บทที่ 4 สบตาครั้งแรก

1554 Words
เช้าวันต่อมาบ้านรองมู่ตื่นขึ้นมาตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างดี ด้วยเพราะทุกคนเคยชินกับการตื่นเช้าขนาดนี้ หากนอนต่อนั่นหมายถึงว่าอาจจะล้มป่วยหรือเหนื่อยจนเกินไปจึงได้ตื่นสาย “พี่ใหญ่ พี่ไปยืมเงินใครมาเหรอ” “เงินอะไรอันเหมย” จากที่งัวเงียเพราะตื่นคนสุดท้าย ตอนนี้มู่เฟยหยวนแทบจะตาสว่างขึ้นมาทันที เมื่อโดนกล่าวหาว่าไปยืมเงินคนอื่น “อ้าว ก็เงินที่ฉันซื้อของขวัญให้กับสหายพ่อของเสี่ยวฟางยังไงล่ะ” “ของขวัญอะไร อันเหมยสอบเข้าได้เพราะความสามารถตนเอง ไม่มีของขวัญอะไรทั้งนั้น นี่น้องอาการยังไม่ดีขึ้นใช่ไหม พี่คิดว่าอันเหมยควรจะกลับไปนอนนะ อีกไม่นานต้องไปทำงานแล้วไม่ใช่เหรอ หากยังป่วยแบบนี้พี่คิดว่าคงโดนไล่ออกภายในสามวัน” มู่เฟยหยวนคิดว่าน้องสาวยังไม่หายจากการล้มหัวฟาดที่ลำธารเมื่อวาน วันนี้จึงได้พูดอะไรแปลก ๆ อีกแล้ว “จริงเหรอ สงสัยฉันจำผิดไป” เอาอีกแล้ว เรื่องนี้ก็ไม่เหมือนเดิม หรือเพราะชาติที่แล้วเธอก็สอบได้ด้วยตนเอง แต่เพราะเธอไปไหว้คนคนนั้นก่อนจึงคิดว่าเขาช่วยให้เธอได้เข้าทำงาน ยิ่งคิดยิ่งสับสน มู่อันเหมยจึงขอตัวกลับเข้าห้องเพื่อทบทวนความทรงจำก่อนหน้านี้ทั้งหมด ทุกคนในครอบครัวไม่ได้ติดใจสงสัยกับท่าทางที่แปลกและผิดเพี้ยนของเธอ คิดว่าคงเกิดจากอาการข้างเคียงจากเหตุการณ์เมื่อวาน มู่อันเหมยกลับเข้ามาในห้อง เธอล้มตัวนอนบนเตียงเตา แขนข้างหนึ่งยกก่ายหน้าผาก ไม่รู้ว่าเหตุการณ์หลังจากนี้จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงจากชาติก่อนหรือไม่ เมื่อทบทวนเหตุการณ์ที่ผ่านมาคล้ายกับมีข่าวลือเรื่องพี่ใหญ่เฉิน ทว่าข่าวนั้นมาถูกแก้ไขเมื่อสองปีก่อน คนที่มาแก้ไขข่าวลือนั้นก็คือนายทหารคนหนึ่ง พี่ใหญ่เฉินเคยเป็นทหารและโดนปลดประจำการเมื่อสามปีก่อน ไม่นานก็มีข่าวลือแพร่กระจายว่าเขาโดนจับเนื่องจากทำความผิดร้ายแรง ข่าวลือนั้นแพร่กระจายร่วมปี ตอนนั้นเธอยังเรียนมัธยมต้น นั่นจึงทำให้เธอเข้าใจว่าเขาติดคุกค่ายทหารและกลายเป็นคนมีประวัติไม่ดีเสมอมา สิ่งที่เปลี่ยนไปจากชาติที่แล้วคือ ชาตินี้มีคนออกมาแก้ต่างให้พี่ใหญ่เฉิน กล่าวว่าเรื่องนั้นเฉินหยางคุนโดนนายทหารมียศท่านหนึ่งใส่ร้าย เมื่อเรื่องทั้งหมดคลี่คลายนายทหารท่านนั้นโดนจับและชดใช้ค่าเสียหายให้กับพี่ใหญ่เฉินหลายพันหยวน นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมหลังจากนั้นบ้านเฉินจึงมีความเป็นอยู่ดีขึ้น แม้ว่าบ้านเฉินจะยังทำงานแลกแต้มในคอมมูนก็ตาม ทว่ามีเพียงพี่ใหญ่เฉินเท่านั้นที่ทำ ส่วนป้าสะใภ้เฉินนั้นพี่ใหญ่เฉินให้อยู่บ้านโดยไม่ต้องทำอะไร นอกจากทำอาหารให้เขาและฟางเซียน ซึ่งต่างจากชาติก่อนนัก แม้ว่าบ้านเฉินพอจะมีฐานะอยู่บ้าง ทว่าไม่ได้ดีเท่าชาตินี้ แต่ก็นั่นแหละในเมื่อได้รับเงินชดเชยและเงินค่าเสียหายมาขนาดนั้น บ้านเฉินจะกลายเป็นเศรษฐีในหมู่บ้านก็ไม่แปลก ในเวลานี้มู่อันเหมยทบทวนความทรงจำของชาตินี้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง และมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง ซึ่งเรื่องอื่น ๆ ยังคงเหมือนเดิม นอกจากเรื่องพี่ใหญ่เฉิน นอกนั้นคงเป็นเรื่องของบ้านรองมู่บ้านของเธอ ครอบครัวเธอไม่ได้เป็นหนี้มากมายเหมือนชาติก่อน ความเป็นอยู่แม้จะไม่ได้ดีเด่นแต่ไม่ลำบาก ยิ่งอาหารการกินแม้ว่าจะหายาก ทว่ากลับได้รับส่วนนี้จากบ้านเฉินไม่ขาด และนั่นคงมาจากพี่ใหญ่เฉินที่สนิทกับพี่ใหญ่ของเธอ คิดไปคิดมาเธอเผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ ตื่นมาอีกทีก็สายแล้ว น้องชายคงไปเรียน ส่วนพ่อแม่ พี่ใหญ่ คงไปคอมมูนแล้วเช่นกัน หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว มู่อันเหมยรู้สึกหิวเล็กน้อย จึงเดินมายังครัวที่แยกออกมาอยู่หลังบ้าน เธอหยิบถ้วยชามและตะเกียบออกมา วันนี้อาหารส่วนของเธอคงเป็นข้าวต้มแสนข้น และผัดหมูกับผักกาด รวมถึงไข่ต้มอีกหนึ่งฟองวางอยู่ มู่อันเหมยจึงลงมือกินด้วยความหิว หลังจากอิ่มกับอาหารมื้อแรกของวันนี้ ในหัวของเธอตอนนี้มีเรื่องราวต่าง ๆ มากมายที่เธอต้องเปลี่ยนแปลงจากชาติก่อน ในเมื่อสอบเข้าทำงานได้เธอจะไม่ปล่อยให้เสียโอกาส อย่างน้อยเงินเดือนที่ได้รับก็มากพอที่จะจุนเจือครอบครัวและส่งน้องชายเรียน รวมถึงยังพอแบ่งเก็บเป็นสินสอดให้พี่ใหญ่ ทว่าสัญญาหมั้นหมายของเธอกับพี่ใหญ่เฉินเธอจะไม่มีวันยอมยกเลิกเด็ดขาด ระหว่างกำลังคิดอะไรคนเดียว กลับได้ยินเสียงทุ้มของใครบางคนดังอยู่ไม่ไกล “หายดีแล้วเหรอ” “อุ๊ย! มาเงียบ ๆ ใจหายหมดเลย” มู่อันเหมยสะดุ้งตกใจ เลยบ่นออกมาเล็กน้อย พร้อมกับเอามือตบอกตนเองเพื่อเรียกสติที่กระเจิงกลับมา หลังจากหายตกใจ มูอันเหมยจึงเงยหน้าเพื่อจะตอบ กลายเป็นว่าพบสายตาคมเข้มชวนหลงใหลจ้องมองเธออยู่ก่อนแล้ว ทำให้สายตาของทั้งสองประสานกันโดยบังเอิญ คนที่หลบสายตาก่อนคือมู่อันเหมย ไม่รู้ว่าทำไมชาตินี้เธอรู้สึกใจเต้นแรงเมื่อเจอสายตาคมคู่นี้เข้า และรู้สึกอบอุ่นรวมถึงปลอดภัยเมื่ออยู่ใกล้ หรือเพราะความทรงจำสุดท้ายคือเขาเลยทำให้เธอมีอาการพวกนี้ “ดีขึ้นแล้วค่ะ แต่ยังมีมึนงงอยู่บ้าง พี่ใหญ่บอกว่าพี่ช่วยฉันไว้ ต้องขอบคุณพี่อีกครั้งที่ช่วยฉัน” หลังจากสงบสติอารมณ์ตนเองได้แล้ว คราวนี้จึงเงยหน้าตอบเขาด้วยรอยยิ้ม เฉินหยางคุนใจเต้นแรงไม่น้อยเมื่อหญิงสาวตรงหน้าไม่แสดงท่าทีรังเกียจเขาเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา อีกทั้งยังเปลี่ยนมาเรียกเขาว่าพี่ นี่คือสิ่งที่เขาไม่คาดคิดมาก่อน “อืม น้ามู่บอกกับผมเรื่องที่ขอเปลี่ยนคู่แต่งงานเป็นอาหยวนกับเซียนเอ๋อร์…คุณไม่ต้องการที่จะแต่งงานกับผม” ใช่แล้ว มู่อันเหมยลืมเรื่องที่คุยค้างกับครอบครัวไว้ตั้งแต่เมื่อวาน ไม่คิดว่าพ่อกับพี่ใหญ่จัดการได้รวดเร็วขนาดนี้ แล้วเธอควรจะตอบอย่างไรดีล่ะ “คือว่า...” “ถ้าคุณไม่อยากแต่ง ผมไม่บังคับนะ คนที่เคยมีประวัติไม่ดีแบบผม ผมเข้าใจ แต่ผมอยากได้ยินจากปากคุณมากกว่าว่าไม่ต้องการแต่งเข้าบ้านเฉิน” เฉินหยางคุนยังคงกดดันเพื่อขอคำตอบ ต่อหน้าเขาอาจจะยินยอม แต่คิดเหรอว่าเขาจะยอมปล่อยเธอไปอีกครั้ง ไม่มีวัน! สามปีมานี้เขาสร้างทุกอย่างเพื่อเธอและครอบครัว หากต้องสูญเสียเธอไปอีก เขาก็ไม่ควรที่จะได้โอกาสกลับมาพลิกชะตาของตนเองในชาตินี้ แต่เขาไม่อยากเป็นชายที่เหี้ยมโหดในสายตาของมู่อันเหมย ดังนั้นเขาจึงยังเป็นเฉินหยางคุนหนุ่มชาวบ้านทำงานในคอมมูนไม่ใช่นายท่านเฉินผู้ทรงอิทธิพล! “ไม่ ไม่ใช่นะ พี่และทุกคนกำลังเข้าใจผิด ที่ฉันอิดออดเพราะเพิ่งเรียนจบ อีกทั้งตอนนี้ฉันสอบเข้าทำงานในโรงงานยาสูบได้แล้ว ฉันอยากขอเวลาสักปีได้ไหม ฉันอยากหาเงินมาช่วยครอบครัว น้องเล็กยังต้องเรียน พี่ใหญ่ยังไม่ได้แต่งพี่สะใภ้ ฉัน...ฉันอยากขอเวลาสักปีได้ไหมค่อยแต่ง” ใบหน้าที่เริ่มมีเลือดฝาดรีบตอบอย่างรวดเร็ว มู่อันเหมยไม่อยากให้เขาเข้าใจผิดว่าเธอไม่อยากแต่งงาน “สัญญาใช่ไหม” เขาเอ่ยถามย้ำพร้อมกับสายตาคมเข้มที่มีประกายเล็กน้อยมองไปยังใบหน้าหวาน “สัญญาค่ะ” เมื่อได้รับคำตอบที่พอใจเฉินหยางคุนจึงมีรอยยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย ทว่าภาพนี้มู่อันเหมยกลับไม่เห็น เพราะมัวแต่ก้มหน้าหลบสายตาคมเข้มเมื่อถูกถามย้ำเอาคำตอบ “อีกนานไหม” คราวนี้มู่อันเหมยเงยหน้าขึ้นมาทันที เธอไม่เข้าใจในคำถาม “อะไรคืออีกนานไหม” “วันเริ่มงาน อีกนานไหม” มู่อันเหมยได้แต่เกาศีรษะเล็กน้อย ไม่เข้าใจว่าที่สามีของตนเองจะประหยัดคำพูดอะไรขนาดนั้น เรื่องแต่งงานยังพูดประโยคยาวได้เลย “อีกสามวันค่ะ” “มีชุดหรือยัง” “เสื้อผ้าของพนักงานใส่แบบไหนก็ได้ค่ะ รอทำงานครบหกเดือนโรงงานถึงจะแจกชุดให้” โรงงานยาสูบมีพนักงานมากมายและพนักงานที่ลาออกเพราะไม่ไหวก็มีไม่น้อย พนักงานส่วนมากที่ทำงานเกินหกเดือนโรงงานจะแจกชุดให้ แต่ถ้าพนักงานคนไหนที่พอจะมีเงินก็สามารถซื้อจากโรงงานได้เลย แต่สำหรับเธอมันไม่จำเป็น เสื้อผ้าก็พอมีอยู่จะสิ้นเปลืองเงินซื้อทำไม รออีกหกเดือนก็ได้ฟรีแล้ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD