“ป๋าก็รู้ว่าผมทำไปเพราะจำเป็นและมีเหตุผลของผมเอง”
“ฉันก็ทำไปเพราะจำเป็นและมีเหตุผลเหมือนกัน แกไม่คิดว่าวิญญาณไอ้รงค์จะเสียอกเสียใจบ้างเหรอ ที่แกเอาลูกมันมาอยู่ด้วยแบบเสียไม่ได้น่ะ ดูแกสิทำยังกับเขาไม่ใช่เมีย จะแต่งวันพรุ่งนี้อยู่แล้วฉันยังไม่เห็นว่าแกจะกระตือรือร้นเรื่องงานหรืออยากเห็นหน้าเจ้าสาวเลยสักนิดเดียว”
“ถ้าเป็นหนูเดือนผมมั่นใจว่าผมจะเต็มใจดูแลมากกว่านี้”
“แต่แกก็ค้นพบแล้วว่าไม่ได้รักหนูเดือนในทางอื่นมากกว่าน้องสาว หรืออาจจะไม่ใช่ด้วยซ้ำ เพราะถ้าใช่ก็คงไม่ปล่อยให้หนูเดือนเป็นแบบนั้นแน่”
“ถ้าผมรู้แต่แรกรับรองว่าหนูเดือนจะไม่ต้องตายด้วยซ้ำ”
“แต่แกก็ไม่ได้อยู่ดูแลอย่างที่พูดไว้ แล้วมันเรื่องอะไรที่ฉันจะต้องปล่อยให้แกทำผิดซ้ำสองด้วยการทิ้งขว้างน้องหนูดาวอีกล่ะ ฉันคิดดีแล้วที่ให้หนูดาวมาอยู่ห้องแม่แก มีอะไรจะได้ดูแลได้ทันท่วงทีไงล่ะ แกน่าจะขอบคุณฉันมากกว่าจะมาว่านะเจ้าตะวัน”
“ดูแล! ผมไม่แน่ใจหรอกนะว่าเด็กนั่นจะอยากให้ผมทำแบบนี้ พ่อก็เห็นว่าปากเก่งแค่ไหน แถมยังริมาต่อรองกับผมอย่างไม่เคยมีใครทำมาก่อนด้วย แล้วเรื่องอะไรผมจะต้องยิ้มรับกับบ่วงสมรสที่เจ้าหล่อนเอามาคล้องคอผมด้วยครับ”
“ก็สมน้ำสมเนื้อกับแกดีแล้วนี่ ตาต่อตาฟันต่อฟัน คนอย่างแกมันต้องเจอแบบนี้ล่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็รีบออกไปดูแลเมียกับพวกญาติๆ ของเมียแกดีกว่านะ หรือไม่ก็ไปนอนพักซะ พรุ่งนี้จะได้ตื่นมาสดชื่น หล่อเหลาให้สาวๆ ในสต๊อกแกร้องไห้เพราะความเสียดายไปตามๆ กัน อุตส่าห์เฝ้าฝันมาตั้งนาน แต่ดันถูกม้ามืดอย่างหนูดาวได้เป็นเจ้าของแกแทน”
“ไม่มีใครเป็นเจ้าของผมได้ทั้งนั้นล่ะ ก่อนแต่งผมเป็นยังไง หลังแต่งผมก็จะเป็นแบบนั้นอยู่ดี ใครทนได้ก็ทนไป ทนไม่ได้ก็หย่าแล้วรีบหอบผ้ากลับบ้านไปสิ ป๋าอย่าคิดว่าจะจับผมผูกกับเด็กปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมนั่นได้ ไม่มีทางที่ผมจะเปลี่ยนตัวเองเพื่อผู้หญิงคนไหน โดยเฉพาะเด็กนั่น ไม่มีทาง!”
อีกครั้งที่ลูกหุนหันออกจากห้องไป “ฉันจะคอยดูไอ้ลูกชาย” และอีกครั้งที่ผู้พ่อต้องยิ้มตามด้วยความขำ ปนหนักใจนิดๆ ที่ริคิดจับปูอย่างลูกชายตัวยุ่งมาใส่กระด้ง
เหมือนดาวได้อาบน้ำจนสดชื่นและหายเหนื่อยจากการนั่งรถมากว่าสี่ชั่วโมง กำลังเดินสำรวจห้องที่รู้มาว่าแม่สามีในนามใช้ตั้งแต่แต่งงานกับพ่อเขาจนกระทั่งสิ้นใจในห้องนี้ไปรอบๆ เพื่อหาเบาะแสอะไรบางอย่าง ที่อาจจะโยงใยเขากับการตายของพ่อและพี่สาวเมื่อหกปีก่อนอย่างลวกๆ เพราะใกล้จะถึงเวลานัดเพื่อนกับแม่ไว้แล้ว และเมื่อไม่เห็นว่ามีอะไรหรือยังไม่เห็นในตอนนี้ จึงล้มเลิกความคิด เป็นเดินไปประตูแล้วเปิดออกแทน ยังไม่ทันจะได้ก้าวไปไหนด้วยซ้ำ ก็เห็นว่าที่เจ้าบ่าวแบกหน้าตาอันบูดบึ้งเดินมายังห้องตรงข้าม
เหมือนดาวรู้มาจากพ่อเขาว่าทั้งห้องนอนของเขา ห้องของแม่ หรือแม้แต่ชั้นบนสุดของบ้านหลังนี้ นอกจากพ่อและคนทำความสะอาดแล้ว เขาไม่อนุญาตให้ใครขึ้นมาวุ่นวายอีกเลยแม้แต่คนเดียว รวมทั้งแฟนสาวของเขาด้วยที่ได้สิทธิ์สูงสุดแค่ชั้นสามเท่านั้น
‘หนูดาวเป็นเมียเจ้าตะวัน มีสิทธิ์และควรจะได้ขึ้นมาพักบนชั้นสี่ ไม่ต้องกลัวใครทั้งนั้นลุงอนุญาตแล้วใครก็ขัดไม่ได้’
อดดีใจไม่ได้ที่มีพ่อของเขาคอยเป็นคนจัดการทุกอย่างให้ แม้แต่งานแต่ง ก็เดาได้ไม่ยากว่าคงจะเป็นฝีมือพ่อเขามากกว่า เพราะเห็นเขาไม่กระตือรอร้นใดๆ ด้วยซ้ำ
“ถ้าคุณไม่ใช่ลูกน้ารงค์ ผมจะจับโยนออกจากห้องแม่ผมเดี๋ยวนี้ด้วยซ้ำ” แสงตะวันส่งน้ำเสียงเข้มๆ สีหน้าบึ้งตึงมาหาอย่างไม่ปิดบังใดๆ ส่วนอีกคนก็ไม่คิดจะเกรงกลัวด้วยซ้ำ แม้จะรู้ว่าตัวเองได้สิทธิ์มากกว่าสาวคนไหนของเขาก็ตาม
“ถ้าพ่อไม่ตายด้วยม้าของคุณ และถ้าไร่พ่อไม่ถูกคุณยึดไว้เอง ฉันก็ไม่คิดจะมาเหยียบบ้านนี้ บนห้องนี้เหมือนกันด้วยซ้ำ” แต่ก็ยังตอกกลับเขาอย่างไม่เกรงกลัวใดๆ เช่นกัน และนั่นทำเอาร่างสูงใหญ่ยืนอยู่หน้าห้องตัวเอง ต้องเดินข้ามมาอีกฟากที่มีร่างสูงเพรียวยืนเผชิญหน้าอยู่ทันที
“คุณกำลังจะบอกว่าที่พ่อคุณตาย เป็นความผิดของม้าผมงั้นเหรอ”
“แล้วพ่อฉันตกจากหลังม้าคุณหรือเปล่าล่ะ”
“คุณก็รู้ว่านั่นเป็นอุบัติเหตุ ม้าผมเกี่ยวอะไรด้วย”
“นั่นสิคะ ม้าคุณเกี่ยวอะไรด้วย ในเมื่อมันไม่รู้เรื่อง หรือไม่รู้ว่าใครเป็นใคร หรือใครจะทำอะไรเลยสักนิดเดียว”
“ผมไม่อยากเถียงกับคุณ พอๆ กับไม่อยากให้งานพรุ่งนี้เกิดขึ้นด้วย”เพราะป่วยการจะปะฝีปากกับเด็กไร้เดียงสา บวกกับเดินทางมาไกลทำให้เขาเหนื่อยและอยากจะพักมากกว่ายืนเถียงกันให้เสียเวลา
“ฉันก็อยากหย่า อยากได้กิจการของพ่อคืน พอๆ กับที่ไม่อยากแต่งงานกับคุณด้วยเหมือนกัน ยังไม่สายนี่คะที่คุณจะทำตามความต้องการของฉัน หรืออาจจะเรียกได้ว่าของทุกคนด้วยซ้ำ”
“ถ้าทำได้ผมจะรีบทำเลยล่ะ” สิ้นคำเขาก็หันหลังกลับไปหาห้องตัวเอง โดยไม่สนใจว่าเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมจะอยากปะคารมต่ออีกหรือไม่ มือใหญ่ไขกุญแจห้องเปิดออกและปิดเสียงดัง
‘ปัง’
ใส่หน้าคนข้างหลังอย่างไม่แยแส เหมือนดาวบอกได้ในทันทีว่า ‘เกลียด’ ผู้ชายคนนี้เหลือกำลัง และบอกกับตัวเองว่า อีกไม่นานจะหาหลักฐานการตายของพ่อกับพี่มาจัดการกับเขาให้ได้ ก่อนจะรีบตรงไปหาบันได เพราะป่านนี้แม่กับทุกคนคงจะรออยู่ รวมทั้งช่างแต่งหน้าที่อุตส่าห์หอบมาจากกรุงเทพด้วยเช่นกัน
แสงตะวันยืนเอาไหล่พิงขอบหน้าต่างมองผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นเมียในนามที่เขาจำใจต้องทำตามคำเพื่อนก่อนสิ้นใจด้วยความขุ่นเคืองนิดๆ ที่เจ้าหล่อนคิดมาตีฝีปากกับเขา “แกคิดผิดหรือเปล่าวะตะวัน ที่ช่วยเจ้าหล่อนเอาไว้ ปากอย่างนี้มันน่าปล่อยให้เหลือแต่ตัวแท้ๆ”
ร่างสูงใหญ่ดีดตัวเองออกจากขอบหน้าต่างทันที หลังเมียในนามเดินห่างจากบ้านไปไกลแล้ว เพราะอยากจะพักเต็มที พรุ่งนี้คงจะต้องมีศึกหนักกับเด็กฝีปากกล้าอีกหลายยกแน่