ตอนที่ 3 ปลดปล่อยอาคม
ภายในเวลาเพียงเสี้ยววินาทีหลังจากคำพูดสุดท้ายของเสียงปริศนาสิ้นสุดลง ก่อนที่หัวของชายหนุ่มจะถูกนำเข้าปากที่มีเขี้ยวอันแหลมคมเรียงรายอยู่นับไม่ถ้วนของอสูรร้ายตรงหน้า
บรึ้ม!
“โฮกกก” อสุรกายแผดเสียงร้องลั่นออกมาอย่างทรมาน มือของมันที่บีบรัดคอและริมฝีปากที่กำลังสัมผัสกับร่างกายของชายหนุ่มกลับลุกไหม้จนเกิดเป็นบาดแผลพุพองไปทั่ว
ร่างของหนุ่มผมแดงยืนขึ้นแม้ดวงตาจะเหลือกและขาวโพลนไร้สติ มัดกล้ามเนื้อแทบทุกส่วนพองขยายออกรวมถึงความสูงพร้อมกับไอความร้อนที่แผ่ออกมาจากร่างกาย
ภายในมือที่เริ่มพุพองจากความร้อนค่อยๆเกิดฝุ่นละอองแสงสีทองรวมเข้าไว้ด้วยกันจนปรากฏเป็นไม้ตะบองขนาดใหญ่สีทองอร่ามตรงขอบปลายสุดกลมมนมีกลีบคล้ายดอกบัว ส่วนบริเวณด้ามจับมีใบหน้าของยักษ์ประดับเอาไว้อยู่
ฟู่~ ฟู่~
“คิก คิก ฮ่า! ฮ่า! โลกภายนอกนี่มันช่างสดชื่นอยู่ตลอดเลยโว้ย!” ใบหน้าของยักษ์บริเวณด้ามจับของไม้ตะบองขยับปากส่งเสียงขึ้นมาพร้อมกับสูดดมกลิ่นฟุดฟิดและชิมรสชาติของเลือดจากเศษเนื้อที่ไหลลงมาตามตะบอง รวมถึงร่างกายโดยเฉพาะบริเวณมือขวาของหนุ่มผมแดงที่กำลังถือตะบองทองคำเอาไว้แน่น ได้เกิดรอยแผลไฟไหม้บวมพองขึ้นจากไอความร้อนที่แผ่ออกมาตามร่างกายทีละนิดๆ
“เอาล่ะโว้ยเจ้ายักษ์พันทางชั้นต่ำโง่เง่าตรงนั้นน่ะ มาทำให้ข้าหายเบื่อหน่อยเร็วเข้า!” สิ้นเสียงบอกกล่าวคำท้าทายของรูปสลักใบหน้ายักษ์ตรงด้ามตะบองทองคำ ทั้งสองก็เข้าฟาดฟันใส่กันจนทำให้อุปกรณ์ของใช้และอาหารภายในร้านตกหล่นระเนระนาดพังเสียหายแทบทั้งร้าน
กรรรร!
ตุบตับ! ผลัวะ! ผลัวะ! เพล้ง!
ร่างกายของชาไทยที่แผ่ไอความร้อนกระจายออกมาควงไม้ตะบองสีทองฟาดเข้าใส่อสุรกายแบบไม่ยั้ง ทุกจุดที่ร่างกายของอสูรกายสัมผัสเข้ากับไม้ตะบองก็จะเกิดแผลไหม้จากไฟลุกลามและพุพองขึ้น อสูรร้ายตรงหน้าไม่สามารถสู้กลับไปได้แม้แต่น้อย
“ย๊ากกก”
ร่างไร้สติของชาไทยโจมตีต่อเนื่องพร้อมกับทั้งหลบเขี้ยวเล็บและการกัดขย้ำที่ถูกสวนกลับมาได้ทั้งหมด แล้วจัดการปิดฉากด้วยการใช้ปลายตะบองที่มีออร่าเพลิงความร้อนสีแดงพวยพุ่งออกมาแทงกระทุ้งตรงเข้าไปที่กลางหน้าอกของอสูรร้ายอย่างรุนแรง
“เอาไปกินซะ! เพลิงทัณฑ์ยักษา!” รูปสลักใบหน้ายักษ์ตรงด้ามจับตะโกนออกมาสุดเสียง
ปลายตะบองที่สัมผัสกับร่างของอสูรร้ายปรากฏสัญลักษณ์เป็นรูปใบหน้าของยักษ์สว่างจ้าออกมาจนเกิดเสาเพลิงพุ่งขึ้นลุกไหม้แผดเผาท่วมขึ้นไปทั้งร่าง
พรึบ! “โฮกกก”
ร่างที่กำลังถูกเพลิงลุกไหม้ดำเป็นตอตะโกเผยให้เห็นรอยร้าวจนเกิดแสงสว่างจ้าไปทั่ว จากนั้นก็ค่อยๆแตกสลายกลายเป็นฝุ่นผงเขม่าหายไปกับสายลมแล้วปรากฏเป็นร่างของเปาพ่อของชาไทยกระเด็นออกมาจากร่างที่แตกสลายร่วงลงสู่พื้น
ตุบ!
“ย๊ากกก!! ก๊าก ฮ่า ฮ่า ฮ่า เอามาอีก! ไม่มีแล้วหรือไงผู้ที่จะลองดีกับข้า” ใบหน้ายักษ์ตรงด้ามจับยังคงตะโกนท้าทายอยู่พร้อมกับซดชิมดื่มเลือดที่ไหลลงมาจากปลายตะบองอย่างต่อเนื่อง
แม้อสุรกายยักษ์จะสลายหายไปแล้วแต่หนุ่มผมแดงก็ยังคงอยู่ในสภาพไร้สติและรอยแผลเพลิงไหม้ตามร่างกายของชายหนุ่มก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นมาเด่นชัดเรื่อยๆ
เมื่อในร้านยังคงมีกลิ่นคาวเลือดของเนื้อสัตว์ต่างๆ ตามพื้นที่มาจากความเสียหายของทั้งคู่ทำให้ร่างของชายหนุ่มเกิดอาการคลุ้มคลั่งอาละวาดพังทำลายข้าวของภายในร้านอีกครั้ง
ตู้ม! ตู้ม! โครมคราม
“ดูสิๆ นั่นพี่ของผมล่ะเท่สุดๆ ไปเลยใช่มั้ย!” เด็กชายตัวน้อยกล่าวออกมาด้วยแววตาเป็นประกายอย่างตื่นเต้นเมื่อได้เห็นพี่ชายของตนมีไฟลุกท่วมไปทั้งร่างเหมือนอย่างกับตัวละครซูเปอร์ฮีโร่ตะวันตกที่เขาชอบดูไม่มีผิด
“ง่ำ ง่ำ ใจเย็นก่อนเจ้าหนู นี่อาจารย์ใหญ่ข้าว่ามันออกจะเกินไปแล้วนะ ข้าว่าท่านควรหยุดกินแล้วรีบไปหยุดเจ้าเด็กนั่นก่อนจะสายเกินไปไม่ดีกว่าหรอ? ดูๆไปแล้วร่างนั่นคงจะเป็นยักษ์สินะไอ้หนูนั่น…” ชายร่างท้วมใหญ่พูดออกมาขณะที่ในปากยังเต็มไปด้วยอาหาร
“ฮี่ ฮี่ ข้าว่าแล้วว่าไอ้หัวเงาะนี่ต้องมีสิ่งไม่ธรรมดาซ่อนอยู่ ฮ่า ฮ่า ข้าล่ะนับถือในนิมิตของกิ่งแก้วจริงจริ๊ง” ชายแก่หัวเราะชอบใจจนเห็นรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าชัดเจน
ชายแก่ฮิปปี้ละมือออกจากตะเกียบแล้วยืนขึ้นยกมือขวาชี้ไปทางหนุ่มผมแดงที่บัดนี้ร่างทั้งร่างแทบจะถูกเพลิงลุกไหม้ท่วมไปทั้งตัวแล้ว
ขวับ
“เอาล่ะ มันอาจจะเจ็บๆ คันๆ สักหน่อยน๊าแต่ถ้าไม่ทำก็คงไม่ได้ซะด้วย ข้าจะเบามือให้สักหน่อยก็แล้วกัน” ชายแก่ยืนชี้นิ้วชี้ขวาไปยังทิศทางของหนุ่มผมแดง ส่วนชายร่างท้วมก็ใช้มือขนาดใหญ่ปิดตาของเด็กชายที่กำลังนั่งมองร่างเพลิงสุดเท่ของหนุ่มผมแดงตาไม่กะพริบ
หนุ่มผมแดงที่อยู่ในสภาพคลุ้มคลั่งไร้สติกระโจนง้างไม้ตะบองทองคำที่ถูกห่อหุ้มไปด้วยเพลิงโหมกระหน่ำ พุ่งเข้าฟาดไปตามที่มาของเสียง
โฮกกก ตู้ม ตู้ม ตู้ม
เมื่ออยู่ในรัศมีทำการหลังจากยืนชี้นิ้วได้ไม่นาน ชายแก่ฮิปปี้ก็ตวัดนิ้วชี้ขวาลงพื้นพร้อมกับเปล่งคำคำหนึ่งออกมาอย่างแผ่วเบาๆ
“อิน”
ผลุบ! ผลุบ! ผลุบ! ผลุบ!
ตู้มมมม!
ทันทีที่สิ้นเสียงใต้พื้นร้านก็ปรากฏโซ่แสงสี่เส้นจากสี่ทิศทางพุ่งเข้าพันธนาการร่างกายของหนุ่มผมแดงอย่างรวดเร็วและเสาลำแสงปลายแหลมขนาดใหญ่ที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นด้านบนเหนือศีรษะของหนุ่มผมแดงก็พุ่งลงมาตอกทะลุกลางหลังจนทำให้หนุ่มผมแดงลงไปนอนแน่นิ่งกับพื้นด้วยบาดแผลเพลิงไหม้เต็มร่างกาย
ตุบ
“อั๊ก แค่ก แค่ก” ใบหน้ายักษ์ตรงด้ามจับกระอักอณูพลังงานอาคมสีแดงเข้มออกจากปาก
ไม้ตะบองทองคำกระดอนหลุดออกจากมือแล้วค่อยๆ สลายหายไปอย่างช้าๆ มัดกล้ามเนื้อที่พองใหญ่และไอความร้อนสีแดงน่ากลัวที่แผ่ออกมาก็ค่อยๆ จางหายไปในที่สุด
กุ้งผู้เป็นแม่เมื่อฟื้นขึ้นมาก็ตกใจกับภาพที่เห็นตรงหน้า ร้านทั้งร้านพังเละไม่มีชิ้นดี สามีตนที่นอนแก้ผ้าเปลือยเปล่าอยู่บนพื้นและลูกชายคนโตที่นอนหมดสติด้วยร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลเช่นเดียวกัน ส่วนที่ยังคงเหลือไว้มีเพียงแค่โต๊ะเตาปิ้งย่างและกระทะที่มีผู้ชายสองคนกำลังนั่งกินกันอยู่อย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวใดๆ
“ไม่นะ…ร้านฉัน เอือก” ตุบ! กุ้งที่ไม่อาจทำใจรับได้กับภาพที่เห็นตรงหน้าก็ฟุบหมดสติลงไปกับพื้นอีกครั้ง
“อ๊ะ!? แม่!” เด็กชายตัวน้อยรีบวิ่งแจ้นเข้าไปหาแม่ของตนอย่างรวดเร็ว
“เอ๊ะ!? คุณผู้หญิง เอิ้กกก ให้ตายสิแล้วเราจะทำยังไงกันต่อดีล่ะอาจารย์ใหญ่ ข้าว่าแบบนี้พวกเราคงคุยกันเรื่องนั้นไม่ได้แล้วแน่ๆ” ไกรชายร่างท้วมเอ่ยถาม
“ฮี่ ฮี่ ตอนนี้คงทำอะไรไม่ได้แล้วละ เรามากินกันต่อให้หายอยากอีกสักหน่อยหลังจากที่ไม่ได้กินอะไรอร่อยๆ ขนาดนี้มาตั้งนานแล้วกันเต๊อะ” ชายแปลกประหลาดทั้งสองคนนั่งกินปิ้งย่างกันต่อด้วยท่าทางสบายๆ อยู่ที่โต๊ะปิ้งย่างตัวเดิมตัวเดียวในร้านหมูกระทะที่พังพินาศไม่มีชิ้นดี
(ช่วงเช้าในสองวันต่อมา)
กุกกัก กุกกัก ดึ๋ง ดึ๋ง
“ตื่น ตื่น ตื่น” เด็กชายตัวน้อยกระโดดไปมาบนเตียงสุดนุ่มของพี่ชายหัวแดง
“นี่ลูก ไทยเอ๊ยๆ ตื่นสิลูก” เสียงของผู้เป็นแม่ปลุกลูกชายของตนที่กำลังนอนซมอยู่ด้วยร่างกายที่มีแผลไฟไหม้แต่ที่น่าแปลกใจก็คือแผลไฟไหม้เหล่านั้นกลับลดลงและหายไปอย่างน่าประหลาดในเวลาเพียงแค่ 2 วัน
พรวด!
ชาไทยสะดุ้งตื่นขึ้นมา ขณะนี้เขากำลังนอนอยู่บนเตียงภายในห้องนอนของเขาเอง เมื่อเขากวาดสายตามองภาพตรงหน้าก็พบแม่กับพ่อและชายร่างใหญ่หัวฟูคล้ายสิงโตปริศนาอยู่กันพร้อมหน้า
“อ๊ะ เจ็บๆ โอ๊ยเจ็บชะมัดปวดหัวไปหมด” ชาไทยตรวจสอบดูร่างกายตนเองและลูบไล้ไปทั่วบริเวณที่ยังคงมีแผลไฟไหม้อยู่เพราะในใจลึกๆเขาก็หวังว่าขอให้เรื่องแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นในวันนั้นเป็นเพียงแค่ความฝัน
“นี่ลูก แม่ว่ามันคงจะกะทันหันไปหน่อยแต่ลูกเคยบอกแม่กับพ่อว่าต้องการจะเข้าเรียนที่มหาลัยใช่ไหม เร็วสิรีบเตรียมตัว อาจารย์ท่านนี้รอนานแล้วนะ” กุ้งถามลูกชายของตน
“หือ? แม่พูดอะไรของแม่เนี่ยมันใช่เวลามาพูดเรื่องนี้ไหม แล้วไอตัวประหลาดนั่นละ ละ แล้วร้านของพวกเราล่ะแม่ มันไม่ใช่ความฝันใช่ไหมแม่!” ชาไทยพูดออกมาอย่างตะกุกตะกักด้วยความเป็นห่วงกระวนกระวายใจ
ก่อนที่แม่ของชายหนุ่มจะตอบกลับ ชายหัวฟูหน้าดุที่นั่งเงียบอยู่มุมห้องเปิดปากไขข้อข้องใจให้แก่ชายหนุ่มแทน
“อืม…เรื่องจริงแท้แน่นอนไอตัวประหลาดนั่นนะมันคือกุมภัณฑ์ มักชอบอยู่ในที่ที่มีกลิ่นคาวเลือดรุนแรงและสุรามึนเมาหรือไม่ก็อาจมาจากการถูกกักขังในรูปปั้นของพวกหมอผีบางคนแล้วนำมาหลอกให้ผู้อื่นบูชาเพื่อให้ออกมาสร้างความวุ่นวายแล้วเจ้าก็เป็นคนจัดการมันไปเองแท้ๆนะ”
“ส่วนเรื่องร้านของพวกเจ้าท่านอาจารย์ใหญ่ที่มากับข้าได้เปิดใช้อาคมพื้นที่ตั้งแต่พวกเราเหยียบเข้ามาในร้านแล้วล่ะไม่ต้องเป็นห่วง”
“ถึงแม้ที่ตาเห็นร้านจะดูเหมือนพังทลายเละเทะจากฝีมือของเจ้ากับยักษ์นั่นแต่เมื่อท่านอาจารย์ใหญ่ปิดการใช้อาคมพื้นที่ ร้านของพวกเจ้าก็กลับมาคืนสภาพตามเดิมเอง”
ชาไทยได้แต่ทำหน้างุนงงเกี่ยวกับเรื่องที่ได้ยินเพราะถึงตนเองจะเริ่มเชื่อในเรื่องลี้ลับขึ้นมาบ้างแต่ก็ไม่คิดว่าจะมีสิ่งเหนือธรรมชาติแบบนั้นอยู่จริงๆ
“อ๋อ! ส่วนเรื่องผู้คนที่เข้ามากินอาหารในร้านพวกเจ้าในวันนั้นแล้วแตกตื่นออกไปก็ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะเมื่อพวกเขาก้าวเท้าออกจากพื้นที่ร้านพ้นรัศมีเขตอาคมพื้นที่ไปก็จำเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้แล้วละ”
หลังจากฟังคำพูดของชายหัวฟูหน้าดุไป ชาไทยก็ไม่อยากจะเชื่อหูของตนเองจึงกระโดดลงจากเตียงแล้ววิ่งไปดูที่ร้านหมูกระทะที่ตั้งอยู่บริเวณหน้าบ้าน
“ชะ เชี่ย-ย!” ชาไทยอุทานคำหยายออกมาเมื่อเห็นร้านที่ควรเละเทะกลับมามีสภาพเป็นระเบียบเรียบร้อยตามเดิมอย่างกับทำใหม่ รอยแตกร้าวของกำแพงและพื้นที่เป็นหลุมเป็นบ่อก็ไม่มีให้เห็น
ก่อนที่ชายหนุ่มจะตะลึงกับสิ่งที่เห็นไปมากกว่านั้นแม่ของเขาก็ทักขึ้นมา
“เอานี่ แม่เตรียมเสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วนะ” กุ้งที่ตาเป็นประกายวิ่งออกมาหยิบกระเป๋าเป้สะพายใส่หลังลูกชายของตนพร้อมกับยัดกระเป๋าสัมภาระใบเล็กใบน้อยอีกจำนวนมากใส่มือชาไทย
“แม่! ทำอะไรเนี่ย!” ชาไทยที่เหมือนคนบ้าหอบฟางคัดค้านการกระทำของแม่ด้วยอาการสับสนในสิ่งที่เกิดขึ้นแบบไม่ทันได้ตั้งตัว
บรึ้นนน บรึ้นนน
ขณะที่ทั้งสองแม่ลูกกำลังเอะอะโวยวายยื้อยุดกันอยู่ก็มีรถจิ๊ปสีเทาอมน้ำเงินคันหนึ่งขับมาจอดอยู่หน้าร้าน เมื่อลดกระจกลงก็เผยให้เห็นใบหน้าของชายแก่ฮิปปี้ในที่นั่งคนขับพร้อมกับบีบแตรตะโกนเรียก
ปิ๊ป- ปิ๊ป-
“โฮ่ย รีบขึ้นรถมาเร็วไอหนุ่มหัวเงาะ” ชายแก่บนรถตะโกนเรียก
“หา!? เรียกใครว่าหัวเงาะฟะ ไอแก่ประหลาดเอ๊ย!” ชายหนุ่มเถียงกลับ
ไกรชายท้วมผมหยิกฟูที่เพิ่งเดินตามออกมาก็ใช้มือขวาขนาดใหญ่อุ้มไปยังลำตัวของชาไทยพาดไว้บนบ่า ส่วนอีกมือก็หอบอาหารและขนมไว้เพื่อเป็นของกินเล่นระหว่างทาง
ไม่ว่าหนุ่มผมแดงจะดิ้นตะเกียกตะกายมากขนาดไหนหรือร้องตะโกนโวยวายอย่างไรก็ตามก็ไม่มีทีท่าว่าจะสามารถหลุดออกจากมือของชายท้วมได้
“ย๊ากกก ปล่อยนะเว้ย แฮ่ก แฮ่ก” ชาไทยดิ้นสุดแรงแต่ก็ไม่เป็นผลก่อนจะหอบหมดแรง
“ฟังแม่นะลูก แม่รู้ว่าลูกอาจไม่ทันได้ตั้งตัวแม่กับพ่อตัดสินใจกันแล้วว่าจะให้ลูกไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยกับอาจารย์ทั้งสอง” กุ้งผู้เป็นแม่จึงพูดกับลูกชายของตนเอง
“ไม่เอา! ไม่ไป! ไม่เอา! ไม่ไป!” ชาไทยปฏิเสธหัวชนฝาเพราะถึงตัวเขาจะอยากเข้าเรียนมหาวิทยาลัยมากขนาดไหน แต่เมื่อมีใครก็ไม่รู้สองคนแถมยังแต่งตัวประหลาดๆบ้าๆบอๆมาบอกว่าตนเองเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยคงไม่มีคนสติดีที่ไหนเชื่อแน่
“แม่ช่วยด้วย แม่เชื่อคำพูดของคนประหลาดพวกนี้ได้ยังไงเนี่ย เขาอาจจะมาหลอกเราก็ได้นะ อาจพาผมไปตัดแขนตัดขาเป็นขอทานก็ได้นะแม่! ไม่เอา! ไม่ไป! ไม่เอา! ไม่ไป!” ให้เป็นตายยังไงชาไทยก็ไม่ยอมไปแถมยังส่งเสียงร้องดังเหมือนเด็ก
“นี่ไง! นามบัตรของทั้งสองท่าน โบรชัวร์ของมหาลัยก็มีนะแล้วยังได้ยินมาว่าสาวๆสวยๆเพียบเลยนะลูก”กุ้งผู้เป็นแม่หยิบใบนามบัตรของอาจารย์ทั้งสองและโบรชัวร์ที่เก่าๆในกระเป๋าผ้ากันเปื้อนออกมา
“เอ๊ะ?” ชาไทยหยุดคิดกับประโยคสุดท้ายอยู่ครู่หนึ่งแต่คำล่อลวงก็ไม่เป็นผล เขาไม่ยอมแพ้จนดิ้นสุดแรงอีกครั้งทำให้กระเด้งหลุดออกมาจากมือของชายท้วมได้สำเร็จ
“ฮึบ! ย๊ากกก”
พรวด ตุบ!
ชายประหลาดทั้งสองคนตกใจและแปลกใจไปพร้อมกันเพราะหนุ่มผมแดงเพิ่งจะฟื้นขึ้นมาจากอาการหมดสติรวมถึงอาการบาดเจ็บจากแผลไฟไหม้ไปตั้ง 2 วันกลับดิ้นหลุดออกจากการจับกุมของไกรไปได้อีกทั้งตลอดเวลาที่ผ่านมาก็ยังไม่เคยมีใครที่สามารถหลุดรอดไปจากฝ่ามืออันทรงพลังของไกรไปได้เลยสักคนเดียว ชาไทยรีบสาวเท้าวิ่งหนี…
ฝึบ ฝึบ
“นี่ลูก!อย่าดื้อไม่เข้าเรื่องนะ!” กุ้งขึ้นเสียงดุตามหลัง
“อ๋า~ ช่างน่าเสียดายเน้อ ถ้าไปด้วยกันตอนนี้ก็คงจะสามารถยื่นสิทธิพิเศษทุนเรียนฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายจนเรียนจบได้ อีกทั้งยังมีของกินเพียบพร้อมแถมห้องนอนสำหรับนักศึกษาทุนก็ ฟรี อีกต่างหาก เฮ้อ~เสียด๊ายเสียดายจังเน้อไม่มีอะไรคุ้มไปกว่านี้แล้วสงสัยจะต้องยกให้คนอื่นซะละม้าง~”ชายแก่พูดลอยๆ
ชาไทยที่วิ่งไปได้ไม่ไกลหูผึ่งถึงกับต้องหยุดชะงักเปลี่ยนใจกลางคันเมื่อได้ยินคำพูดของชายแก่ฮิปปี้พร้อมกับวิ่งกลับมาหยิบสัมภาระที่กองอยู่แล้วกระโจนเข้าหลังรถอย่างรวดเร็ว
“หน็อยแน่ไอลูกคนนี้เห็นของฟรีเป็นไม่ได้เลยนะ!” กุ้งถึงกับขมวดคิ้วชนกัน ตากระตุกคันไม้คันมือเมื่อเห็นท่าทางของลูกชาย
ตึก ตึก ตึก
“ไทยเอ๊ย! เอ้านี่ข้าวกล่องสำหรับวันนี้นะลูก” เปาผู้เป็นพ่อรีบวิ่งหน้าตั้งออกมาจากห้องครัวยื่นข้าวกล่องร้อนๆที่ส่งกลิ่นหอมฟุ้งกระจายออกมาให้ลูกชายของตนเพราะลูกชายของตนยังไม่ได้กินอะไรมาสองวันแล้ว
“…ขอบคุณนะพ่อ” ชาไทยกล่าว
ปิ๊ป- ปิ๊ป-
“เอ้า! อย่ามัวชักช้าวันนี้ก็มีธุระอีกที่เหมือนกันเน้อ คงไปถึงสถาบันบ่ายๆ แน่ถ้ายังไม่รีบไปกันแล้วก็อีกอย่างสถาบันของเราไม่ใช่สถาบันธรรมดาๆ บ้านนอกๆ ไก่กานะจะบอกให้ สถาบันของเราถือเป็นสถานศึกษาอันดับต้นๆ ของเอเชียเลยน๊า” เสียงกดแตรรถดังขึ้นอีกครั้งก่อนที่ชายแก่ฮิปปี้บอกให้รีบเร่ง
“ไม่ว่าจะเป็นมหาลัยหรือสถาบันแบบไหนก็ไม่สนหรอกเฟ้ย! แค่ฟรีก็พอเข้าใจไหมแค่ฟรีก็พอ! ไปก่อนนะพ่อ! ไปก่อนนะแม่! ดูแลตัวเองด้วยนะ ฮ่า ฮ่า” ชาไทยตะโกนบอกขณะที่รถเริ่มออกตัว
“นี่คุณดีแล้วหรอที่ให้ลูกไปมหาลัยกะทันหันแบบนี้น่ะ” เปากระซิบถามผู้เป็นภรรยาเบาๆ
“ใช่! ถึงลูกจะทำตัวยังไงก็ตามเมื่อไปถึง จะเรียนดีหรือเรียนไม่ดี จะเจอสังคมแบบไหนก็แล้วแต่ยังไงมันก็คือความฝันของลูกที่จะได้เรียนในมหาลัยนะ กุ้งเชื่อว่าลูกต้องทำได้แน่ถึงจะรู้สึกตงิดๆ ใจกับตาแก่ประหลาดสองคนนั้นอยู่บ้างแต่ก็คงช่วยอะไรไม่ได้เพราะลูกของพวกเราก็ตัดสินใจไปแล้วด้วย” กุ้งตอบกลับไป
“หุ หุ นั่นสินะ อย่างที่ตาแก่นั่นบอกกับพวกเราเมื่อวานว่าค่าเรียนก็ฟรี ค่ากินก็ฟรี ค่าที่พักก็ด้วยจะออกให้ทุกอย่างเลย แถมยังบอกว่ามีนักศึกษาสาวๆ สวยๆ เยอะแยะเลยด้วยนี่นา ถ้าไอ้ไทยของเราพาสาวๆ สักคนสองคนมาเที่ยวบ้านบ้างก็คงจะดี…โอ๊ยยย!” กุ้งหยิกหูของเปาก่อนที่สามีตนจะพูดเพ้อเจ้อไร้สาระไปมากกว่านี้
“เอาล่ะออกรถกันเลย!” เด็กชายตัวน้อยที่ขึ้นมานั่งอยู่บนรถตอนไหนก็ไม่รู้ตะโกนออกมา
“อ๊ะ!? เห้ยมะลิลงมาเดี๋ยวนี้นะลูก” กุ้งรีบวิ่งไปอุ้มลูกชายตัวน้อยจอมซนออกมาจากรถ
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ไปก่อนนะพ่อ แม่ อย่าซนล่ะชามะลิ” ชาไทยตะโกนบอก
“อือๆ เป็นครอบครัวที่สนุกสนานกันจริงๆ นะเนี่ย ฮ่า ฮ่า” ชายแก่ฮิปปี้พึมพำขึ้นมาเบาๆ
บรึ้นนน
ในที่สุดรถจิ๊ปสีเทาน้ำเงินคันใหญ่ก็เคลื่อนที่ออกห่างจากร้านหมูกระทะ ยักษ์ ยักษ์ซุปเปอร์หมูกระทะบุฟเฟต์จนพ้นสายตาของสองสามีภรรยาที่ยืนมองอยู่ แต่ทั้งสี่คนพ่อ แม่ ลูก โดยเฉพาะตัวของชาไทยเองกลับไม่รู้ตัวเลยว่าอนาคตในฐานะนักศึกษามหาวิทยาลัยต่อจากนี้ที่ตัวเขาใฝ่ฝันหามาตลอดจะทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปตลอดกาล…