"แล้วผู้หญิงคนนั้นเป็นใครตาปัท ชื่อว่าอะไร ทำงานอยู่แผนกไหน?"
"ชื่อลักขณาครับ ทำอยู่แผนกประชาสัมพันธ์ เธอเป็นเพื่อนของลูกสะใภ้คุณแม่"
"อะไรนะ ผู้หญิงคนที่เคยมาร่วมงานที่หนูกิ่งจัดครั้งก่อนน่ะเหรอ ใช่คนที่ยืนคุยกับแกวันนั้นหรือเปล่า?" คุณเพียงเพ็ญถามลูกชายขึ้นอีกครั้ง เพราะถ้าเป็นผู้หญิงคนนั้นจริง ท่าทางของเธอก็ดูเรียบร้อย หน้าตาก็น่ารัก กิริยามารยาทก็แสนงาม แต่ทำไมถึงได้กล้ามายุ่งเกี่ยวกับเสือผู้หญิงอย่างลูกชายของนางได้
"คนนั้นแหละครับคุณแม่ ถ้าผมรู้ว่าเขาจะท้องผมคงไม่นอนกับเขาหรอก"
"ก็นอนแบบไม่ป้องกันมันก็ต้องมีไหม ถ้าไม่อยากให้เขามีลูก แกก็อย่าไปนอนกับเขาสิ" คุณทรงพลถึงกับต่อว่าลูกชายขึ้นอย่างอดไม่ได้ ทำตัวเสเพลมาตั้งนานไม่เคยจะมีเรื่องให้พลาด พอจะพลาดท่าเสียทีก็ดันมาเป็นเด็กในบริษัทเสียนี่ น่าอับอายขายขี้หน้าดีชะมัด
"ก็ในเมื่อมันพลาดไปแล้วครับ ผมก็คงต้องรับผิดชอบเด็ก"
"แกมั่นใจใช่ไหมว่าเด็กนั่นคือลูกของแก"
"ก็...ก็คิดว่าใช่ครับคุณพ่อ พักหลังมานี้ผมกับเขาก็นอนด้วยกันบ่อย"
"งั้นพรุ่งนี้แกเรียกเขามาพบพ่อกับแม่ที่บ้านด้วย"
"คุณพ่อจะให้ผมรับผิดชอบเขาเหรอครับ แต่ผมไม่อยากแต่งงานนะ ผมอยากรับผิดชอบแค่เด็ก ผมยุ่งกับเขาก็จริง แต่มันเป็นความสุขทางกายที่ไม่มีหัวใจมาเกี่ยวข้องเลยนะครับพ่อ ต่างคนต่างสนุก ต่างคนต่างแฮปปี้ที่ความสัมพันธ์มันเป็นแบบนี้ ถ้าจะให้ผมต้องแต่งงานหรือรับผิดชอบชีวิตลักขณาด้วย ผมขอรับผิดชอบแบบไม่ต้องแต่งงานได้ไหมครับ?"
คุณทรงพลถึงกับมีท่าทีคิดไม่ตกเลยสักนิด ยิ่งผู้หญิงคนนั้นเป็นเพื่อนรักของลูกสะใภ้ ถ้ากิ่งมาลารับรู้เข้าก็คงจะรู้สึกไม่ดีด้วยกันทั้งบ้าน ทางออกของปัญหานี้มันอยู่ตรงไหนกันนะ ทุกคนถึงจะแฮปปี้กันทุกฝ่าย คนที่ผ่านโลกมามากแต่เป็นประเภทรักเดียวใจเดียวเหมือนลูกชายคนเล็ก ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงทีละหลายคนเหมือนที่ปัทกรณ์ทำอยู่ เลยไม่เข้าใจว่าควรจะจัดการกับปัญหานี้ไปได้ยังไง
"คุณเพ็ญคุณคิดว่าเราควรจะทำยังไงกันต่อไป?"
"ฉันไม่รู้ค่ะ แล้วแต่ตัวปัญหามันจะจัดการเอาเองเลย ก็ตอนมันไปนอนกับเขามันไม่คิดให้เยอะ ๆ นี่นา"
"เอาเป็นว่าเรียกผู้หญิงคนนั้นเข้ามาพูดคุย เข้ามาเจรจากันก่อนก็แล้วกัน ส่วนทางออกของเรื่องก็ค่อยมาสรุปกันทีหลังว่าแกควรจะทำยังไงกับสิ่งที่มันเกิดขึ้นแล้ว แกนี่นะตาปัททำไมมันนิสัยไม่ดีได้ครึ่งน้องของแกเลยวะ แหวกคอกแหวกแนว มันใช่ลูกฉันจริง ๆ หรือเปล่า"
"เอ๊ะคุณทรงพล คุณพูดอย่างนี้หมายความว่ายังไงคะ คุณจะบอกว่าฉันไปทำกับคนอื่นมาหรือยังไง"
"ผมก็แค่เปรียบเปรย หรือว่าคุณทำจริง ๆ ล่ะ?"
"คุณทรงพล คุณจะหาเรื่องฉันเหรอคะ มันไม่ได้เกี่ยวหรอกมันอยู่ที่สันดานของลูกชายคุณมากกว่า ตาปัทมันลูกคุณค่ะ ไม่ใช่ลูกชายฉัน" พูดจบแค่นั้นนางก็เชิดหน้าเดินหนีขึ้นไปบนชั้นสองของบ้าน โดยไม่ได้สนใจลูกชายและสามีเลยแม้แต่นิด ทุกวันนี้นางก็เริ่มปลงกับเรื่องลูก ๆ แล้ว เพราะทุกคนก็โตพอจะมีความคิดเป็นของตัวเอง นางไม่บังอาจที่จะบังคับให้ลูกชายเลือกทำหรือไม่เลือกทำ ถึงแม้ท้ายสุดแล้วจะต้องรับผู้หญิงคนนั้นมาเป็นลูกสะใภ้นางก็ยังจะยินดี เพราะกิ่งมาลาก็แสดงให้เห็นมาแล้วว่าสิ่งที่นางไม่ชอบไม่ได้หมายความว่าคือสิ่งที่ไม่ดีสำหรับชีวิตแต่อย่างใด
"มีอะไรไว้คุยพรุ่งนี้นะตาปัท ดึกแล้วพ่อจะไปนอนเหมือนกัน"
ปัทกรณ์ได้แต่มองตามหลังบิดาและมารดาด้วยสายตาละห้อย แล้วเขาควรจะเอายังไงต่อไปกับชีวิตในวันข้างหน้า เพราะคำว่าลูกเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าอยากจะมี นี่เขาจะได้เป็นพ่อคนโดยไม่ทันได้ตั้งตัวเลยสักนิดน่ะเหรอ
"แล้วกูต้องเอายังไงต่อกับชีวิตดีวะเนี่ย" เสียงทุ้มถึงกับสบถขึ้นอย่างหัวเสีย แม้ว่าลักขณาจะไม่ได้เรียกร้องถามหาความรับผิดชอบจากเขานัก แต่เขาก็เป็นสุภาพบุรุษมากพอที่จะไม่สามารถปล่อยปละละเลยเรื่องนี้ได้ คงต้องรอตกลงบางสิ่งบางอย่างกับว่าที่แม่ของลูกก่อนสินะ เพราะเขาไม่พร้อมจริง ๆ ที่จะต้องแต่งงานเป็นคนมีครอบครัวและมีพันธะเต็มร้อย คิดว่าลักขณาก็คงจะมีความคิดไม่ต่างกันนัก
เมื่อขึ้นมาอยู่บนห้องนอนกันสองคนอีกครั้ง ทั้งคุณทรงพลและคุณเพียงเพ็ญต่างคนต่างได้ยินแต่เสียงถอนหายใจของกันและกัน เพราะสิ่งที่ลูกชายบอกกล่าวเมื่อครู่ แน่นอนว่าทำให้หัวใจของคนเป็นพ่อเป็นแม่กระวนกระวายไม่เป็นอันทำอะไรอีกแล้ว
"คุณทรงพล คุณว่าผู้หญิงคนนั้นตั้งใจจะจับลูกเราไหม?"
"ทำไมคุณต้องคิดแบบนั้นล่ะคุณเพียงเพ็ญ"
"แล้วผู้หญิงดี ๆ ที่ไหนล่ะคะที่จะปล่อยให้ตัวเองท้อง ทั้งที่ไม่ได้มีสถานะชัดเจนแบบนั้นได้ แล้วเราจะทำยังไงกันต่อไปดีคะ?"
"รอคุยกับแม่หนูคนนั้นพรุ่งนี้ก่อนเถอะ ถ้าต้องทำให้ถูกต้องตามขนบธรรมเนียมประเพณี เราก็ต้องทำไม่ใช่เหรอคุณเพ็ญ อย่างน้อยในท้องผู้หญิงคนนั้นก็เป็นหลานเรานะ"
"ฉันก็ยังไม่แน่ใจอยู่ดีค่ะว่าจะใช่ลูกตาปัทจริงหรือเปล่า"
"ถ้าลูกชายคุณมาบอกขนาดนี้มันก็คงจะแน่ใจแล้วล่ะคุณเพ็ญ ยังไงเราก็ต้องรับผิดชอบแม่หนูคนนั้น ผมไม่อยากให้หนูกิ่งมองพวกเราในทางที่ไม่ดีหรอกนะ เข้านอนกันได้แล้วอย่าเอาเรื่องนี้มาพูดให้ปวดหัวอีกเลย พรุ่งนี้เราก็ค่อยหาทางแก้ไข หาทางออกกับเรื่องนี้จะดีกว่านะ"
คุณเพียงเพ็ญพยักหน้าให้กับสามี แม้จะมีเรื่องเคืองหูเคืองอารมณ์อยู่มากแต่นางก็ไม่อยากจะพูดอะไรให้มากความ เอาไว้เจอหน้าผู้หญิงคนนั้นในวันพรุ่งนี้ แล้วนางจะประเมินว่าที่สะใภ้ใหญ่ด้วยตัวเองอีกครั้ง
สองสามีภรรยาคู่ชีวิตล้มหัวลงบนหมอน ต่างคนต่างนอนตะแคงข้างหันหลังให้กัน ไม่มีเสียงพูดคุยใดตอบโต้กันอีก ก่อนที่ความสงบเงียบจะทำให้คนทั้งคู่เข้าสู่ห้วงนิทราได้อย่างง่ายดายนัก