6

1499 Words
ชายหนุ่มยอมปล่อยร่างเด็กสาวแต่โดยดี ก่อนจะเอ่ยถามเสียงราบเรียบไร้อารมณ์ความรู้สึกโกรธเคืองเมื่อตัดมันทิ้งไปหมดสิ้นแล้ว “ทำไมต้องปาก้อนหินใส่พี่ด้วยคะ รู้ไหมว่าการทำร้ายคนอื่นมันไม่ดี และเป็นนิสัยของคนพาล” หัสดินทอดสายตาอ่อนโยนมองเด็กสาว ไม่ถือโทษโกรธ แถมยังพูดเป็นเชิงสั่งสอนมากกว่าจะตำหนิแรงๆ ซึ่งถ้าเป็นคนอื่นพลอยชมพูอาจโดนสั่งสอนไปแล้ว ความอดทนของมนุษย์มักไม่เท่ากันแล้วแต่การฝึกฝน มารดาสอนให้เขาระงับใจและใจเย็นเสมอในสถานการณ์ต่างๆ “ใครปา อย่ามาใส่ร้ายเค้านะ พูดแบบนี้จะหาเรื่องกันใช่ไหม ไหนล่ะหลักฐาน ถ้ามีก็เอาออกมา” พลอยชมพูแยกเขี้ยวใส่ไม่เกรงกลัว พูดจายียวนกวนประสาทอีกฝ่าย ยิ่งเห็นพี่ชายร่วมบ้านไม่ทำท่าโกรธเคือง ยิ่งอยากจะยั่วให้สาแก่ใจ หัสดินวางสีหน้าเรียบเฉย มองเด็กสาวนิ่งเพื่อประเมิน ฟันซี่สวยของสาวน้อยที่มีเขี้ยวทั้งสองข้างดูน่ารักนักเวลายิ้ม ท่าทางพลอยชมพูจะเป็นคนอยากเอาชนะนัก เขาพอจะนึกออกว่ามารดาเอาชนะพลอยชมพูโดยการเกลี่ยกล่อมให้เธอทานข้าวได้อย่างไร “น้องบัวยังไม่นอนเหรอคะ ดึกๆ แบบนี้น้ำค้างแรง ระวังจะไม่สบาย” เขาถามเสียงสุภาพ เปลี่ยนเรื่องกะทันหัน ไม่อยากพูดเรื่องที่ต้องทำให้ทะเลาะกัน ชายหนุ่มเงยหน้ามองท้องฟ้าเบื้องบน ท้องฟ้าทุกค่ำคืนมีดวงดาวเหมือนกัน แต่ต่างสถานที่เท่านั้น เมื่อก่อนเขาเคยมองมันอยู่อีกที่หนึ่งของประเทศ แต่ตอนนี้กลับมาอยู่อีกที่ แต่ความสวยงามไม่ได้ลดน้อยลงไปเลยแม้แต่น้อย พลอยชมพูแอบเบ้หน้าใส่ด้วยความหมั่นไส้ เธอทำถึงขนาดนี้ยังจะมาพูดดีอีก สงสัยคงจะจนกรอบจนต้องยอมเธอขนาดนี้เพราะกลัวมีปัญหาถ้าจะมีเรื่องด้วย สองแม่ลูกนี่อยากเกาะพ่อของเธอไปจนวันตายหรือไงกัน เด็กสาวคิดอย่างหมิ่นๆ “บอกแล้วว่าใครเป็นน้องนาย ถามโง่ๆ ก็เห็นอยู่ว่ายังไม่นอน ที่สำคัญฉันร่างกายแข็งแรงไม่เป็นอะไรง่ายๆ หรอก ไม่ต้องมาแสร้งทำเป็นหวังดี” พลอยชมพูตอบแล้วเดินหนีเข้าบ้านไปอีกด้าน ไม่อยากจะเสวนากับคนน่าเบื่อแบบหัสดินอีก “นอนหลับฝันดีนะคะน้องบัว การพูดจากับคนอื่นให้เป็นที่นิยมชมชอบ ต้องพูดให้ไพเราะ และให้เกียรติ เราจะได้รับเกียรติอันนั้นด้วย เราลองคิดดูว่าถ้าคนอื่นพูดกับเราไม่ดี เราจะรู้สึกเช่นไร เราอยากให้คนอื่นปฏิบัติกับเราดียังไง เราต้องปฏิบัติกับเขาให้ดีเช่นนั้นด้วย” หัสดินพูดเสียงอ่อนโยนมองตามร่างเด็กสาวไปจนสุดตา     พลอยชมพูหันมาแลบลิ้น แยกเขี้ยวใส่อีกรอบ ไม่สนใจคำสั่งสอนนั่นสักนิด “ไม่อยากพูดดีกับนายมีอะไรไหม เพราะกับคนอื่นฉันพูดเพราะ อย่ามาอบรมสั่งสอนไม่ใช่พ่อไม่ใช่แม่” สาวน้อยเชิดใส่หยิ่งๆ มองอีกฝ่ายหมิ่นๆ “หากเราไม่ได้ถือโกรธก็ควรระงับอารมณ์ การหัดเป็นคนใจเย็นเป็นการฝึกจิตอย่างหนึ่ง เราจะได้ไม่รุ่มร้อนไม่กระวนกระวายใจ ไม่ทุกข์ใจกับคำพูดหรือการกระทำของคนอื่น” หัสดินยังเอ่ยเตือนเสียงราบเรียบ “ไม่อยากฟัง ไปเทศน์ที่อื่นได้ไหม รำคาญ คอยดูว่านายจะใจเย็นแค่ไหน เวลามีคนอื่นทำร้ายยังจะใจเย็นอยู่อีกไหม ฉันไม่เชื่อนายหรอก คนเราต้องตาต่อตาฟันต่อฟัน ไม่อย่างนั้นโดนคนอื่นรังแกอยู่ร่ำไป” พลอยชมพูตะโกนใส่หน้าหัสดินก่อนวิ่งหนีเข้าบ้าน หัสดินยังใจเย็นเสมอ แม้จะได้ยินคำพูดนั้นของพลอยชมพู เธอคงไม่มีใครสอนในเรื่องนี้ ยิ่งทรงศักดิ์ด้วยแล้วเป็นคนอารมณ์ร้อน มุทะลุ และต้องดูแลคนงานมากมาย เขาคงไม่มีเวลามาใส่ใจเรื่องละเอียดอ่อนแบบนี้ แต่เช่นไรเสียเขาก็สัมผัสได้ว่าบิดาเลี้ยงท่านเป็นคนดี แล้วรักบุตรสาวยิ่งกว่าแก้วตาดวงใจ ชายหนุ่มเดินตามเข้าบ้านแต่ทิ้งระยะห่างเอาไว้ เขาทำตามคำพูดของมารดาเสมอ อาศัยอยู่บ้านคนอื่นอย่าได้ทำให้เจ้าของบ้านเดือดร้อน ขุ่นข้องหมองใจ ต้องช่วยเหลือทำงานอย่านิ่งดูดายดังสุภาษิตที่ว่าอยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดายปั้นวัวปั้นควายให้ลูกท่านเล่น  น้องบัวคงไม่อยากเล่นวัวเล่นควายหรอกใช่ไหมครับ เขามองตามร่างน้อยของเด็กสาวที่ลับหายขึ้นห้องไป ดีใจที่จะได้มีน้องสาวอีกคน แต่ลึกๆ เด็กหนุ่มวัยสิบเก้ากลับรู้สึกชอบพลอยชมพูมากกว่าน้องสาวเสียแล้ว เขาเป็นหนุ่มคนหนึ่งมีอารมณ์รักใคร่เมื่อย่างเข้าสู่วัยรุ่น การชอบพอเพศตรงข้ามจึงเป็นเรื่องธรรมดามาก แค่ไม่ทำอะไรเสียหายเพียงเท่านั้น “พี่คงไม่คู่ควร แต่สัญญาว่าจะดูแลบัวให้ดีตลอดไป” เขาบอกตัวเองเช่นนั้น เมื่อฐานะเขาและพลอยชมพูคือพี่น้องที่ต้องอยู่ร่วมบ้านกันในขณะนี้ คงไม่ดีแน่หากพี่น้องจะคิดเช่นนี้ แม้จะไม่ใช่พี่น้องคลานตามกันมาก็ตามที ทรงศักดิ์ยิ้มยินดีเมื่อบุตรสาวยอมลงมารับประทานอาหารเช้าด้วยกัน วันนี้ภรรยาของเขาลงมือเข้าครัวจัดการกับอาหารเช้าเหมือนเช่นทุกวัน ช่วงเช้าแบบนี้มีอาหารหนักเป็นข้าวสวยร้อนๆ กับแกงจืดเต้าหู้ ผัดผัก และอาหารอีกหลายอย่าง ซึ่งจะทานอาหารมื้อเช้าค่อนข้างเยอะพอควร เพราะต้องคุมคนงานทำสวนทำไร่ และทำนา ดังนั้นจึงต้องเพิ่มพลังงานในตัวเอง แต่กระนั้นก็ยังมีเครื่องดื่มเป็นกาแฟ โกโก้และชาร้อน ตามแต่สมาชิกในบ้านจะเลือกสรร พลอยชมพูเหลือบมองบิดาที่เอาอกเอาใจภรรยาใหม่จนออกนอกหน้า รวมถึงเอ่ยชมฝีมือการทำอาหารของพรพิมลจนเธอทานไม่ลง ถึงจะรู้ว่าอร่อย แต่พานคิดว่ารสชาติห่วยลงทันที ปกติบิดาและเธอจะชอบทานอาหารรสจัด แต่พอพรพิมลเข้ามาในบ้าน อาหารรสชาติกลมกล่อมขึ้นเพราะนางไม่นิยมทานเผ็ด “ป้าพาคะ บัวขอโกโก้ร้อนกับปาท่องโก๋ค่ะ กับข้าวอะไรก็ไม่รู้ไม่อร่อยสักนิด แทบกลืนไม่ลง” พลอยชมพูเบ้ปากไม่สบอารมณ์ ทุกคนบนโต๊ะอาหารชะงัก เด็กสาวตวัดสายตามองหัสดิน เขามองอยู่ก่อนแล้ว เขาทำหน้านิ่ง เธอจึงสะบัดหน้าใส่เขา พลอยชมพูมองปาท่องโก๋ด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ เธอนำใส่ลงในแก้วโกโก้ให้ชุ่มเพื่อจะนำมาทาน เนื่องจากชอบทานแบบนี้ แต่ครั้งนี้มีอีกจุดประสงค์ “ว้าย” พลอยชมพูใช้ช้อนทำท่าจะตักปาท่องโก๋ที่อยู่ในแก้วโกโก้แต่เธอสะบัดปลายช้อนให้มันลอยไปตกบนหัวของเป้าหมายที่นั่งใกล้กับมารดาของเขาเต็มเหนี่ยว “อุ๊ย! ดินลูก” พรพิมลรีบหยิบปาท่องโก๋ที่ชุ่มไปด้วยโกโก้ออกจากศีรษะลูกชาย ก่อนนำกระดาษทิชชูมาซับให้ “บัวทำอะไรแบบนั้นลูก ไปแกล้งพี่เขาทำไม” ทรงศักดิ์ดุบุตรสาวเสียงเขียว “บัวไม่ได้ตั้งใจนะคะคุณพ่อ มันตักไม่ขึ้นนี่คะ พอออกแรงมันเลยกระเด็น” พลอยชมพูตอบหน้าตาเฉย แอบเบะปากใส่หัสดินโดยไม่ให้บิดาเห็น “ไม่เป็นไรหรอกครับคุณลุง น้องบัวไม่ได้ตั้งใจหรอกครับ ผมก็เห็นว่าน้องบัวพยายามตักแต่มันไม่ขึ้น เลยเผลอออกแรงจนกระเด็นอย่างที่เห็น ความจริงน้องบัวไม่ได้เป็นคนที่ชอบหาเรื่องหรือแกล้งคนอื่นใช่ไหมคะ เพราะถ้าเป็นแบบนั้นเขาเรียกกันว่านิสัยของคนพาล” คำถามท้ายประโยคหัสดินหันไปถามน้องสาวร่วมบ้าน คราแรกพลอยชมพูมองพี่ชายร่วมบ้านแบบคาดไม่ถึง ความรู้สึกผิดฉายวูบในใจเมื่อเขาไม่ถือโทษโกรธแถมยังบอกว่าเธอไม่ได้ตั้งใจ ไม่คิดว่าชายหนุ่มจะไม่ถือโทษโกรธแถมยังปกป้องเธอจากการดุด่าของบิดาอีกด้วย ... แต่เพียงครู่เดียวเด็กสาวก็ปัดมันออกไปด้วยความโมโหเมื่อคำพูดท้ายประโยคของเขาเหมือนเป็นการด่ากันทางอ้อมเสียมากกว่า เธอคิดเช่นนั้น หัสดินไม่ได้ถือโกรธคือเรื่องจริง และท้ายประโยคเขาอยากเตือนสติเธอเท่านั้น “ดินไม่เป็นไรนะลูก” พรพิมลถามลูกชายเบาๆ “ไม่เป็นไรครับแม่” เขายิ้มให้มารดาอย่างใจเย็น ทำให้ท่านคลายใจไปได้ “บัวขอโทษพี่เขาเดี๋ยวนี้ลูก” ทรงศักดิ์สั่งเสียงเข้ม
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD