“ทำอะไรอยู่นะ” ภูชิตพูดเบาๆ เดินไปหยุดอยู่หน้าประตูห้องของคนที่ทำให้เขาหมดอารมณ์ไปต่อกับสาวสวยไฟแรงหุ่นอวบอั๋น มือใหญ่ยกค้าง ชายหนุ่มกำลังชั่งใจว่าจะเคาะประตูดีไหม แต่เนื่องจากสมองยังคิดหาเรื่องราวจะคุยกับคนในห้องไม่ได้ ภูชิตจึงตัดสินใจลดมือลงหันหลังกลับ ไปเปิดประตูห้องของตนแทน
เสียงเปิดปิดประตูห้องไม่ได้ทำให้คนที่ยืนอยู่ระเบียงกว้างตกใจ เพราะน่านน้ำไม่ได้ยิน เธอยังคงดื่มด่ำอยู่กับภาพบรรยากาศตรงหน้า ภูชิตจัดการถอดเสื้อผ้าโยนลงตะกร้าเตรียมตัวอาบน้ำทันที ร่างแกร่งกำยำเปลือยเปล่ากำลังจะเดินเข้าห้องน้ำ หากแต่เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้น ทำให้ชายหนุ่มหันหลังเดินกลับไปหยิบโทรศัพท์ที่โต๊ะมุมห้อง
“ว่าไงสิน” เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์และเสียงทุ้มที่ได้ยินตามมาทีหลัง ทำให้คนที่แอบย่องเข้าห้องนอนอื่นสะดุ้งสุดตัว
“คุณภูชิตกลับมาแล้ว เอาไงล่ะทีนี้” น่านน้ำเหลียวซ้ายแลขวา ชะโงกหน้ามองดูด้านล่าง เธอกำลังจะหาวิธีกลับเข้าห้องตัวเองโดยที่ไม่ต้องกลับเข้าไปด้านใน เพราะไม่รู้ภูชิตจะว่ายังไงบ้าง หากเห็นเธอเข้ามาอยู่ในห้องเขา โดยที่ยังไมได้รับอนุญาต
“ได้...เดี๋ยวฉันจะลงไปเดี๋ยวนี้” คำพูดที่จงใจเน้นย้ำดังๆของภูชิตที่คุยกับปลายสายทำให้น่านน้ำแอบถอนหายใจ
เขากำลังจะลงไปข้างล่าง
หญิงสาวแนบหน้ากับประตูกระจก เมื่อได้ยินเสียงเปิดปิดประตู มือเล็กรีบเลื่อนประตูระเบียงเบาๆ ใบหน้านวลโผล่เข้ามาก่อน เพื่อสอดส่ายสายตาสำรวจรอบห้อง เมื่อเห็นว่าทั้งห้องเงียบกริบ จึงรีบพาตัวเองเข้ามาในห้องทันที โดยไม่ทันระวังตัวเพราะคิดว่าภูชิตออกจากห้องไปแล้ว หากแต่เธอต้องกรีดร้องเสียงหลง เมื่อเอวบางถูกกอดหมับเหนียวแน่นจากด้านหลัง
“ว้าย!”
“เข้ามาทำอะไรในห้องผม” ภูชิตถามเสียงเข้มชิดริมหูเล็ก ชายหนุ่มได้รับโทรศัพท์รายงานจากลูกน้องที่ตรวจตรารอบๆบ้านว่า เห็นคนยืนอยู่ริมระเบียงห้อง เขาจึงต้องออกอุบายว่าออกจากห้องเพื่อจะจับคนที่บังอาจบุกเข้ามาถึงในห้อง
“เอ่อ...คุณภูชิตคะ น้ำขอโทษค่ะ น้ำไม่ได้ขโมยอะไรนะคะ” ภูชิตเลิกคิ้วสูง ก็คนตัวนุ่มนิ่มในอ้อมกอดนี้ กลิ่นหอมเฉพาะตัวแบบนี้ กับน้ำเสียงแบบนี้เขาจำได้ขึ้นใจเชียวล่ะ ลำแขนแกร่งคลายออก ชายหนุ่มจับบ่าบอบบางหันให้คนตัวสั่นงันงกกลับมาเผชิญหน้ากับตัวเอง
“คุณน้ำ เข้ามาทำอะไรฮึ” น่านน้ำเงยหน้าสบตาคนตัวโตด้วยแววตาหวาดหวั่น
“เอ่อ...คือน้ำ คือ...” ยังไงดีล่ะ มีเหตุผลอะไรที่ดีพอจะให้เขาเชื่อได้ว่าเธอบริสุทธิ์ใจจริงๆนะ
“ผมว่าคนที่แอบเข้าห้องคนอื่นน่าจะโดนลงโทษนะ” ไม่รู้ว่าเพราะอะไรทำให้ภูชิตรู้สึกอยากแกล้งแม่สาวน้อยขี้ตื่นตรงหน้า น่านน้ำอ้าปากค้างสบสายตาจริงจังของเจ้านายหนุ่ม ใบหน้างามซีดถอดสีอย่างเห็นได้ชัด
“เอ่อ...น้ำไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรนะคะ เอ่อ...” ดวงตากลมโตสบสายตาชายหนุ่มอย่างตื่นๆ จะบอกเขายังไงล่ะว่าเธอแค่ต้องการเข้ามาทำความรู้จักกับอะไรๆที่เป็นเขาบ้าง
“ผู้ร้ายปากแข็งต้องถูกลงโทษนะคุณน้ำ ผมชักไม่ไว้ใจคุณแล้วล่ะสิ” มือใหญ่ที่จับบ่าบอบบางถูกดึงไปกอดออก สายตาคมเข้มกวาดมองร่างหญิงสาวตั้งแต่หัวจรดเท้า น่านน้ำเริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง
“ผมคงต้องตรวจสอบว่าคุณขโมยอะไรไปหรือเปล่า” ภูชิตค่อนข้างมั่นใจว่าน่านน้ำคงไม่มีเจตนาร้ายอะไร เพราะผู้หญิงตัวคนเดียวที่อาศัยอยู่กับป้ามาตั้งแต่เด็ก และเป็นเด็กเรียนนิสัยดีค่อนข้างจะเรียบร้อยด้วยซ้ำ ที่สำคัญไม่เคยมีแฟน ตามประวัติที่เขาให้ลูกน้องไปสืบมา เพื่อประกอบการรับเข้าทำงานนั้น ยืนยันได้เป็นอย่างดี เธอคงจะเข้ามาในห้องเขาเพราะความอยากรู้อยากเห็นตามนิสัยหญิงสาวทั่วไป
อืม...อยากรู้อยากเห็น ก็น่าจะให้เห็นเยอะๆนะ
รอยยิ้มร้ายกาจกระตุกบนใบหน้าคมเข้มที่ปกติจะนิ่งขรึมแทบตลอดเวลา น่านน้ำถอยหลังไปทีละนิดเพราะไม่ค่อยจะไว้ใจเท่าไร สัญชาตญาณของผู้หญิงบอกให้เธอรู้ว่า ไอ้การตรวจสอบว่าเธอขโมยอะไรหรือเปล่านั้น มันน่าจะมีอะไรแอบแฝงแน่ๆ
ขายาวก้าวตามติดประชิดตัว ลำแขนแกร่งรวบเอวคอดดึงร่างบางจนชิดร่างกำยำ น่านน้ำเพิ่งสังเกตว่าชายหนุ่มอยู่ในสภาพผ้าขนหนูพันกายผืนเดียว มือเล็กยันแผงอกกว้างไว้ทันทีเมื่อสำนึกถึงความอันตรายที่แผ่อยู่รอบกาย
“น้ำขอโทษค่ะ ต่อไปจะไม่เข้ามาในห้องคุณภูชิตอีกแล้ว ปล่อยน้ำเถอะค่ะ” ภูชิตส่ายศีรษะยิ้มๆ
“ก็บอกแล้วว่าต้องตรวจสอบ” ร่างเล็กถูกตวัดอุ้มขึ้นแนบอกอย่างรวดเร็ว น่านน้ำอ้าปากค้างแต่ไม่กล้าดิ้นรน เมื่อสำนึกได้ว่าตัวเองเป็นคนผิด หากแต่เมื่อหลังสัมผัสกับเตียงนุ่มที่ตัวเองเพิ่งเกลือกกลิ้งไปเมื่อพักใหญ่ๆ ดวงตากลมโตจึงเบิกกว้างขึ้น มือเล็กตะครุบมือใหญ่ไว้ทันก่อนที่เขาจะปลด
กระดุมเม็ดแรกของเสื้อเชิ้ตสีหวานของตัวเอง ภูชิตส่ายหน้าอย่างขัดใจ
“เอ่อ...ถ้าคุณภูชิตจะค้นตัวน้ำจริงๆ ให้น้าแตงอ่อนมาค้นให้ดีกว่านะคะ” ภูชิตแทบจะกลั้นยิ้มไว้ไม่อยู่ เมื่อคนใจกล้าบุกห้องคนอื่นพยายามหาทางออกให้ตัวเอง
“แตงอ่อนกลับไปบ้านพักคนงานแล้ว”
“ก็โทรตามสิคะ”
“เสียเวลาตรวจสอบ”
“น้ำไม่ได้ขโมยอะไรจริงๆนะ”
“ก็บอกแล้วไงว่าต้องค้นตัวดูก่อนแล้วถึงจะเชื่อ”
“โธ่...เชื่อน้ำเถอะนะคะ” น่านน้ำครางอย่างอ่อนใจ ก็คนที่ตั้งท่าจะค้นตัวรุกประชิดจนหัวใจเธอเต้นแรงจนแทบจะระเบิดออกมานอกอกแล้วนะ
ภูชิตก้มหน้าซ่อนยิ้มอย่างยากเย็น มือใหญ่ที่โดนมือเล็กตะครุบไว้เริ่มขัดขืนอย่างเอาแต่ใจ น่านน้ำเริ่มดิ้นอย่างเป็นจริงเป็นจัง คนตัวโตเห็นท่าว่าจะจับไว้ไม่อยู่จึงทิ้งตัวลงทาบทับร่างเล็กทั้งตัว เพื่อตรึงไว้กับที่นอนอย่างแน่นหนา น่านน้ำเบิกตากว้างอีกครั้ง ดวงตากลมตื่นสบสายตาดุอย่างหวาดหวั่น