“เฮงซวย!!”
“...”
“ผมจ้างพวกคุณมาเพื่อให้มาทำงานชุ่ย ๆ แบบนี้เหรอ”
หัวหน้าฝ่ายและลูกน้องต่างยืนก้มหน้า ไม่มีใครกล้าเงยมองฌอนในตอนนี้ อารมณ์ของเขานั้นน่ากลัวเสียจนพวกเขาอยากหนีออกไปเสียประเดี๋ยวนี้เลย
เด็กฝึกงานที่เพิ่งมาใหม่ได้ไม่นานถึงกับน้ำตาซึม เนื่องจากเธอเองมีส่วนเป็นต้นเหตุในความผิดพลาดของงานนี้ และท่าทางของฌอนนั้น น่ากลัวอย่างที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน
“ผมให้เวลาพวกคุณแก้งานภายในวันนี้ ถ้าทำไม่ได้ก็เอาใบลาออกมายื่นผมแทน”
ฌอนยื่นคำขาด เขาเดินกลับไปทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ตัวใหญ่ด้วยอารมณ์หงุดหงิด
“ผมจะรีบจัดการเลยครับคุณฌอน”
“อย่าดีแต่พูด ไปทำมา”
ฌอนหยิบแก้วกาแฟขึ้นจิบ ช่วงสองสามวันมานี้เขารู้สึกหงุดหงิดไปเสียทุกอย่าง ดูเหมือนอะไรก็ไม่ได้ดั่งใจเขาไปหมด
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังไม่สามารถกินขนมจากร้านอื่นได้ เวลากินทีไรนึกถึงรสชาติขนมของเจ้าของใบหน้าหวานละมุนทุกทีไป นั่นเลยยิ่งทำให้เขาหงุดหงิด
“คุณฌอนรับอาหารว่างไหมครับ”
เชนเดินเข้ามาถาม เขาเพิ่งทราบเหตุการณ์เมื่อครู่จากหัวหน้าฝ่าย จึงเข้ามาถามเจ้านายเผื่อจะช่วยให้ฌอนคลายความหงุดหงิดได้บ้าง
“ไม่เอา”
“ผมว่าคุณฌอนรับหน่อยก็ดีนะครับ เป็นขนมที่คุณหญิงกชกรฝากมาให้”
“กูบอกว่าไม่กินไง”
ฌอนย้ำชัดอีกครั้ง ไม่ใช่เขาไม่อยากทานขนมที่แม่ของเขาฝากมาให้ แต่เขาแค่ไม่อยากทานขนมอะไรเลยทั้งนั้น
กริ๊ง กริ๊ง
หน้าจอโทรศัพท์ปรากฏชื่อ ‘คุณหญิงกชกร’ ฌอนเลยกดรับ
“สวัสดีครับ”
ฌอนอย่างเลี่ยงรับสายแต่ทำไม่ได้เนื่องจากเป็นสายจากแม่ของเขา
“วันนี้แกเบี้ยวนัดฉันเหรอตาฌอน แม่เพิ่งเช็กกับเลขาของแก แกไม่มีประชุมสักหน่อย”
วันนี้ฌอนมีนัดทานอาหารเที่ยงกับแม่และน้องชายของเขา แต่เขาไม่มีอารมณ์อยากไปไหนทั้งนั้น เลยตัดสินใจเทนัดไปแบบนั้น สงสัยต้องไปจัดการเลขาหน่อยแล้ว กล้าดียังไงไปบอกแม่เขากัน
“วันนี้ผมเหนื่อยครับ”
“ช่างเถอะ ฉันให้คนเอาเค้กแคร์รอตไปให้ ได้ทานรึยัง?”
“แม่ก็รู้ว่าผมไม่ชอบเค้ก”
ฌอนบอก เขาสามารถทานขนมหวานได้ทุกอย่าง ยกเว้นเค้กที่เขาไม่ค่อยชอบสักเท่าไร
“ฉันว่าอันนี้แกต้องชอบ หนูฟ้าทำอร่อยมาก ทั้งแป้ง ทั้งครีมอร่อยลงตัว ไม่หวานเกินด้วย”
“คุณแม่บอกว่าใครทำนะครับ?”
“หนูณฟ้า ลูกสาวคุณณกรณ์ไง วันนี้แม่นัดเธอมาทานข้าวด้วยกัน เธอเลยทำเค้กมาฝากแม่และกรานต์ ส่วนชิ้นที่ส่งไปให้แก หนูณฟ้าก็ตั้งใจทำมาเผื่อแกเชียวนะ”
ดวงตาคมเบิกกว้าง ฌอนลุกพรวดขึ้นอย่างลืมตัวเมื่อได้ยินสิ่งที่แม่พูด
“หมายความว่าไงครับ!?”
“จะมาหมายความว่าอะไรล่ะ หนูฟ้าเขาก็แค่เป็นคนน่ารัก มีน้ำใจไง อย่าลืมทานเค้กด้วยล่ะ เดี๋ยวจะพลาดของอร่อยนะ”
“ผมบอกว่าไม่ทานเค้กไงครับ เท่านี้นะครับแม่ ผมต้องไปตรวจงาน”
พูดจบฌอนรีบกดวางสาย และรุดออกจากห้องทำงานตรงไปยังห้องครัว ไม่ได้ตรวจงานอย่างที่พึ่งบอกแม่ของเขาไป
ในเวลานี้ภายในห้องครัวไม่มีคนอยู่ ฌอนจึงเดินเข้าไปเปิดตู้เย็น พยายามมองหาสิ่งที่ต้องการอยู่นานสองนานแต่ไม่พบ
“อยู่ไหนวะ”
เขาสบถกับตัวเอง มองไปรอบ ๆ ห้องครัวแต่ยังไม่เจอสิ่งที่ตามหาอยู่ดี จนกระทั่งเซฟ ลูกน้องคนสนิทอีกคนเดินเข้ามา
“คุณฌอนหาอะไรอยู่เหรอครับ”
ฌอนรีบปิดตู้เย็นที่กำลังเปิดอยู่ หันกลับมาทางลูกน้อง สีหน้าเลิ่กลั่กเล็กน้อยแต่เพียงครู่เดียว เขาก็กลับมาตีหน้านิ่งดังเดิม
“เปล่านี่ ก็แค่มาตรวจความเรียบร้อย”
“ตรวจความเรียบร้อยในครัวเหรอครับ”
“เออ ฉันจะตรวจตรงไหนก็เรื่องของฉัน”
“ขอโทษครับ”
เค้กชิ้นโตในกล่องสีขาวที่เซฟกำลังถืออยู่ ดึงดูดสายตาฌอนให้จับจ้องจนเซฟสังเกตเห็น
“อันนี้คือเค้กที่คุณหญิงกชกรส่งมาให้คุณฌอนครับ แต่เชนบอกว่าคุณฌอนไม่รับ ผมเลยกำลังจะเอามาทิ้งครับ”
“ทิ้งไม่ได้!!”
“เอ่อ แต่คุณฌอนไม่ชอบเค้กไม่ใช่หรอครับ”
“เอ่อ ก็ เอ่อ เค้กอันนี้แม่ฉันส่งมาให้ จะทิ้งได้ยังไง เอาใส่จานแล้วยกไปให้ฉันที่ห้องด้วย”
เซฟขมวดคิ้วสงสัยเล็กน้อย แต่ยังคงทำตามคำสั่งไม่ได้ทักท้วงหรือถามอะไรอีก เพราะเขารู้ดีว่าฌอนไม่ชอบคนเซ้าซี้
ณฟ้าเดินทางกลับมาถึงบ้านในช่วงบ่าย หลังจากออกไปทานอาหารเที่ยงกับคุณหญิงกชกร เมื่อถึงบ้าน สิ่งแรกที่เธอทำคือเข้าไปหาพ่อของเธอในห้องนอนของท่าน
“คุณมันไม่ได้เรื่องสักอย่าง!”
เสียงตวาดดังออกมาจากห้อง ณฟ้าได้ยินอย่างนั้นจึงรีบเปิดประตูเข้าไปดู ปรากฏว่าเป็นจินลดากำลังยืนกอดอกต่อว่าพ่อเธออยู่
“ฉันไม่น่าโง่มาแต่งงานกับคนอย่างคุณเลย!!”
จินลดาทำท่าทางคล้ายจะเข้าไปกระชากณกรณ์ที่ทำกำลังนอนอยู่บนเตียง ณฟ้าจึงรีบเขาไปห้ามเธอไว้
“คุณน้าจะทำอะไรคะ?”
“ฉันจะทำอะไรก็เรื่องของฉัน”
กลายเป็นว่าจินลดาเป็นฝ่ายโวยวาย เธอมองณฟ้าด้วยสายตา เหยียดหยาม ณฟ้าเองก็ไม่เข้าใจว่าจินลดาโกรธแค้นอะไรเธอขนาดนี้ แต่เพื่อลดปัญหา เธอเลยเลือกที่จะเลี่ยงจินลดา ไม่เข้าไปยุ่งวุ่นวายด้วย
“คุณพ่อต้องการพักผ่อน ฟ้าว่าคุณน้าออกไปดีกว่านะคะ”
“เฮอะ คิดว่าฉันอยากเข้ามาเหยียบที่นี่มากรึไง”
ก่อนหน้านี้จินลดาหายตัวไปหลายวัน เพิ่งมีวันนี้แหละที่เธอกลับมา ณฟ้าไม่ทราบว่าจินลดาไปไหน และไม่คิดจะถามไถ่อะไรด้วย
เธอขอแค่จินลดาไม่ยุ่งวุ่นวายกับเธอและพ่อก็เพียงพอ เธอจึงรู้เรื่องเกี่ยวกับจินลดาน้อยมากเพราะเธอไม่อยากเอาตัวเองเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับจินลดาสักเท่าไหร่นัก
“ถ้าอย่างนั้นเชิญคุณน้าด้านนอกค่ะ”
ณฟ้าเดินออกมาส่งจินลดาหน้าประตูห้อง จังหวะที่เธอกำลังจะหันหลังเข้าไปในห้องกลับถูกจินลดากระชากแขนไว้เสียก่อน
“โอ๊ย ฟ้าเจ็บนะคะ”
“อย่ามาสำออย ฉันมีเรื่องจะคุยกับแก”
“เรื่องอะไรคะ?”
“แกต้องเอาเงินมาให้ฉัน!!”
คำพูดขอเงินของจินลดานั้น ฟังแล้วเหมือนกรรโชกทรัพย์เสียมากกว่า ณฟ้าดึงแขนตัวเองออกจากการจับกุม ถามออกไปด้วยน้ำเสียงสุภาพเช่นเคย
“คุณน้าจะเอาเงินไปทำอะไรคะ”
“ฉันก็ต้องไปใช้หนี้แทนพ่อแกไง”
“เรื่องนั้น ฟ้าจัดการเองค่ะ”
สีหน้าและน้ำเสียงของณฟ้ายังอ่อนหวาน แม้ว่าคู่สนทนาจะแสดงกิริยาหยาบโลนเพียงใด
“อย่ามาสู่รู้ เอาเงินมา” คล้ายว่าจินลดาเริ่มสติหลุด เธอจับตัวณฟ้าเขย่าไปมาเหมือนคนขาดสติ เค้นจะเอาเงินจากณฟ้าให้ได้
“ฉันรู้ว่าแกมีเงิน เอามาเดี๋ยวนี้”
“ปล่อยฟ้าค่ะ ฟ้าไม่มีหรอก”
“อิตอแหล เอาเงินมาให้ฉันเดี๋ยวนี้!!”
“หยุดนะ คุณจะทำอะไรฟ้าครับ”
จินลดาหยุดการกระทำตรงหน้าหันไปมองยังผู้มาใหม่ ปรากฏว่าเป็นชายหนุ่มหน้าตาดีในชุดกาวน์สีขาว กำลังเดินเข้ามาด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“นี่มันเรื่องในครอบครัว คุณหมออย่ามายุ่ง”
“ไม่ยุ่งคงไม่ได้ครับ เพราะน้องฟ้าก็เหมือนคนในครอบครัวผม”
หมอมีนเดินเข้าไปโอบไหล่ณฟ้าไว้ จินลดามองภาพตรงหน้าพลางแสยะยิ้ม
“ไม่ธรรมดาเลยนะ กลับมาก็หาผัวเลย”
“ถ้าคุณยังไม่หยุดล่วงเกินน้องฟ้าทั้งทางคำพูด และร่างกาย ผมคงต้องแจ้งตำรวจนะครับ”
เมื่อได้ยินคำว่าตำรวจ จินลดาถึงกับเบิกตากว้าง รีบเดินออกไปไม่ต่อล้อต่อเถียงอะไรอีก
หมอมีนหันกลับมามองณฟ้า จับตัวเธอสำรวจด้วยสีหน้าเป็นห่วง
“น้องฟ้าเป็นอะไรรึเปล่าครับ”
“ไม่ค่ะพี่หมอ ขอบคุณนะคะที่มาช่วย”
“ยินดีครับ ผู้หญิงคนนั้นคือคุณจินลดาเหรอครับ”
“ใช่ค่ะ เธอเป็นแม่เลี้ยงของฟ้าเอง”
สีหน้าของณฟ้าสลดลงเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ หลังจากแม่เธอเสียได้สี่ห้าปี พ่อของเธอก็คบกับจินลดา ต่อหน้าพ่อของเธอและสังคม จินลดาทำตัวเหมือนแม่แท้ ๆ ของเธอ แลดูรักใคร่เธอแตกต่างจากเวลาอยู่กับเธอสองคน
เพื่อเลี่ยงปัญหา ณฟ้าจึงตัดสินใจไปเรียนต่อต่างประเทศคนเดียวเพราะเธอเห็นว่าพ่อของเธอรักจินลดามาก เลยไม่อยากบอกเรื่องนี้กับท่าน ให้ท่านต้องกังวลใจ และไม่อยากทนอยู่ในบ้านหลังนี้กับจินลดาอีก
จนกระทั่งเมื่อวาน เธอได้มีโอกาสไปทานข้าวกับคุณหญิงกชกร เธอจึงรู้ว่าตั้งแต่เธอไปเรียนต่างประเทศ พ่อของเธอก็เริ่มออกห่างจากสังคมเพื่อน จากที่เคยสนิทกับคุณหญิงกชกรก็กลายเป็นห่างหายกันไปเสียดื้อ ๆ เวลาคุณหญิงกชกรโทรไปหา คนที่รับสายจะเป็นจินลดาตลอด คุณหญิงกชกรเลยไม่มีโอกาสได้คุยกับณกรณ์ พ่อของเธอเลยสักครั้ง
“แล้วเธอต้องการอะไรจากน้องฟ้าเหรอครับ”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ พี่หมอมาตรวจคุณพ่อใช่ไหมคะ เชิญเลยค่ะ”
“แต่ว่า...”
“ตรวจคุณพ่อเสร็จ มาทานข้าวเย็นกันนะคะ ฟ้าเตรียมไว้เยอะเลย”
ณฟ้าเลี่ยงการตอบคำถามด้วยการชวนอีกฝ่ายทานข้าว รอยยิ้มหวานยังคงปรากฎอยู่บนใบหน้าเธอ หมอมีนมองหน้าเธอครู่หนึ่งก่อนจะพ่ายแพ้ให้กับรอยยิ้มของเธอแล้วตอบตกลงโดยไม่ถามอะไรต่อ
“อย่างนั้นก็ได้ครับ”
หมอมีนยอมแพ้ที่จะถาม ถึงแม้ว่าเขาอยากเป็นคนที่รับฟังเรื่องราวของณฟ้าทุกเรื่องแต่หากเธอยังไม่พร้อม เขาเองก็ไม่อยากบังคับ