“เจ้าวันนี้เป็นอะไรดูหน้าตาไม่สดชื่นเลย”
“เจ้าปวดหัวนิดหน่อยค่ะ” จันทร์เจ้าเอ่ยตอบกลับเจ้านายตอนนี้ก็ใกล้ได้เวลาพรีเซ็นต์งานแล้วแต่ดูเหมือนว่าอาการของเธอจะแย่จนยาที่กินเข้าไปเมื่อเช้าก็ไม่อาจจะรักษาร่างกายของเธอทันได้
“ถ้าเจ้าไม่ไหวให้พี่พรีแทนได้นะ” ภูมิ เจ้านายของเธอเอ่ยขึ้นภูมิเป็นหัวหน้าที่ค่อนข้างจะใส่ใจลูกน้องมากๆ และหลายๆ คนในบริษัทก็รู้ดีว่าภูมินั้นพยายามที่จะจีบจันทร์เจ้ามาโดยตลอดแต่ก็ไม่เคยล้ำเส้นหรืเอาตำแหน่งมาโอ้อวดหรือกดขี่แต่อย่างใดมีแต่จะเข้าหาด้วยความอ่อนโยนจนหลายคนเชียร์ให้จันทร์เจ้าใจอ่อนแล้วยอมคบกับเขาเสียที
“งั้น เจ้าฝากด้วยนะคะ” จันทร์เจ้าที่รู้ตัวเองดีว่าถ้าขืนเธอออกไปพูดด้วยสภาพแบบนี้มีหวังคงล้มตึงก่อนจะพรีเสร็จแน่ๆ เลยจะรีบขอตัวไปกินยาก่อนที่เจ้าของบริษัทจะมาถึงอาจจะช่วยให้อาการบรรเทาได้บ้างแต่โชคก็ไม่เคยเข้าข้างเธอเลยเพราะในขณะที่จันทร์เจ้ากำลังจะลุกไปกินยาไฟเพลิงก็เข้ามาในห้องเสียแล้ว
“จะลุกไปไหนครับ” ไฟเพลิงเอ่ยถามเขามองหน้าจันทร์เจ้าก่อนจะขมวดคิ้วเล็กน้อย
“อ๋อ เปล่าค่ะ” จันทร์เจ้ารีบถอยมานั่งที่เดิมทันทีไฟเพลิงจึงเดินเข้าไปนั่งประจำที่ก่อนจะรับแฟ้มงานมาดูคราวๆ
“เริ่มพรีได้ครับ” สิ้นเสียงไฟเพลิงภูมิก็ลุกขึ้นนั่นเป็นสาเหตุทำให้ไฟเพลิงขมวดคิ้วอีกครั้งเพราะเขารู้ดีว่าหน้าที่นี้เป็นของจันทร์เจ้า
“หยุดครับ ทำไมคุณถึงมาพรี” ไฟเพลิงเอ่ยถาม
“พอดีว่าจันทร์เจ้าเขาดูไม่ค่อยสบายครับผมเลยจะพรีให้แทน” ภูมิเอ่ยออกไปตามความจริง
“ผมไม่ชอบเสียงฟังเสียงทุ้มๆ ของผู้ชาย จันทร์เจ้าลุกขึ้นไปพรีทีครับ”
“ได้ค่ะ” จันทร์เจ้าตอบรับก่อนจะลุกขึ้นช้าๆ อะไรก็ขัดใจเขาไม่ได้หรอกอยากได้แบบนั้นอยากให้เป็นแบบนี้ทุกคนก็ต้องทำตามเขาเพราะเขาคือประธานบริษัทยังไงล่ะ
“อ๊ะ ขอบคุณค่ะภูมิ” จันทร์เจ้าเอ่ยขอบคุณภูมิที่ช่วยมาพยุงเธอในตอนที่เธอกำลังจะล้ม ไฟเพลิงมองทั้งสองเงียบๆ แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความโมโหเพราเขาเป็นคนหวงของเอามากๆ เสียด้วยสิ
“สินค้าตัวนี้เป็นสินค้าที่เรา…..” การพรีเซ็นต์ดำเนินไปเรื่อยๆ ไฟเพลิงมองจันทร์เจ้าที่กำลังพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้งอยู่เงียบๆ ส่วนภูมินั้นได้แต่นั่งไม่ติดเพราะจันทร์เจ้าเร่มที่จะยืนไม่นิ่งเอนหน้าเอนหลังจะเป็นลมให้ได้
“หยุดก่อน” จู่ๆ ไฟเพลิงก็เอ่ยขึ้นทำให้จันทร์เจ้าชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะหันไปสบตากับต้นเสียง
“ผมอยากแก้สี ไปแก้สีมาก่อนแล้วค่อยมาพรีใหม่…อีก2วันข้างหน้า” จันทร์เจ้ายิ้มรับเธอรู้ดีว่าเขาพูดอ้างไปเรื่อยเพราะคงเห็นว่าเธอจะไม่ไหวอีกทั้งแค่แก้สีทำไม่ถึงสิบนาทีก็ได้แล้วแต่นี้ให้เวลาแก้ตั้ง2วันเชียว
“ได้ค่ะ” จันทร์เจ้าโค้งขอบคุณและก็เป็นจังหวะที่ตัวเธอเองเริ่มเอนลงเรื่อยๆ จนตัวราบไปกับพื้นอย่างช้าๆ พร้อมกับสติที่ค่อยๆ หายไป
“อื้ออ” จันทร์เจ้าครางอื้อเหตุเพราะมีสิ่งแปลกปลอมกำลังกวนร่างกายของเธออยู่ความเย็นที่ไล้ไปตามร่างกายของเธอทำให้ใบหน้าสวยเริ่มที่จะได้สติแล้วค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาพร้อมกับแสงไฟสลัวๆ
“เป็นไงบ้าง” น้ำเสียงอันอบอุ่นถูกส่งมาที่เธอจันทร์ยิ้มบางๆ ก่อนจะค่อยๆ ยันตัวเองขึ้นโดยมีคนตัวสูงคอยประคอง
“เจ้าหิวน้ำ” ไฟเพลิงเทน้ำใส่แก้วใบเล็กก่อนจะยื่นให้จันทร์เจ้าที่รับดื่มจนหมดในรวดเดียว
“เอาอีกไหม” ไฟเพลิงถามจันทร์เจ้าจึงปฏิเสธ
“ขอบคุณนะคะที่ดูแลเจ้า” จันทร์เจ้าเอ่ยด้วยความจริงใจ
“อืม ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว” ไฟเพลิงตอบกลับก่อนจะเรียกแม่บ้านให้ยกข้าวต้มขึ้นมาให้จันทร์เจ้า ไฟเพลิงไม่ใช่คนไม่ดีหรอก เขาเป็นคนตรงๆ แสดงความรู้สึกออกมาตรงๆ ชอบไม่ชอบอะไรก็พูดออกมาตรงๆ ใครทำดีด้วยก็ดีตอบใครร้ายมาก็จะร้ายไปอีกเท่าตัวตอบแทนเป็นผู้ชายที่เรียกได้ว่าผู้ชายโดยแท้
ไฟเพลิงนั่งอ่านหนังสืออยู่ข้างๆ เตียงมองดูจันทร์เจ้าที่ค่อยๆ ตักข้าวต้มกินเข้าปากพอเห็นว่าคนป่วยกินได้เรื่อยๆ ตัวเองก็รู้สึกดีเขาชอบจันทร์เจ้าเวลาเธอร่าเริงและเต็มไปด้วยรอยยิ้มไม่ใช่จันทร์เจ้าที่อิดโรยและใบหน้ามีแต่ความเศร้าหมองแบบนี้
“ยิ้มอะไรหรอคะ” จันทร์เจ้าเอ่ยถามคนตัวสูงที่นั่งมองเธอพร้อมกับอมยิ้มมาสักพักแล้ว
“เปล่า” ไฟเพลิงปฏิเสธเสียงนิ่งก่อนจะทำท่าทีเป็นอ่านหนังสือส่วนจันทร์เจ้าก็ไม่ได้อะไรกับคำตอบอยู่แล้วจึงหันไปสนใจการกินอาหารต่อแทน
“คุณเพลิงครับรถพร้อมแล้ว”
“จะไปไหนดึกๆ หรอคะ” จันทร์เจ้าเอ่ยถามอย่างลืมตัวเมื่อวานก็โดนคำพูดเจ็บจื๊ดมาทีนึงแล้วแต่ก็ปากไวอยากรู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับไฟเพลิง
“ตรวจงาน คืนนี้ไม่กลับ ดูแลตัวเองดีๆ” ไฟเพลิงพูดยาวก่อนจะลุกขึ้นมาหอมหัวคนป่วยเบาๆ จันทร์เจ้าได้แต่พยักหน้ารับมองคนตัวสูงค่อยๆ เดินออกจากห้องไปถึงแม้ครั้งนี้จะไม่โดนคำพูดแรงๆ แต่ว่าคำว่า คืนนี้ไม่กลับ เธอรู้ดีว่าหมายถึงอะไร มันก็หมายความว่าคืนนี้เขาคงจะไปมีความสุขกับผู้หญิงคนอื่นอีกแล้ว
จันทร์เจ้านั่งนิ่งไปชัวครู่ทบทวนเรื่องราวของตัวเองว่าเธอไม่มีสิทธิ์ไปหึงหวงเขาแต่อย่างใดเพราะสถานะของเธอมันก็ไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงที่ไฟเพลิงจะไปค้างด้วยสักเท่าไหร่หรอก