วิวรรญาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเผลอซบกายไปหาอกกว้างตั้งแต่เมื่อไหร่ สองแขนเรียวเผลอยกไปกอดเกี่ยวร่างอบอุ่นตั้งแต่ตอนไหน ริมฝีปากนุ่มเผลอจูบตอบกับริมฝีปากร้อนผ่าวไปเมื่อใด
และเผลอก้าวข้ามเขตแดนที่เฝ้าขีดขวางกั้นมาได้ยังไง รู้แต่ว่าตอนนี้เป็นสุขที่สุด เมื่อมีเขาอยู่แนบเนื้อ มอบจุมพิตอันหวานล้ำให้อย่างแผ่วเบา แล้วค่อยๆ กลายเป็นจูบที่มีน้ำหนักขึ้นมาอีกระดับ ดูดดื่มหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ
กายที่อ่อนแรงก็ตกอยู่ในอ้อมกอดอันแข็งแกร่งของเขาที่คอยประคองไว้ไม่ให้ทรุดลงกับพื้น ฝ่ามืออุ่นของเขาค่อยๆ เลื่อนจากแผ่นหลังนุ่ม มาหาซี่โครงเล็กๆ ไล้ขึ้นมาจนถึงอกเต่งตึง ที่แตกตื่นอยู่ภายใต้ผ้าเนื้อบางกับบราลูกไม้สีขาว
ปลายยอดชูช่อขึ้นเมื่อพานพบกับความหนาวเย็นและมือชายคนแรก เป็นสัมผัสแรกของชีวิตสาว และจูบแรกที่หวงแหนด้วยมีประวัติของแม่คอยย้ำเตือนไม่ให้เดินเขวออกนอกเส้นทางที่วางไว้
“อย่า!”
คำว่าแม่ก็เป็นเครื่องเตือนสติวิวรรญาได้เป็นอย่างดี จนต้องรีบผลักอกเขาออก เมื่อมือของเขากำลังก้าวมาในที่ไม่ควร และด้วยความเสียใจ และอายเหลือคณานับกับการเผลอไผลในครั้งนี้
ร่างผอมบางรีบวิ่งผ่าสายฝนและเสียงเปรี้ยงปร้างของฟ้ากลับบ้านทันที แม้จะกลัวแต่ก็มีความละอายเข้ามาเป็นเกราะกำบังให้แข็งใจวิ่งไปจนถึงบ้านแล้วตรงขึ้นห้องปิดประตูเงียบทันที
ใจอยากจะขังตัวเองอยู่ในนั้นชั่วกัปชั่วกัลป์ก็ว่าได้ แต่ก็ไม่อาจจะทำได้ เมื่อมีมื้ออาหารของลุงกับป้าค้ำคออยู่ จึงจำใจเดินเข้าไปอาบน้ำหมายจะดับไฟสารพัดที่แผดเผาใจอยู่ให้มอดไหม้
แต่อนิจจาที่น้ำช่วยอะไรไม่ได้เลยสักนิดเดียว เลยตัดสินใจเดินลงมาข้างล่างเมื่อเห็นว่าใกล้เวลาที่ลุงกับป้าจะกลับ ฝนซาไปแล้ว บ้านเงียบเชียบดังเดิม ซึ่งวิวรรญาถือว่าเป็นเรื่องดี
แปลว่าคนที่ตัวเองเพิ่งจะวิ่งหนีเมื่อครู่คงยังไม่ได้มาเพ่นพ่านแถวนี้ จึงรีบลงมือหุงข้าวแล้วตระเตรียมอาหารไว้ เมนูยำหัวปลีเป็นต้องเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นแทน ด้วยไม่อาจหาญมากพอที่จะเดินกลับไปเอามาได้แล้ว
“ทำอะไรกินจ๊ะแม่ครัว ว่าแต่ยำหัวปลีลุงของเราน่ะเริ่มลงมือหรือยัง บ่นแล้วบ่นอีกว่าอยากกิน”
เสียงป้าทำเอาร่างบางสะดุ้งเล็กน้อย เพราะไม่ได้ยินเสียงรถแล่นเข้ามาจอด อาจจะเพราะมีเสียงฝนกลบไว้
“แจมยังไม่ได้ไปดูปลีเลย ว่าจะทำอย่างอื่นก่อนพรุ่งนี้ค่อยทำให้ลุงกินใหม่”
“อ้าว! ทำไมล่ะ แต่โน่น! ไม่ต้องแล้วล่ะยัยแจม นายลินถือมาให้แล้วสองหัว งั้นก็ทำช่วยกันไปก่อนนะ ป้าขึ้นไปอาบน้ำแล้วจะลงมาช่วย กินอิ่มค่อยมัดผักกัน นายลินมาช่วยยัยแจมเร็วๆ เข้าลุงหิวแล้ว”
จากที่ตั้งใจว่าจะทำเอง คนเป็นป้าก็ดันกวักมือเรียกคนสวนหนุ่มเข้ามาในครัวอีก วิวรรญาไม่กล้าแม้แต่จะมองไปทิศทางที่เขายืนอยู่ด้วยซ้ำ ได้แต่ทำตัวให้วุ่นอยู่หน้าเตาและแสดงท่าทีเรียบเฉย
สีหน้าเมินหมางใส่เขาเท่านั้น ส่วนเขาเองวิวรรญาก็เห็นนิ่งและเงียบกว่าที่เคยเป็น ยิ่งทำให้บรรยากาศเวลาที่เผชิญหน้ากันอึมครึมไปอีก
และก็เป็นไปอย่างอึมครึมติดต่อกันสองอาทิตย์แล้ว แม้ลินจะทำหน้าที่เป็นสารถีขับรถไปรับส่งในช่วงต้องทำงานล่วงเวลา วิวรรญาก็ไม่แม้แต่จะคุยด้วย มื้อเช้าที่เดินไปซื้อด้วยกันในตลาดก็ไม่มีการพูดคุยใดๆ
ต่างคนต่างเงียบ เวลากลับจากที่เคยหลับ วิวรรญาก็นั่งตัวตรงคอตั้งอยู่อย่างนั้นแม้จะเหนื่อยสักแค่ไหนก็ตามที แต่จนแล้วจนรอดเพียงแค่วันที่สี่ของการทำงานล่วงเวลา กายที่อ่อนล้าก็เรียกร้องให้เอนกายลงนอนตั้งแต่ตอนขึ้นรถใหม่ๆ แล้ว
ลินอดหันไปมองไม่ได้ เมื่อเห็นว่าอีกคนกำลังนอนขดเพราะหนาวจากแอร์ก็รีบจอดข้างทางแล้วกางผ้าห่มเอาไปคลุมให้อย่างแผ่วเบา และนั่นคือเวลาที่ทำให้เขามีโอกาสได้จ้องมองใบหน้าขาวสวยได้อย่างเต็มตา
ริมฝีปากอิ่มได้รูปเรียกร้องให้อยากจะโน้มตัวลงไปจูบเหลือกำลัง จนต้องรีบหักห้ามใจแล้วออกรถไปโดยพลัน แต่ขับไปได้ไม่นานก็ต้องจอดอีกเมื่อผ้าห่มร่นลงไปตกอยู่ตรงเอว
เขาเลยตัดสินใจใช้แขนซ้ายช้อนต้นคอระหงขึ้นจากเบาะเล็กน้อย หมายจะสอดชายผ้าห่มเข้าไปให้แผ่นหลังนุ่มทับไว้ และไม่ได้คิดว่าจะทำให้คนหลับต้องตื่นเลยสักนิดเดียว แต่ก็สายไปแล้วเมื่อดวงตาคู่สวยลืมขึ้นมาแล้วพานพบกับหน้าหล่ออยู่ใกล้ๆ
กลิ่นกายชายลอยผ่านปลายจมูกไป ลินเองก็จ้องมองดวงตาที่มีแววหวาดหวั่นพอดี ตัวเองก็ใช่ว่าจะไม่หวั่นไหวเมื่อได้อยู่ใกล้ๆ ดอกฟ้า กระนั้นเขาก็ตัดสินใจอธิบายด้วยน้ำเสียงเรียบนุ่ม
“ผมขอโทษ ผมแค่จะห่มผ้าให้คุณ ไม่ได้คิดจะทำให้คุณตื่นเลย”
“...”
วิวรรญาไม่รู้จะตอบอะไร นอกจากนิ่งงันในท่าเดิม แต่อีกคนนั้นกลับนิ่งไม่ได้เมื่อหัวใจมันเรียกร้องเหลือกำลังว่าอยากจะสัมผัสกระจับงามอีกครั้ง จนมือเผลอเชยคางมนให้เงยขึ้นช้าๆ
ก่อนจะปล่อยให้ตัวเองตกเป็นทาสหัวใจด้วยการก้มลงไปประทับจูบดอกฟ้าอีกครั้ง วิวรรญาไม่ได้เผลอไผลในครั้งนี้ แต่ก็ไม่อาจจะขัดขืนได้ เพราะในใจมันช่างเป็นสุขกับสัมผัสอันหวานล้ำจากเขาเหลือเกิน
จนกายอ่อนระทวยและแทบจะละลายอยู่ในวงแขนของเขาที่รั้งมาหา ขณะกำลังดูดดื่มกลีบบุปผานุ่มนวลอย่างลืมตัวและเนิ่นนาน มืออีกข้างก็เผลอยกขึ้นไปเคล้าคลึงอกนุ่มอย่างลืมตัวเช่นกัน
“นายลิน! อย่า! ฉันขอร้อง”
แต่คนที่ยังพอจะครองสติอยู่ต้องรีบส่งน้ำเสียงอ้อนวอนระคนจะร้องไห้ออกมา นั่นถึงเรียกสติอันกระเจิดกระเจิงของคนสวนหนุ่มให้กลับมาอยู่กับตัวอีกครั้ง จนต้องรีบปล่อยร่างนุ่มให้เป็นอิสระ
แล้วตั้งใจอย่างที่สุดว่าจะกล่าวคำขอโทษออกไป แต่วิวรรญาก็ตะแคงกายไปหาหน้าต่างและไม่เอ่ยอะไรออกมาอีกเลย
ถึงบ้านก็รีบวิ่งขึ้นห้องทันที ไม่สนใจจะรอช่วยขนของเหมือนทุกครั้งอีกแล้ว ลินเลยหมดโอกาสที่จะพูดหรืออธิบายใดๆ จึงทำงานเงียบๆ คนเดียว และสองวันต่อมาที่เขาเฝ้ารอโอกาสนั้น วิวรรญาก็ไม่แม้แต่จะมองหน้าเขาเลย