เลทิเธียตวาดแหวพร้อมทั้งคว้ากระเป๋าใส่ธนบัตรขากมือของหญิงสาวที่ยืนตาค้าง
“เกิดอะไรขึ้นน่ะ เลทิเธีย” คิลเลียนถามด้วยเสียงดุดัน
“ก็แม่นักร้องที่เราเห็นบนเวทีคนนี้นะสิคะ หล่อนขโมยกระเป๋าเงินที่ฉันทำหล่นในห้องน้ำ ทำให้ฉันต้องเสียเวลาหาอยู่ตั้งนานสองนาน”
“เอ้อ...ฉันเปล่านะคะ...ฉันไม่ได้...”
ร่างเล็กไม่ทันได้อธิบายก็ต้องชะงักอีกหนเมื่อคอิลเลียนก้าวพรวดเข้าไปประชิดตัวก่อนคำรามลั่น
“คุณเป็นนักร้องของที่นี่อย่างนั้นหรือ เงินเดือนไม่พอกินรึยังไงถึงได้ขโมยของคนอื่น!”
“ฟังฉันก่อนค่ะ...ฉัน...”
“คิลเลียน...ไปกันเถอะค่ะ ปล่อยหล่อนไปเถอะ ยังไงฉันก็ได้ของคืนแล้ว”
เลทิเธียรั้งแขนชายหนุ่มที่มีท่าทีไม่ยอมจนเขาถอยออกมาแต่ดวงตาคมคมกร้าวคู่นั้นยังจับจ้องไปยังสตรีชาวเอเชียร่างเล็กทียืนตัวสั่นชิดผนัง
“ครั้งนี้ผมจะไม่เอาเรื่อง!” คิลเลียนลั่นออกมาอย่างเดือดดาล “ถ้าอยากมีเงินใช้ก็ไปเสนอตัวให้ไอ้พวกเศรษฐีแก่ ๆ โน่นเลยไป หน้าตาแบบนี้คงหาได้ไม่ยาก ไม่ใช่มาทำนิสัยแย่ ๆ หัดลักขโมยของคนอื่นแบบนี้!”
ชายหนุ่มชี้หน้าหญิงสาวที่ยืนทนฟังเสียงก่นว่าก่อนพาคู่หมั้นของเขาเดินจากไป
“เพิร์ลลี่...มาอยู่นี่เอง ถึงคิวเธอร้องเพลงต่อไปแล้วนะ”
มุกมารินต้องรีบดึงสติกลับมาเมื่อเพื่อนนักร้องสาววิ่งกระหืดกระหอบมาหา หญิงสาวรีบกลั้นน้ำรื้นในดวงตาคู่สวย
“เพิร์ลลี่...มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ ทำไมทำหน้าอย่างนั้น”
“เปล่าจ้ะ...คือ...มุกว่า มุกพบคนที่เคยรู้จักน่ะจ้ะ”
“เหรอจ๊ะ...แล้วตอนนี้เขาไปไหนเสียแล้วล่ะ?”
“เอ้อ...เขาจำมุกไม่ได้ หรือบางที มุกอาจจะทักคนผิดเองก็ได้”
ร่างเล็กบอบบางกล่าวคล้ายรำพึงกับตัวเองขณะมองไปยังห้องอาหารที่มีแขกนั่งเต็มทุกโต๊ะกับความรู้สึกที่ยังมึนงงไม่หายกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เธอไม่ได้ทักคนผิด เธอรู้จักผู้หญิงคนนั้น แต่...ผู้ชายที่พบเมื่อครู่เป็นใครกัน ช่างดุดันดิบห่ามจนเธอนึกเกลียดขึ้นมาจับหัวใจ
เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นตอนกลางดึกทำให้นาวาอากาศเอกคิลเลียน แม็คไพรด์ต้องตกใจตื่นขึ้นท่ามกลางความเงียบสงัดภายในบ้านพักสุดหรูในย่านเบเวอรี่ ฮิลล์ ชายหนุ่มสลัดผ้านวมออกจากตัวก่อนป่ายแปะมือไปบนโต๊ะข้างเตียงเพื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสาย
“ครับ ผมคิลเลียน แม็คไพรด์...อะไรนะครับ!”
ร่างสูงใหญ่ผุดลุกขึ้นนั่งในทันทีทันใดเมื่อไดยินเสียงปลายสาย ดวงตาสีน้ำเงินเลื่อมพรายเบิกโพลงขณะจับมือถือด้วยอาการสั่นเล็กน้อย
“ครับ...ผมจะรีบไป จะเดินทางไปคืนนี้เลย”
คิลเลียนวางโทรศัพท์ก่อนกระโดดลงจากเตียงอย่างว่องไวและหยิบเสื้อผ้าในตู้ออกมาสวมใส่อย่างไม่ต้องคิดพิจารณา ชายหนุ่มสะบัดศีรษะไล่ความมึนงงชั่วครู่แล้วออกจากห้องตรงไปยังห้องโถงใหญ่ เขากำลังจะก้าวพ้นประตูหากไม่ได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นเสียก่อน
“คิลเลียน นั่นลูกกำลังจะไปไหน?”
อัลเลนในชุดเสื้อคลุมลายดอกไม้ตัวยาวก้าวลงบันไดมาและมองบุตรชายของเธอด้วยความประหลาดใจ คิลเลียนอยู่ในชุดลำลองที่พร้อมจะออกไปกลางดึกซึ่งผู้เป็นมารดาเห็นว่าเป็นสิ่งผิดปกติ
“ผมจะออกข้างนอกครับแม่”
“ตอนนี้น่ะหรือ?”
อัลเลนเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าบุตรชายแล้วจึงก้มลงดูนาฬิกาข้อมือที่เข็มบอกเวลาจวนตีหนึ่ง
“มีธุระอะไรด่วนที่กองทัพกันล่ะ ไหนลูกบอกว่าขอลามาหนึ่งเดือนเต็มไม่ใช่หรือ”
“ไมใช่ธุระในกองทัพหรอกครับแม่” คิลเลียนปฏิเสธด้วยสีหน้าเครียดขรึม ชายหนุ่มชั่งใจอยู่ชั่วขณะก่อนบอกกับมารดาตามความเป็นจริง
“มีโทรศัพท์เข้ามาเมื่อครู่จากโรงพยาบาลในนิวยอร์ค แม่ของเลทิเธียโทรมาบอกว่าเกิดอุบัติเหตุกับเธอในโรงแรมที่ถนนฟิฟท์ อะเวนิว”
“พระเจ้า!...แล้วตอนนี้หนูเลทิเธียเป็นยังไงบ้าง?”
“เธออยู่ในห้องไอซียูครับ ผมต้องรีบเดินทางไปนิวยอร์คคืนนี้เลย”
“โอ...คิลเลียน...ภาวนาขออย่าให้เธอเป็นอะไรเลย ไม่อย่างนั้นงานแต่งของลูกที่จะจัดขึ้นอาทิตย์หน้า...”
“แม่ครับ” คิลเลียนแทรกขึ้นและจับไหล่บางของมารดา เขามองเห็นความกังวลระคนหวั่นกลัวฉายชัดในดวงตาสีเขียวมรกตคู่นั้นซึ่งก็หาได้แตกต่างจากความรู้สึกของเขาตอนนี้
“ฟังผมนะครับแม่...ผมอยากให้พ่อกับแม่ระงับการจัดงานแต่งระหว่างผมกับเลทิเธียไว้ก่อน เธออาจหายเป็นปกติหลังจากนี้ แต่ผมไม่แน่ใจเลยว่าเธอจะพร้อมเข้าพิธีได้เมื่อไหร่ สิ่งที่ทำได้คือ คืนนี้ผมต้องรีบเดินทางไปนิวยอร์คโดยเร่งด่วน และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมจะรีบกลับมาหาแม่นะครับ”
“ขอพระเจ้าคุ้มครองลูกและคนที่ลูกรัก แม่จะคอยฟังข่าวทางนี้นะจ๊ะ”
อัลเลนหลับตาเมื่อคิลเลียนแนบริมฝีปากลงบนหน้าผากเกลี้ยงเกลา ชายหนุ่มผละจากมารดาก่อนเดินลิ่วตรงไปยังรถเก๋งหน้าบ้านพักซึ่งคนขับนำออกมาจอดรอตามคำสั่งอยู่ก่อนแล้ว
นาวาอากาศเอกหนุ่มกระสับกระส่ายตลอดเวลาแม้จะนั่งเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวเพื่อมุ่งสูนิวยอร์คซิตี้ คิลเลียนมีอาการกระวนกระวายและกุมโทรศัพท์ไม่วาง ทำไมเหตุร้ายมันต้องมาเกิดขึ้นตอนนี้ในเมื่อเขาและเลทิเธียกำลังจะเข้าสู่ประตูวิวาห์ในอีกไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้า
เขาลางานจากกองทัพมาเป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็มเพื่อจัดเตรียมพิธีวิวาห์อย่างหรูหราในโรงแรมกลางกรุงนิวยอร์คซึ่งแม็คไพรด์กรุ๊ปเป็นหุ้นส่วนใหญ่ ใช่...มันคือฟิฟท์ อะเวนิว แกรนด์ โฮเต็ล โรงแรมที่เลทิเธียไปประสบอุบัติเหตุโดยที่ทุกคนไม่คาดฝัน