่เก็บมา ถั่วผัดไม่ใส่พริกแยกไว้ให้ ผู้นำหมู่บ้านมาแล้ว ทั้งหมดนั่งลงกินข้าว วันนี้หยางหนิงเฉิงออกมากินข้าวด้วย เขาทำให้ทุกคนเห็นว่าเขากำลังหายดี ทุกคนจึงยินดีกับไป๋ซู่ฮวา
"เฮ้อ นังหนูเอ๊ยปู่ดีใจจริงๆ สามีเจ้าจะได้กลับไปเรียนหนังสือสักที เจ้าจะได้ไม่ลำบาก บ้านปู่ย่าเจ้านั้นเฮ้อ ข้าไม่อยากพูดจริงๆ"
"ท่านลุง ข้าว่าจะกลับมาทำไร่ นาของเสี่ยวฮวาหลายหมู่นัก นางเป็นสตรีสามีก็เป็นบัณฑิต จะทำอย่างไรไหวกัน"ไป๋เจินออกความเห็น ไป๋ซู่ฮวาจึงเอ่ยขัด
"อย่าเลยอาสาม ข้าจะส่งซูหยางไปเรียนรวมถึงหนิงเจินด้วย อาสามท่านเคยร่ำเรียนมาบ้าง ท่านเองก็ไปด้วยข้ามีเงินพอส่งเสีย ท่านจะได้ช่วยดูแลพวกเขาด้วยเจ้าค่ะ"
"เสี่ยวฮวา อาสามอายุยี่สิบสามแล้ว ไม่เรียนๆให้เด็กๆไปเถอะ อีกอย่างสามีเจ้าหายแล้วก็ต้องไปเรียนด้วยเขาก็คุ้มครองเด็กๆได้"
ไป๋เจินไม่อยากเป็นภาระหลานสาว ปิ่นเงินนั้นที่นางนำไปจำนำ เขาหาเงินพยายามเก็บเงินเพื่อไถ่ถอนมาคืนนางอยู่
"ท่านอาสามท่านฟังเมียข้าเถอะ ข้าได้ข่าวญาติผู้พี่แล้ว จะออกไปตามหานางอาจให้เวลาหลายเดือน ท่านมาช่วยดูแลพวกนางข้าก็วางใจ จางชุนคนนั้นวันนี้ก็ยังสร้างความรำคาญใจให้เมียข้าอีก ส่วนสำนักศึกษาก็เข้าเรียนที่ข้าเคยเรียนนั่นแหละ"
ไป๋ซู่ฮวามองหน้าหยางหนิงเฉิงแต่ไม่กล่าวอะไร นางคุยถึงธุระสำคัญกับผู้ใหญ่บ้านว่านางจะเริ่มสอนทำเต้าหู้อีกไม่นาน รอร้านช่างไม้ทำกล่องอัดเต้าหู้เรียบร้อย
นางจะเริ่มสอน
"ท่านปู่วันนี้ขึ้นเขา ข้ากับอาหลี่เจอเสือกับหมาป่าสู้กัน ท่านเตือนชาวบ้านด้วยนะเจ้าคะ เขาลูกนี้ถ้าไม่จำเป็นอย่าขึ้นดีกว่า ข้าเกรงชาวบ้านจะไม่ปลอดภัย ข้าเองก็ต้องเร่งสร้างรั้วให้ปลอดภัยกว่านี้ ลำธารนั้นตื้นเขินนักไม่พอขัดขวางสัตว์ป่าหรอกเจ้าค่ะ เรียบร้อยแล้วข้าจะลงมือสอนพวกเขาทันที"
เมื่อเสร็จเรื่องที่ต้องหารือทุกคนก็แยกย้าย ไป๋เจินกลับเข้าเมืองทันทีไม่ค้างที่เรือนใหญ่
อาหลี่เดินไปส่งไป๋ลู่ทันทีที่ไปซิ่วเห็นเขานางก็เกิดความริษยาไป๋ลู่ อยากให้ท่านย่าขายนางทิ้งไวไว แต่ใครจะรู้เล่าว่าคนรับซื้อเห็นใบหน้าของนางก็บอกไม่ซื้อแล้ว จากนั้นก็สะบัดแขนเสื้อจากไป ชายังได้ดื่มเลย
"เหอะ อัปลักษณ์ขนาดนี้ยังรู้จักยั่วยวนบุรุษ ถ้างามหน่อยคงเป็นดาวเด่นหอนางโลมได้เลยกระมัง"
"หลานรอง วาจาเจ้าใช่ที่สตรียังไม่ออกเรือนควรพูดหรือ มาหาข้าไม่กลัวติดโรคหรืออย่างไร หรือเพื่อผู้ชายอะไรก็ไม่กลัวแล้ว"
ไป๋ลู่ไม่ยอมอีกต่อไป หลานสามพูดถูก เหตุใดต้องทนให้ผู้อื่นรังแกในเมื่อเจ้าเงียบไม่ตอบโต้พวกเขาก็ยิ่งรังแก ก็สู้กลับไปเลย
ไป๋ซิ่วเห็นอาสาวที่คอยทำตัวต่ำต้อยมาตลอดเถียงนางๆก็เงื้อมือจะตบ ไป๋เจินที่เป็นห่วงน้องสาวเลยกะจะมาค้างด้วยจับมือไป๋ซิ่วออกแรงบีบจนไป๋ซิ่วน้ำตาร่วง แต่อาสามคนนี้หากโมโหน่ากลัวยิ่งนัก
"นางเป็นอาเจ้า อายุเท่านี้โหดเหี้ยมนักกล้าลงมือกับญาติผู้ใหญ่ตนเองเชียวหรือ" ไป๋เจินเสียงไม่เบา ทำเอาบิดามารดา และพี่ชายกับสะใภ้พากันมาดู เห็นเขาบีบข้อมมือไป๋ซิ่วจนเป็นรอยห้านิ้วก็ตวาดทันที
"เจ้าสามเจ้าทำอะไร ยังเห็นข้าเป็นพ่ออยู่ไหม ปล่อยหลานเดี๋ยวนี้นะ "
"ใช่ น้องสามซิ่วเอ๋อร์ไปทำอะไรให้กัน เจ้ากลับมาไม่เข้าบ้านคาราวะท่านพ่อท่านแม่แต่กลับมาหาน้องสามก่อน นี่คือความกตัญญูหรือ"
สะใภ้ใหญ่สุมไฟ นางต้องการให้สามีครอบครองบ้านนี้คนเดียว ไป๋เจินไม่ควรอยู่ในสายตาพ่อแม่สามีนาง
"ข้าไม่รบกวนพี่สะใภ้มาสั่งสอนหรอก ไปสอนบุตรสาวท่านเถิด ลงมือตบตีอาเล็กของนางหากเรื่องนี้แพร่ออกไปบุตรสาวท่านยังมีคนอยากได้ไปเป็นภรรยาหรือ"
"เหอะ ไป๋ซิ่วงดงามไม่ได้อัปลักษณ์เช่นไป๋ลู่ เหตุใดจะไม่มีใครอยากแต่งนางกัน เจ้ามาทำไม แล้วเงินล่ะมาทั้งที ไหนเงินที่ต้องให้ข้ากับบิดาเจ้า"
ไป๋เจินถอนหายใจข่มความโกรธ ก่อนจะเอ่ยขึ้นเขาไม่ยอมอีกแล้วพอกันที
"ข้าจะไม่ทำงานที่โรงไม้แล้ว ข้าจะกลับมาช่วยเสี่ยฮวาทำไร่ในที่ดินของนาง ค่ายาที่นางเอาปิ่นเงินไปจำนำนั้นยี่สิบตำลึง ข้าหาไม่ได้ มีแต่ทำงานใช้หนี้นางเท่านั้น"
"อะไรนะ? ยี่สิบตำลึง เจ้าสารเลวเงินเยอะเพียงนั้นเจ้ากลับเอาไปถลุงหมดแทนที่จะมาตอบแทนข้ากับบิดาเจ้า"
แม่เฒ่าไป๋ได้ยินถึงกับอยากฆ่าบุตรชาย นางรู้แค่ว่าหลานสาวเอาปิ่นที่แม่ของนางทิ้งไว้ให้ไปจำนำ เอาเงินมาให้ไป๋เจินไปโรงหมอ แต่ยี่สิบตำลึงเชียวนะนี่มันเงินเยอะเพียงใดกัน สารเลวๆทั้งนั้น
"ท่านแม่ ขาของข้าต้องรักษา ไม่เช่นนั้นจะหาเงินจากไหนมาให้ลูกหลานขี้เกียจของท่านผลาญกัน กลับไปเถอะข้าจะค้างกับน้องเล็กดึกมากแล้ว พรุ่งนี้ข้ายังมีงาน หากยังอยากได้เงินจากข้าอยู่ท่านก็เงียบหน่อยเถอะ พี่ใหญ่กับบุตรชายของเขาสองคนหาได้ถึงสามตำลึงยังให้ท่านแค่ห้าร้อยอีแปะไม่เห็นท่านกล่าวว่าเลยนี่"
สองผู้เฒ่ามองหน้าบุตรชายคนโตกับสะใภ้ทันที จากนั้นในบ้านใหญ่ก็มีเสียงด่าทอตบตีสองผัวเมียดังมา ที่แอบเก็บเงินเอาไว้เอง
"พี่สาม พวกเขาเป็นพ่อแม่แบบใดกันข้าไม่เข้าใจ หรือว่าเราไม่ใช่บุตรพวกเขากันแน่"
ไป๋ลู่น้ำตาไหลจนไป๋เจินต้องลูบหลังแล้วบอกให้น้องสาวไปนอน