ตอนที่ 6 คนแปลกหน้า #2

1465 Words
“ทำไมไม่กลับเข้าบ้าน” น่านฟ้าเอ่ยถามเมื่อเขาเข้ามานั่งในรถ “ฉันไม่มีบ้านค่ะ” กรรวีทำหน้างอดึงกระเป๋าสีน้ำตาลใบเล็กเข้ามากอดไว้แนบอก เพราะตอนนี้เสื้อผ้าเธอเปียกไปหมดถึงในรถจะมืดก็เถอะแต่แสงไฟข้างถนนก็สาดส่องเข้ามาเป็นระยะ เสื้อยืดที่เธอใส่มามันแนบเนื้อจนมองเห็นรูปร่างของเธอชัดเจน น่านฟ้าเห็นดังนั้นจึงถอดเสื้อคลุมที่สวมตอนไปดูไร่อ้อยให้กับเธอ “เอ้า ใส่ไว้ซะ เธอเป็นเด็กของเสี่ยซ้งใช่มั้ย” น่านฟ้าเอ่ยถามเพื่อเป็นการยืนยันว่าสิ่งที่วสุบอกนั้นเป็นเรื่องจริง มือเล็กรับเสื้อมาแบบจำยอมเพราะตอนนี้ถ้าไม่มีอะไรมาสวมทับมีหวังสองคนนี้มองเห็นทุกสัดส่วนของเธอเป็นแน่ “เอ่อ…ค่ะ” เธอยอมรับไม่เต็มเสียงนักอย่างน้อยบารมีของเสี่ยซ้งก็น่าจะคุ้มกะลาหัวเธอได้บ้าง หากว่าใครคิดจะทำอะไรไม่ดีกับเธอ “แต่นั่นไม่ใช่บ้านของฉัน ถ้าคุณจะให้ฉันกลับเข้าไปในบ้านหลังนั้นคุณช่วยไปส่งฉันที่คิวรถตู้ดีกว่าค่ะ” กรรวีรีบบอกเพราะกลัวเขาจะพาเธอกลับไปบ้านเสี่ยซ้งอีก “ทะเลาะกัน?” ริมฝีปากหนามีรอยยิ้มหยันเล็กน้อย เธอนิ่งอยู่พักหนึ่งก่อนจะตอบเขาออกไป “ค่ะ” จะบอกว่าไม่ใช่ก็กลัวจะมีภัยมาถึงตัว หากสองคนนี้ไม่ใช่คนดีนัก ถึงแสงไฟสลัวจะพอดูออกว่าเขาหน้าตาดี แต่นั่นก็รับประกันไม่ได้ว่าเขาจะเป็นคนดีเหมือนหน้าตา ยิ่งน้ำเสียงดุดันฟังแล้วยิ่งน่ากลัวเข้าไปใหญ่ “ก็เลยประชดผัว? เฮ้อ เด็กหนอเด็ก” เขาถอนหายใจเสียงดัง แต่ไม่ได้แปลกใจที่เด็กผู้หญิงหน้าตาดีสมัยนี้จะเลือกเป็นเด็กเสี่ย แค่ไม่เข้าใจผู้หญิงเลยจริงๆว่าทำไมถึงชอบประชดจนตัวเองต้องมาลำบากขนาดนี้ กรรวีทำท่าจะประท้วงแต่ก็ตัดสินใจเงียบไปก่อน เพราะยังไงเธอก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องอธิบายเรื่องทุกอย่างให้สองคนนี้ฟังอยู่แล้ว เพราะเด็กรุ่นเธอถ้าก้าวขาออกมาจากบ้านเสี่ยซ้งในเวลานี้คนก็คงมองเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ ทางที่ดีเธอต้องหาทางออกไปจากจังหวัดนี้ให้เร็วที่สุด “งั้นหอพักเธออยู่ที่ไหน” “ไม่มีค่ะ” “แล้วเธอกำลังจะไปไหน” “เข้ากรุงเทพฯค่ะ” “สภาพนี้?” น่านฟ้าถามเสียงสูง ที่วสุพูดคงไม่ผิดว่าเธอคงกำลังเรียกร้องความสนใจหรือไม่ก็โดนเสี่ยซ้งไล่ออกจากบ้าน และบ้านเธอเองคงไม่ได้อยู่ในจังหวัดนี้ “ค่ะ” วสุขับรถไปแบบเงียบๆโดยไม่ออกความเห็นอะไร ภายในบ้านเสี่ยซ้ง ป้าแดงยืนทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่างเม็ดฝนกำลังเริ่มซาลงบ้างแล้ว “ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างนะใบหม่อน ขอให้หนูปลอดภัย ป้าเอาใจช่วยหนูนะลูกขอให้พระคุ้มครองหนูนะ” ป้าแดงคิดถึงตอนที่เธอทำงานกับดวงเดือนแม่ของกรรวี เธอเป็นคนที่มีน้ำใจ และคอยช่วยเหลือป้าแดงมาโดยตลอด “ฉันช่วยลูกเอ็งได้แค่นี้แหละนะเดือน” ป้าแดงพึมพำกับตัวเอง ยืนเหม่อด้วยความเป็นห่วง คิดว่าทุกอย่างจะราบรื่นแต่ฝนก็ดันมาตกเสียก่อน แต่ถ้าไม่หนีวันนี้ วันข้างหน้าอาจจะไม่มีโอกาสอีกเลยก็ได้ วสุจอดรถตรงคิวรถตู้แล้วเดินลงไปซื้อตั๋วให้เธอ ก่อนจะเดินกลับมาหน้าตาเป็นกังวล “เอายังไงดีครับคุณน่าน ตอนนี้รถตู้เที่ยวสุดท้ายก็ออกไปแล้วนะครับ” วสุบอกกับน่านฟ้า เพราะคนขายตั๋วบอกว่าวันนี้ฝนตกหนักรถก็เลยออกก่อนเวลาสิบนาที น่านฟ้าทำท่าครุ่นคิด “งั้นพาไปบ้านพักผมก่อน” “จะดีเหรอครับคุณน่าน” วสุแย้งขึ้นมาเพราะไม่อยากให้น่านฟ้ามีปัญหากับเสี่ยซ้ง “ไม่เป็นไรหรอกน่า เสี่ยซ้งไม่กล้าทำอะไรผมหรอก” น่านฟ้าพูดออกมาด้วยความมั่นใจ กรรวีนั่งฟังทั้งสองคุยกันแต่ก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจที่พวกเขาจะรู้จักเสี่ยซ้ง เพราะคนในเมืองนี้รู้จักเสี่ยซ้งกันทั้งนั้น แต่ฟังจากสำเนียงแล้วผู้ชายสองคนนี้คงไม่ใช่คนในพื้นที่อย่างแน่นอน และเขาใหญ่โตมาจากไหนเสี่ยซ้งถึงต้องเกรงเขาด้วย “แต่ฉันไม่อยากไปค่ะ” กรรวีพูดเสียงสั่นตอนนี้เธอกำลังหนาวมาก ทั้งจากเครื่องปรับอากาศและจากเสื้อผ้าที่เปียกชุ่ม น่านฟ้าหันขวับไปมองใบหน้าเด็กสาวที่มองไม่ชัดนักแต่ก็พอรู้ว่าเธอหนาว เห็นดังนั้นจึงบอกวสุให้ปรับเพิ่มอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศให้เธอ “อยากจะนอนตายอยู่ข้างถนนรึไง ไม่ได้ยินเหรอว่ารถเที่ยวสุดท้ายมันหมดแล้ว หรือเธอฟังภาษาคนไม่รู้เรื่อง แต่ถึงรถจะยังไม่หมดสภาพของเธอตอนนี้ ก็คงไม่มีใครเขาให้ขึ้นรถหรอก” น่านฟ้าพูดออกมาด้วยความโมโห ถึงจะเดินตากแดดทำงานเหนื่อยมาทั้งวันแต่ก็ยังไม่เหนื่อยเท่ากับคุยกับเด็กผู้หญิงคนนี้ เขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าจะยื่นมือเข้าไปช่วยเธอทำไม ทั้งที่เขาเองก็ไม่ได้อยากยุ่งเกี่ยวเรื่องส่วนตัวของเสี่ยซ้งเลยสักนิด เมื่อได้ยินเขาตวาดเธอจึงหุบปาก ยังไงก็ตัดสินใจไปตายเอาดาบหน้าแล้ว เธอยังจะต้องกลัวอะไรอีก เพราะจะอยู่หรือไปความเสี่ยงก็ไม่ต่างกันอยู่แล้ว “แล้วเราจะกินอะไรกันดีครับคุณน่าน” น่านฟ้าโทรบอกแม่บ้านไม่ต้องทำกับข้าวไว้รอเพราะไม่อยากให้ลำบากเพราะเขามาอยู่แค่ไม่กี่วัน จึงแค่ให้ทำความสะอาดบ้านไว้รอตามปกติแล้วให้กลับบ้านไป ไม่คิดว่าระหว่างทางฝนจะตกหนัก จนขากลับขับรถเร็วไม่ได้ จนทำให้กลับมาถึงมืด ขนาดเลือกเส้นทางที่คิดว่าใกล้สุดแต่ยังกลับมาเจอเรื่องไม่คาดคิดอีกช่างเป็นการมาตรวจงานที่ยุ่งยากที่สุดเท่าที่เคยเจอมา “แวะร้านสะดวกซื้อก็ได้ครับ ฝนก็ตกไม่น่าจะมีร้านข้าวเปิด อีกอย่างถ้าไปนั่งกินที่ร้านคงกินไม่ลง ถ้าจะเปียกขนาดนี้” น่านฟ้าบอกกับวสุเพราะตอนนี้ถึงมีร้านขายข้าวเปิดเขาก็ไม่มีอารมณ์ไปนั่งกินที่ร้านอยู่ดี วสุจึงเลี้ยวรถเข้าจอดหน้าร้านสะดวกซื้อก่อนจะถึงที่พัก “คุณวสุเอาอะไรมั้ยครับ” “ตามใจคุณน่านแล้วกันครับ” วสุบอกเจ้านายหนุ่มเพราะเขาไม่อยากเรื่องมาก และเขาเดินทางไปกับน่านฟ้าตลอด เขาทั้งสองย่อมรู้ใจกันดี ความจริงน่านฟ้าก็ไม่เคยมองวสุเป็นลูกน้องเลยสักครั้ง “แล้วเธอล่ะ” น่านฟ้าปรายตามองคนที่นั่งอยู่ด้านข้าง “เอ่อ เดี๋ยวฉันลงไปซื้อเองดีกว่าค่ะ ฉันต้องการของใช้ส่วนตัวนิดหน่อยน่ะค่ะ” กรรวีบอกเขาเมื่อนึกขึ้นได้ว่าของใช้ที่เธอต้องการเหลืออยู่ในกระเป๋าเพียงแค่ชิ้นเดียว แต่ในใจก็กลัวที่จะลงจากรถเพราะกลัวคนเห็น แต่อีกใจก็ไม่กล้าถ้าจะฝากเขาซื้อ เพราะของใช้มันส่วนตัวจริงๆ “จะเอาอะไรก็บอกมาเดี๋ยวฉันจะไปซื้อให้ ถ้าเป็นพวกสบู่ยาสีฟันน่ะที่บ้านฉันมีไม่ต้องซื้อ ฉันไม่ชอบคนทำอะไรชักช้า บอกมาจะเอาอะไร” เขาไม่อยากให้เธอไปเดินเลือกของนานเพราะมันเสียเวลา อีกอย่างตอนนี้เธอเปียกชุ่มไปทั้งตัวไม่อยากให้เข้าไปในที่ที่มีอากาศเย็น “ฉันอยากได้ผ้าอนามัยค่ะ แบบกลางวันหนึ่ง กลางคืนหนึ่งยี่ห้ออะไรก็ได้ค่ะ” เธอรีบพูดเพราะเกรงว่าเขาจะดุอีก น่านฟ้าอ้าปากหวอแล้วอึ้งไปพักหนึ่งแต่จะทำยังไงได้ในเมื่อบอกเธอไปแล้วจะคืนคำก็กลัวจะเสียฟอร์ม ลืมคิดไปว่าผู้หญิงมีของใช้ที่มากกว่าผู้ชายหลายอย่าง วสุแอบมองหน้าเจ้านายหนุ่มผ่านกระจกหลังอย่างชั่งใจ ลุ้นกับคนปากร้ายแต่ใจดีว่าเขาจะทำอย่างไรต่อกับชีวิตดี “แค่นี้?” “ค่ะ” “แล้วเธอไม่กินอะไรเหรอ” “ฉันกินมาแล้วค่ะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD