‘อะไรกัน ทำไมต้องมองดุขนาดนั้นด้วย’
นัยน์ตาคมกริบยังจ้องเธออยู่ห่าง ๆ และดวงตาอย่างกับสัตว์ร้ายของเขา มันทำให้มาลีวัลย์อยากจะมุดโต๊ะหนีให้มันรู้แล้วรู้รอด เพราะมันทั้งคาดคั้นและกดดันทำเธอหายใจแทบไม่ทั่วท้อง
“แล้วนี่ไม่เห็นคุยกันสักคำเลย”
“เอ่อ...”
“ตอนเด็กเห็นสนิทกันมากแท้ ๆ ถ้าจำไม่ผิดหนูมาร์ติดคนพี่มากกว่าพ่อแม่ตัวเองอีก”
มาลีวัลย์ที่นึกย้อนตามคำพูดคุณป้าจันทร์เจ้าก็อยากจะตอบรับแต่ไม่ทันจะเอ่ยปาก เสียงของคนตรงข้ามก็ดังขึ้นมาก่อนและคำตอบนั่นมันทำให้เธอจำต้องกลืนคำที่ต้องการเอ่ยลงคอไปเสียอย่างนั้น
“เรื่องตั้งนานแล้วใครจะไปจำได้ครับ”
“ตาป่านี่จริง ๆ เลย”
“ผมว่าเลิกพูดเรื่องพวกนี้เถอะ”
“ก็ เฮ้อ ก็ได้ค่ะ” จันทร์เจ้าตั้งท่าจะเถียงสามี แต่เมื่อคิดว่าตั้งแต่นั่งมาก็มีแค่ตนที่เอาแต่พูดความต้องการของตัวเองอยู่คนเดียวจึงยอมลงให้อย่างว่าง่าย จากนั้นทั้งโต๊ะก็พากันพูดคุยเรื่องสารทุกข์สุกดิบตามประสาคนที่ไม่ได้เจอกันนาน
จะเว้นก็แต่มาลีวัลย์ที่เมื่อได้ยินคำตอบของเจ้าป่าก็เอาแต่ตักอาหารใส่ปากเงียบ ๆ ก็จริงอย่างที่เขาว่า เรื่องในอดีตผ่านมาเป็นสิบปีแล้ว คนที่เอาแต่จำมันก็คงเป็นพวกจมปลักอยู่กับอดีต
และคนนั้น ๆ ก็คือเธอ คือมาลีวัลย์คนนี้นี่แหละ...
“ถ้าอย่างนั้นให้เจ้าป่าไปส่งน้องดีไหม”
“เอ่อ ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณป้า เดี๋ยวมาร์กลับเองดีกว่า”
เพราะมาลีวัลย์ตั้งใจว่าหลังจากรับประทานอาหารเรียบร้อยแล้วจะกลับไปนอนที่คอนโดมิเนียมส่วนตัว แต่เพราะมีการแจ้งเตือนว่าทางไปที่พักเธอเกิดอุบัติเหตุทำให้รถติดหนัก มาลีวัลย์จึงไม่อยากให้พ่อแม่ต้องมาเสียเวลาไปด้วยจึงจะเรียกรถเพื่อกลับไปเอง และเมื่อจันทร์เจ้าได้ยินอย่างนั้นก็รีบเสนอตัวช่วยเหลืออย่างใจดี
“คอนโดฯ หนูมาร์อยู่ทางเดียวกับพี่เขาเลยนี่ อีกอย่างนี่ก็ดึกแล้ว ให้พี่เขาไปส่งดีกว่าลูก”
“แต่ว่า-” ทั้งที่นึกดีใจที่จะได้ใช้เวลาร่วมกับเจ้าป่ายกเว้นเรื่องบนเตียง แต่เมื่อเห็นใบหน้าเย็นชาของเขาก็ทำเธออึกอักไม่กล้าตกปากรับคำ
“เอาตามนี้แหละลูก ไม่ต้องเกรงใจ ป่าก็ไปส่งน้องนะลูก”
“ครับ” เจ้าป่าตกลงอย่างว่าง่ายทำมาลีวัลย์ลอบมองเสี้ยวหน้าอีกคนอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
สามวันก่อนเขาดูท่าทางไม่พอใจเธอมากจนมาลีวัลย์กลัวว่าการที่เจ้าป่าต้องไปส่งเธอจะทำให้เขารำคาญใจมากขึ้นไปอีก
บรรยากาศในรถยนต์คันสวยเงียบงันมีเพียงเสียงหายใจของกันและกันให้ได้ยิน และบรรยากาศอย่างนี้มันช่างน่าอึดอัดเหลือเกิน
“พี่ป่าเป็นไงบ้างคะ” น้ำเสียงร่าเริงถามขึ้นท่ามกลางความเงียบพลางส่งรอยยิ้มให้คนข้างกัน แต่เมื่ออีกฝ่ายไม่ตอบมาลีวัลย์ก็พูดเรื่องตัวเองต่อ
“ช่วงนี้มาร์งานเยอะมาก พี่ป่าก็คงงานเยอะเหมือนกันใช่ไหม”
“อื้ม” เสียงทุ้มตอบรับสั้น ๆ ทำให้มาลีวัลย์ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ เขาเหมือนตอบเพื่อตัดรำคาญเท่านั้นและก็ไม่ผิดจากที่มาลีวัลย์คิดนัก เพราะเสียงเจื้อยแจ้วนั่นมันทำให้เจ้าป่านึกรำคาญขึ้นมาจริง ๆ อีกทั้งเมื่อตอนทานอาหารกันเจ้าป่าก็นึกไม่ชอบใจที่มารดาเอาแต่จับคู่เขากับเธอ แล้วยังให้เขามาส่งเจ้าหล่อนถึงที่พักพร้อมย้ำนักย้ำหนาเรื่องความปลอดภัยจนเจ้าป่าชักหมั่นไส้ขึ้นมา
ดวงตาคู่สวยลอบมองสีหน้าอีกคนแต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่มีท่าทีจะสนใจตนจึงเลือกที่จะเบือนหนีออกไปทางหน้าต่างแทน
ไม่รู้ว่าเธอไปทำอะไรให้เจ้าป่าไม่ชอบใจขนาดนั้น ทั้งที่วันนี้เราเพิ่งจะได้คุยกันด้วยซ้ำ หรือเพราะเป็นเธอเลยสร้างความรำคาญใจให้เจ้าป่าทั้งที่ไม่ทันได้ทำอะไรงั้นเหรอ เมื่อก่อนเขาก็เอ็นดูเธอมากแท้ ๆ
เมื่อรถติดไฟแดง สารถีหน้าหล่อก็หันกลับมามองคนที่เอาแต่เหม่อมองนอกหน้าต่าง ตาคมจับจ้องคนข้างตัวอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันกลับมาเหมือนเดิม
เขาและเธอรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ทำไมเจ้าป่าจะจำไม่ได้ เขาเคยเอ็นดูเธอเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นเจ้าป่าย้ายโรงเรียน ทำให้เราค่อย ๆ ห่างเหินกันออกไป แม้เราจะได้เจอกันอีกครั้งตอนเรียนมหาวิทยาลัยแต่ก็ไม่ได้พูดคุยกันมากนักและเจ้าตัวก็ไม่ได้เข้าหาเขา
จนกระทั่งเมื่อหลายปีก่อนที่ได้ไปเยี่ยมพยัคฆ์ เขากับเธอได้มีสัมพันธ์เกินเลยอย่างไม่ได้ตั้งใจ ครั้งนั้นเจ้าป่าคิดว่าเรื่องของเรามันคงจบเพียงเท่านั้น
แต่เปล่าเลย...ในวันแต่งงานของอัศวิน มาลีวัลย์ก็เข้ามายั่วยวนเขาและเราสองคนก็ได้มีสัมพันธ์ลึกซึ้งกันอีกครั้ง
“ตื่นแล้วเหรอ”
เฮือก !
“เอ่อ...ค่ะ คือว่าเรื่องเมื่อคืน...” มาลีวัลย์ตอบอ้อมแอ้มขณะที่ยังก้มหน้าก้มตาไม่กล้ามองอีกคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า แต่เพราะเสียงอีกฝ่ายมันคุ้นหูจนมาลีวัลย์เกิดความสงสัยในใจ ดวงหน้าสวยจึงค่อย ๆ เงยขึ้นและก็พบกับคนที่เธอไม่คาดคิด
“พี่ป่า !!”
“ก็ฉันน่ะสิ คิดว่าใคร”
“ปะ...เปล่า เอ่อ เรื่องเมื่อคืนเรา แบบว่า...”
“เอากัน”
“!!!”
“เราเอากันไปเมื่อคืน โคตรมันเลย”
“เอ่อ คือมาร์” ดวงหน้าสวยมองซ้ายขวาอย่างหวาดระแวงพลางถดเท้าถอยหนี ใบหน้าปริศนาที่เคยลางเลือนบัดนี้กลับชัดเจนราวกับมีคนมาปลุกให้คิดถึงมัน และคนนั้นก็คือเจ้าป่า
“เมื่อคืนมาร์เมามาก จำอะไรไม่ได้เลย”
“งั้นเหรอ”
“ค่ะ ถ้ามาร์ทำอะไรให้พี่ป่าเสียหาย มาร์ขอโทษนะคะ หรือพี่อยากให้มาร์รับผิดชอบยังไง”
“...” นัยน์ตาคมจ้องมองร่างเล็กไม่ละสายตาในขณะที่คิดเรื่องมากมายในหัว ท่าทางตกใจที่เห็นหน้าเขาเมื่อครู่ ทำให้เจ้าป่านึกลังเลว่าเรื่องเมื่อคืนอาจจะเกิดเพราะความมึนเมาจริง ๆ
“รับผิดชอบงั้นเหรอ”
“อะ...อื้อ” มาลีวัลย์เสนอตัวรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น ทั้งที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองจะสามารถทำอะไรให้เจ้าป่าได้เพราะเขามีพร้อมทุกอย่างแล้ว แต่ใครจะรู้ว่าการพูดของเธอจะส่งผลให้มาลีวัลย์ได้เข้ามาในความสัมพันธ์ที่เธอไม่คาดคิดมาก่อน
“มานอนกับฉัน”
“...”
“เอาไง สนใจมาเป็นคู่นอนกันไหม”
“ค่ะ คะ !?”
“ทำไม ไม่ได้เหรอ”
“เอ่อ...”
“ไม่ใช่ว่าเธออยากนอนกับฉันอยู่แล้วหรือไง”
“ไม่ใช่นะ”
“หึ ถ้าไม่ได้อยากทำไมเมื่อวานถึงอ้าขาให้เอาขนาดนั้นล่ะ”
“อึ้ก”
มาลีวัลย์พูดไม่ออก เมื่อทุกอย่างที่เจ้าป่าพูดคือความจริงทั้งหมด ในคราแรกที่เธอรู้ว่าคนที่มีสัมพันธ์กันคือเจ้าป่า ในใจก็เต้นรัวก่อนที่มันจะถูกแทนที่ด้วยความกังวล มาลีวัลย์กลัวเจ้าป่าคิดว่าเธออ่อยเขาเพื่อทำเรื่องอย่างว่า
แต่เมื่อได้ยินข้อเสนอที่คาดไม่ถึงก็ทำให้หัวใจเต้นโครมคราม และมากกว่าความกังวลเมื่อสักครู่คือความหวัง เธอหวังว่าการได้เข้ามาอยู่ใกล้ชิดเจ้าป่าจะทำให้เธอสามารถเอาชนะใจเขาได้
“เอาไง”
“ค่ะ...มาร์ตกลง”
เจ้าป่าปฏิเสธไม่ได้เลยว่าบทรักที่ได้ทำกับเธอมันถึงใจจนเขาอยากทำมันอีก ไม่ใช่เพราะมีใจให้มาลีวัลย์ แต่เป็นเพราะร่างกายเรามันเข้ากันได้ดี
มาลีวัลย์เปรียบเสมือนรสชาติใหม่ที่เขาเพิ่งได้ลิ้มลองและยังติดใจอยู่ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เขาเบื่อหน่าย เราก็แค่แยกย้ายกันเท่านั้นเอง...