สองพี่น้องเดินเตร็ดเตร่ไปตามทางอย่างอารมณ์ดี แต่ไม่ทันจะเข้าไปในร้านอาหารที่ต้องการก็ได้เจอกับคนสนิทเสียก่อน
“มาร์” เสียงหวานเรียกจากทางด้านหลังและเมื่อหันกลับไปก็พบเพื่อนสนิทที่ควงแขนมากับแฟนหนุ่มอย่างอัศวิน
“อ้าว กุล”
สองเพื่อนสนิทส่งยิ้มให้กันก่อนที่เราทั้งสี่คนจะตกลงนั่งร่วมโต๊ะกันเพราะตั้งใจจะทานอาหารที่ร้านเดียวกันอยู่แล้ว
“หวานกันจัง” เมื่อหย่อนตัวนั่งนภาลัยก็พึมพำเสียงเบา เพราะเธอก็รู้จักอัศวินมาตั้งแต่ไหนแต่ไร แต่เพิ่งจะกล้าคุยด้วยก็ตอนที่เพื่อนพี่สาวคบหากับชายหนุ่ม ไม่รู้ว่าผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างพี่กุลเอาชายหนุ่มหน้าตาน่ากลัวอย่างอัศวินอยู่ได้อย่างไร
“มองไรขนาดนั้น” มาลีวัลย์กระซิบกระซาบน้องสาว เพราะเจ้าตัวเอาแต่มองสองคนตรงข้ามไม่หยุด
“ก็มันไม่น่าเชื่อนี่”
“ก็จริง”
ทั้งเธอและน้องสาวรู้จักกับคนกลุ่มนี้มาตั้งนานแล้ว แต่จะมีก็แต่ช่วงหลังมานี่ที่มาลีวัลย์พอจะได้พูดคุยกับอัศวินมากหน่อย
“เอ๊ะนั่นมัน-”
ไม่ทันที่อาหารจะมาเสิร์ฟครบ พิกุลก็ชี้ผ่านเลยไปทางด้านหลังทำให้ทุกคนในโต๊ะมองตาม ก่อนที่ดวงตาคู่สวยของมาลีวัลย์จะหม่นแสงลงเพราะสองคนที่กำลังเดินตรงมาทางพวกเธอคือเจ้าป่าที่ควงคู่มากับสาวสวยคนหนึ่งที่เธอไม่รู้จัก ไหนจะท่าทางใกล้ชิดของทั้งสองคนนั้นอีก...
ไม่รู้ว่าเจ้าป่าอยากเห็นสีหน้าเศร้าซึมของเธอหรืออย่างไร ถึงได้ตอบรับคำชวนของพิกุลแล้วนั่งลงโต๊ะเดียวกัน ทำให้ตอนนี้โต๊ะอาหารของเรามีจำนวนคนทั้งหมดหกคน รวมเจ้าป่าและหญิงสาวที่เขาควงคู่มาด้วย
จะว่ามาลีวัลย์ก็อดอิจฉาหญิงสาวแปลกหน้าไม่ได้เพราะแม้เธอจะร่วมหมอนนอนเตียงกับเขามาตั้งหลายเดือน แต่ไม่เคยสักครั้งที่เจ้าป่าจะควงเธอออกหน้าออกตา ทั้งที่รูปร่างหน้าตาและฐานะของเธอก็ไม่ได้ทำให้เขาอับอายใคร
“เขาคบกันเหรอ” นภาลัยเอียงตัวมากระซิบพี่สาว เพราะเธอรู้ดีว่ามาลีวัลย์แอบรักเจ้าป่ามาหลายปีแล้ว แต่ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมพี่สาวเธอถึงไม่เข้าหาอีกฝ่าย ไหนจะตอนนี้ที่ดวงตาคู่สวยนั้นฉายแววเสียใจอย่างเห็นได้ชัด
“ไม่รู้สิ” เสียงหวานตอบแผ่วเบา ขณะที่ดวงตาเอาแต่จับจ้องที่จานสีขาวตรงหน้าไม่ละไปไหน
หลังจากที่มาลีวัลย์ไปหาเจ้าป่าวันนั้นก็ผ่านไปหลายวันแล้วที่ทั้งสองก็ไม่ได้ติดต่อกัน หรือถ้าจะพูดให้ถูกจริง ๆ คือเธอเพียรส่งข้อความหาเขา แต่เจ้าป่าไม่แม้จะเปิดอ่านมันด้วยซ้ำ ไม่รู้เพราะยุ่งงานหรือเขากำลังยุ่งกับอย่างอื่นกันแน่
ทั้งที่ทำใจไว้แล้วว่าเจ้าป่ายังไม่มีใจให้เธอ และเขาอาจจะทำแบบนั้นกับคนอื่น แต่เมื่อได้เห็นกับตาจริง ๆ หัวใจกลับปวดหนึบอย่างห้ามไม่อยู่
“แต่ฉันว่าไม่เกินเดือน” นภาลัยยังคงกระซิบกระซาบต่อ เพราะโต๊ะที่เรานั่งอยู่มีขนาดใหญ่ทำให้เก้าอี้แต่ละตัวค่อนข้างห่างกัน
“อย่าไปหาพูดที่ไหน นี่กิน ๆ เข้าไปเลย” มาลีวัลย์ดุน้องสาวก่อนจะตักอาหารตรงหน้ายัดใส่ปากเล็กเพื่อให้อีกคนเลิกพูดเรื่องพวกนี้เสียที แม้มันจะเป็นความจริงก็เถอะ
ที่ผ่านมาแม้เจ้าป่าจะมีคู่ควงอยู่ตลอด แต่ไม่มีใครได้ใกล้ชิดเขาเกินหนึ่งเดือนเลย นอกจากนั้นยังไม่มีใครได้ขึ้นไปยังคอนโดมิเนียมหรูใจกลางเมืองนั่นนอกจากเธอ และเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แค่นี้แหละที่ทำให้มาลีวัลย์มีแรงฮึดสู้กับกำแพงในใจของเขา...
มีหลายครั้งที่เธอนึกอยากตัดใจจากเจ้าป่า แต่เมื่อเห็นหน้าเขาความตั้งใจพวกนั้นก็พังลงไม่เป็นท่า และยิ่งช่วงหลังมานี้ที่เราได้ใกล้ชิดกันมาลีวัลย์ก็ยิ่งมีความสุข แม้หลายครั้งการกระทำและคำพูดของเขาจะทำให้เธอเสียใจไม่น้อย แต่เมาลีวัลย์ก็ยังมีความหวังว่าสักวันความรัก ความเอาใจใส่ของเธอจะเอาชนะใจเขาได้
เธอหวังว่าอย่างนั้น...
เจ้าป่าพูดคุยกับอัศวินโดยมีหญิงสาวที่มากับเขาคอยเอาอกเอาใจอยู่ไม่ห่าง นึกแล้วมาลีวัลย์ก็อยากเป็นคนนั้นเสียจริง และเหมือนว่าเธอจะมองอีกฝ่ายนานไปหน่อยทำให้เขารู้สึกตัว
ใบหน้าคมคายหันกลับมาและนัยน์ตาแสนคุ้นเคยมันทำให้มาลีวัลย์เผลอมองค้างอยู่อย่างนั้น ทั้งคู่จ้องตากันอยู่เกือบนาทีก่อนที่เจ้าป่าจะเลิกคิ้วข้างหนึ่งเป็นเชิงถามว่า ‘มีอะไร’
“หลงเสน่ห์เลยดิ”
“ฮะ เปล่าสักหน่อย” มาลีวัลย์ละสายตาจากอีกคนกลับมามองน้องสาวตัวเอง ก่อนจะตอบเสียงอ้อมแอ้มแล้วขอตัวไปเข้าห้องน้ำเพื่อตั้งสติเพราะตอนนี้เธอเริ่มทำตัวไม่ถูกแล้ว
“โอ๊ะ ตกใจหมดเลย”
หลังจากตั้งสติและคิดว่าตลอดการทานอาหารมื้อนี้เธอจะทำตัวปกติให้เหมือนว่าระหว่างเราไม่มีอะไรทั้งนั้น และเมื่อตัดสินใจได้แล้วขาเรียวก็เตรียมจะกลับไปยังร้านอาหาร แต่ไม่ทันที่เธอจะก้าวขาออกไปก็มีใครบางคนแทรกตัวเข้ามา
“พี่ป่า นี่มันห้องน้ำผู้หญิงนะ”
“แล้วไง”
“กะ...ก็แล้วพี่เข้ามาทำไมล่ะ” มาลีวัลย์ตอบร้อนรนเพราะกลัวว่าจะมีคนมาเห็น แต่อีกฝ่ายทำเพียงยักไหล่ทั้งสองข้างราวกับไม่ใส่ใจเท่านั้น
“ก็เห็นเธอมองหน้าฉันตั้งนาน นึกว่ามีปัญหาอะไร”
“อย่างมาร์เนี่ยนะจะกล้ามีปัญหากับพี่” มีแต่จะยอมถวายหัวให้น่ะสิไม่ว่า แน่นอนว่าประโยคหลังมาลีวัลย์เพียงคิดในใจเท่านั้น
และทันทีที่จบประโยคใบหน้าสวยก็ก้มงุดแทบชิดอก เพราะเมื่อสักครู่เธอเผลอมองหน้าเขานานเกินไปจริง ๆ อีกทั้งสายตาที่เจ้าป่ามองมายิ่งทำให้มาลีวัลย์ร้อนวูบวาบขึ้นมาแปลก ๆ
“งั้นเหรอ”
“อะ...อื้อ”
เจ้าป่าไม่พูดเปล่า ขายาวขยับเข้ามาเรื่อย ๆ มาลีวัลย์ค่อย ๆ ถอยหลัง และในที่สุดแผ่นหลังบางก็แนบชิดกับกำแพงเย็นเฉียบทำให้เธอหมดทางหนี
“อ๊ะ...พี่ป่า เดี๋ยวก่อน”
มือเรียวรีบดันอกแกร่งไว้เพราะที่นี่คือห้างสรรพสินค้าและท่าทางของพวกเขาตอนนี้ก็ดูล่อแหลมมาก
แม้เธอจะยอมเป็นคู่นอนเขาง่าย ๆ แต่ใช่ว่ามาลีวัลย์จะหลับหูหลับตายอมทำเรื่องน่าอายทั้งที่รู้ดีแก่ใจว่าอีกฝั่งของประตูบานนี้มีผู้คนมากหน้าหลายตากำลังเดินเลือกซื้อข้าวของกันอยู่
“คิดอะไรของเธอ” เจ้าป่าถามเสียงอารมณ์ดีเมื่ออีกคนหลับตาปี๋ทั้งที่เขาแค่หยิบเศษฝุ่นออกจากเส้นผม
“ปะ...เปล่านะ มาร์ไม่ได้คิดเรื่องลามกสักหน่อย อุ๊บ !” และเมื่อเผลอพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกไปก็ต้องรีบตะครุบริมฝีปากตัวเองไว้
“หึ คืนนี้จะมาหาฉันก็ได้นะ” เจ้าป่าพูดเสียงเรียบทั้งที่ก้านนิ้วเรียวยาวยังม้วนวนเส้นผมนุ่มมือไม่ยอมปล่อย
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“ทำไม” เมื่อไม่ได้รับคำตอบที่ต้องการเจ้าป่าก็ถามคนตัวเล็กเสียงห้วน
“เอ่อ…คือ พรุ่งนี้มาร์มีประชุมแต่เช้า” เพราะพรุ่งนี้มีนัดประชุมงานกับลูกค้ารายใหญ่ทำให้มาลีวัลย์เลือกที่จะปฏิเสธเพราะรู้ดีว่าถ้าคืนนี้เธอไปกับเขาพรุ่งนี้คงไม่มีเรี่ยวแรงไปทำงานแน่ ๆ
“แน่เหรอ ไม่ใช่ว่าฉันไม่ได้เรียกหานานเลยไปหาคนอื่นแก้ขัดหรอกนะ”
ที่ผ่านมาหญิงสาวไม่เคยขัดใจเขาสักครั้งเลยทำให้เจ้าป่าได้ใจ และขณะเดียวกันก็ไม่พอใจที่เธอกล้าปฏิเสธ ทำให้คำพูดที่ออกจากปากเมื่อสักครู่เจือไปด้วยความกรุ่นโกรธและขาดการยั้งคิด โดยที่เจ้าป่าไม่รู้เลยว่าคำพูดพวกนั้นมันทำร้ายจิตใจคนฟังมากแค่ไหน