ตอนที่ 6 บังเอิญ

1813 Words
ระหว่างนั่งรถกลับฉันก็เอาแต่นิ่งเงียบ เอียงหน้าไปมองข้างทางเพราะไม่อยากเห็นใบหน้าหล่อที่ซ่อนความเป็นร้ายกาจเอาไว้ เขาขับรถฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี ทำให้ฉันรู้สึกหมั่นไส้ซะเต็มประดา อยากมีปืนสักกระบอกเพื่อยิงแสกหน้าให้ตายลงตรงนี้เสีย             “จอดหน้าปากซอยข้างหน้านี้ล่ะคะ” เมื่อรถเคลื่อนล้อใกล้จะถึงหน้าปากซอยเข้าบ้าน ฉันจึงเอ่ยบอกก่อนที่เขาจะขับเลยไป             “บ้านเธออยู่ในซอยนี้เหรอ” เขาตีไฟเลี้ยวเพื่อจะขับเข้าไปในซอย             “บอกว่าให้จอดไม่ได้ให้เลี้ยวเข้าไป เฮ้อ!!” ฉันเริ่มหงุดหงิดกับความกวนตีนของเขาซะเหลือเกิน             “บ้านหลังไหนบอกมาสิ” เขาตีหน้านิ่งขับไปเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมาย นั่นทำให้ฉันยิ่งรู้สึกโมโหเข้าไปใหญ่             “อยากจะรู้ไปทำไมคะ”             “ก็อยากเห็นว่าบ้านคนจนมันเป็นยังไง ตั้งแต่เกิดฉันไม่เคยเข้ามาในชุมชนแออัดอย่างนี้มาก่อน มันก็น่าตื่นเต้นดีนะ” เขากระตุกยิ้มร้ายขับรถเข้ามาในหมู่บ้านฉันเรียบร้อยแล้ว เมื่อฉันไม่ยอมบอกเขาก็ขับวนไปอยู่อย่างนั้น จนเด็กๆ ในหมู่บ้านเริ่มสนใจกับรถหรูคันนี้เสียแล้ว             “เฮ้อ!! เลยไปอีกซอยนึงบ้านไม้สองชั้นฝั่งซ้ายมือ หน้าบ้านเปิดร้านขายข้าวแกง” ฉันจำใจบอกเขาอย่างเซ็งๆ ถ้าแม่รู้ว่ามีคนขับรถหรูมาส่งคงจะตาโตเป็นไข่ห่านแน่ๆ ฉันคงจะโดนซักถามหนักพอสมควรเพราะหายไปกับเขาทั้งคืน             “บ้านเธอดูโทรมดีนะ อยู่กันเข้าไปได้ยังไง” เขาว่าหลังจากได้จอดรถที่หน้าบ้านฉันเรียบร้อยแล้ว แม่และน้องสาวรีบจ้องเข้ามาในรถเพื่อดูว่าเป็นใคร             ฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่เพื่อขจัดความกังวลในใจ ไม่รู้จะตอบคำถามคนทั้งสองยังไงดีว่าเมื่อคืนไปทำอะไรมา จากนั้นก็ปลดเข็มขัดนิรภัยออกก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดประตูรถ             “เดี๋ยว!”             “มีอะไรอีกคะ” ฉันกระแทกเสียงใส่เขา             “เธอจะตอบคำถามแม่เธอว่ายังไง ให้ฉันลงไปยืนยันด้วยไหมว่าเมื่อคืนเราไปทำอะไรกันมา” เขากระตุกยิ้มร้ายหลังจากกล่าวจบ             “ถ้าคิดคำพูดดีๆ ไม่เป็นก็ไปตายเถอะค่ะบอส” ฉันด่าทิ้งท้ายก่อนจะเปิดประตูรถลงไปอย่างรวดเร็ว             เมื่อแม่รู้ว่าเป็นฉันนางก็ยิ้มกว้าง แทนที่จะพ่นคำก่นด่าออกมา เพราะฉันได้หายไปกับผู้ชายทั้งคืน ส่วนบอสก็ขับรถออกไปหลังจากนั้นไม่นาน             “นังดาวววว!! ใครมาส่งแกบอกฉันมาเดี๋ยวนี้ แล้วทำไมไม่ชวนเขาลงมากินน้ำกินท่าก่อนล่ะ” แม่รีบเดินมาเกาะแขนฉันทำท่าทีดีอกดีใจจนออกนอกหน้า             “แทนที่แม่จะถามฉันว่าไปทำอะไรมา แต่กลับดีอกดีใจไม่ห่วงฉันบ้างเลยรึไง” ฉันทำหน้าเซ็งๆ             “ถ้าแกนั่งวินกลับมาฉันก็ว่าจะด่าอยู่หรอก แต่นี่นั่งรถเบนซ์มาใครจะด่าลงยะ แถมไม่ห่วงด้วยถ้าแกไปกับคนรวยๆ นั่นรถแฟนแกใช่ไหมบอกฉันมาเดี๋ยวนี้”             “ไม่ใช่...นั่นเจ้านายฉัน”             “เมื่อคืนพวกแกไปทำอะไรกันมา บอกฉันมาเดี๋ยวนี้”             “เอ่อ...ฉันไปทำงานต่างจังหวัดมา มันงานด่วนน่ะแม่เลยไม่มีเวลาโทรมาบอก แค่นี้ก่อนนะฉันขอตัวขึ้นห้องก่อน” พูดจบฉันก็รีบเดินเข้าบ้านไปก่อนที่แม่จะถามไปมากกว่านี้               เมื่อเข้ามาในห้องแล้วฉันก็ทิ้งตัวลงบนเตียงนอน นอนหลับตาเพื่อพักสมองครู่หนึ่งก่อนจะลืมตาขึ้นมาอีกครั้งเพราะมีคนเคาะประตูห้อง             ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!             “พี่นี่ฉันเองเปิดประตูให้หน่อย”             “ฉันอยากอยู่คนเดียว”             “เปิดเถอะนะฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”             “เออๆ เปิดก็ได้” ฉันถอนหายใจด้วยความรำคาญน้องสาว จากนั้นจึงเดินไปเปิดประตูให้มันอย่างจำใจ “มีอะไรว่ามาฉันจะพักผ่อน”             “พี่ไปทำอะไรมาหรือว่า...” ฉันรู้ว่ามันกำลังคิดอะไรอยู่ เด็กอะไรแก่แดดชะมัด             “หุบปากไปเลย...แกชักจะแก่แดดเกินไปแล้วนะ สรุปว่ามีธุระอะไรจะคุยกับฉัน”             “พรุ่งนี้มีเรื่องให้ช่วยอ่ะ”             “ไม่ว่าง” ฉันตอบโดยไม่ต้องคิดอะไรเลย เพราะเพลียร่างจนแทบไม่อยากจะลุกขึ้นมากินข้าวเสียด้วยซ้ำ             “ช่วยฉันหน่อยนะพี่ ฉันต้องทำงานกลุ่มส่งอาจารย์อ่ะ เป็นมิวสิควิดีโอสั้นๆ เองนะ” อิงฟ้าเข้ามากอดฉันอย่างออดอ้อน             “ห๊ะ! จะให้ฉันไปแสดงหน้ากล้องงั้นเหรอ ไม่มีทางย่ะ น่าอายจะตาย” ฉันเคยทำแบบนั้นซะที่ไหนกันล่ะ             “แต่ฉันเสนอตัวว่าจะให้พี่ไปเป็นนางเอกแล้วนะ ไม่นานหรอกสงสารเด็กตาดำๆ ด้วยเถอะนะพี่”             “ไม่นานจริงนะ” ในเมื่อมันอ้อนขนาดนี้แล้วฉันจะปฏิเสธได้อย่างไรกันล่ะ ที่ทำทุกวันนี้ก็เพื่อน้องสาวอยู่แล้ว             “จริงสิไม่นานหรอก สรุปว่าพี่โอเคแล้วใช่ป่ะ” ยัยน้องสาวตัวแสบเริ่มยิ้มออก             “อือๆ ไปก็ไป...กี่โมงล่ะ”             “บ่ายโมง”             “โอเค แกออกไปได้แล้วฉันจะนอน”             “ไปก็ได้ ว่าแต่พี่ไปทำอะไรกับผู้ชายคนนั้นมาถึงได้ดูเพลียๆ อย่างนี้” พูดจบมันก็รีบวิ่งออกไปจากห้องทันที             “นังน้องบ้า! นังเด็กแก่แดด!”  แม้ว่าจะตะโกนตามหลังแต่มันก็ไม่ได้ยินแล้วล่ะ             เมื่ออยู่คนเดียวในห้องฉันก็เริ่มคิดถึงเรื่องบอสขึ้นมาอีกครั้ง เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย เวลาเจอหน้ากันที่บริษัทฉันจะทำตัวยังไง หรือว่าฉันควรจะหางานใหม่เพื่อจะได้ไม่ต้องเครียดกับเรื่องนี้อีกแล้ว             “โอ๊ยยยย!!! ยิ่งคิดยิ่งเครียด ฉันไม่น่ามาชอบคนอย่างนายเลยจริงๆ” ฉันระบายออกมาเป็นคำพูดแล้วก็ฟลุบตัวลงนอนบนเตียงอีกครั้ง *-*-*-*-*-*-*               วันรุ่งขึ้นฉันกับน้องสาวออกเดินทางไปที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง เมื่อไปถึงก็พบกับกลุ่มเพื่อนของอิงฟ้า ฉันเพิ่งรู้ว่าเด็กมัธยมสมัยนี้จะทำงานกันอย่างมืออาชีพขนาดนี้ เครื่องไม้เครื่องมือสำหรับถ่ายทำครบเซต ก็อย่างว่าล่ะเด็กโรงเรียนนี้มีแต่รวยๆ กันทั้งนั้นยกเว้นก็แต่น้องสาวฉันนี่ล่ะ             “ฉันพานางเอกเอ็มวีมาแล้วจ้า นี่พี่ดาวพี่สาวฉันเอง” เมื่อไปถึงน้องสาวฉันก็เข้าไปทักทายเพื่อนๆ             “สวัสดีค่ะ/ สวัสดีครับ”             “สวัสดีจ้ะทุกคน”             ฉันรับไหว้น้องๆ ทุกคนด้วยรอยยิ้ม             “สวัสดีค่ะพี่ดาวหนูตองนะคะ เชิญพี่ไปแต่งหน้าทำผมด้านนี้เลยค่ะ พอพระเอกมาเราจะได้เริ่มถ่ายกันเลย” เมื่อได้ยินอย่างนั้นฉันก็หันไปมองน้องสาวตัวแสบทันที “เพื่อนฉันแต่งหน้าเก่งเว่อร์รับรองพี่ต้องสวยแน่ๆ” ยัยฟ้าเอ่ยอย่างมั่นใจในตัวเพื่อน             ฉันไม่ตอบเพียงแต่พยักหน้าให้ จากนั้นตองก็รีบดึงตัวฉันไปนั่งที่ม้าหินอ่อน ที่มีกล่องอุปกรณ์สำหรับแต่งหน้าวางอยู่ก่อนแล้ว ดูท่าทางคงจะหลายตังค์น่าดู ลูกคนรวยก็งี้อยากได้อะไรก็ได้ไม่ต้องพยายามอะไรมากเหมือนลูกคนจนอย่างฉัน ฉันมองซ้ายมองขวาแต่ก็ไม่พบว่ามีคนอื่นๆ ไหนว่าจะมาถ่ายเอ็มวีแต่ไหงกลับมีแค่ฉันคนเดียว อ้อ! ยังมีพระเอกอีกคนนี่นา ต้องขอบใจยัยฟ้าที่ทำให้ฉันได้เป็นนางเอกกับเขาสักครั้งในชีวิต อิอิ             “พี่ดาวถอดแว่นก่อนนะคะ” ตองบอกฉันหลังจากขนอุปกรณ์แต่งหน้าออกจากกล่องเรียบร้อยแล้ว             “แล้วเวลาถ่ายพี่ต้องใส่ไหมอ่ะ”             “ต้องถอดนะคะเวลาถ่ายจะได้สวยๆ”             “อ้าว! แล้วพี่จะมองเห็นได้ไง พี่สายตาสั้นนะ”             “ไม่มีปัญหาค่ะ เพราะวันนี้หนูเตรียมไอ้นี่มาให้ด้วย” ตองชูกล่องอะไรบางอย่างขึ้นมาให้ดู มันเป็นกล่องวงกลมเล็กๆ             “นี่มันกล่องอะไรจ๊ะ”             “คอนแทคเลนส์ค่ะ ฟ้ามันบอกว่าพี่สายตาสั้นหนูเลยเตรียมมาไว้ให้ พี่ต้องใส่มันก่อนแต่งหน้านะคะ” ตองยื่นให้ฉัน             “พี่ไม่เคยใส่เลยอ่ะ”             “มานี่เดี๋ยวหนูใส่ให้เอง พี่ดาวเป็นคนสวยนะคะ ถ้าถอดแว่นแล้วแต่งหน้านิดๆ หน่อยๆ ยิ่งสวย”             “ชมแบบนี้พี่ก็เขินแย่เลย” เมื่อได้รับคำชมฉันก็ยิ้มรับอย่างไม่ถ่อมตัว             หลังจากนั้นตองก็ใส่คอนแทคเลนส์ให้ฉันอย่างบรรจง ตอนแรกก็รู้สึกแปลกๆ ขัดลูกตาแต่ทว่าเมื่อปรับสภาพได้กลับรู้สึกเหมือนไม่ได้มีอะไรในตาเลยสักนิด แถมยังมองเห็นชัดแจ๋วอีกต่างหาก             “เสร็จแล้วเรามาแต่งหน้ากันดีกว่า วันนี้ตองจะทำให้พี่สวยที่สุดจนพระเอกจะต้องตะลึงเลยค่ะ”             “ว่าแต่ทำไมพระเอกยังไม่มาอีกล่ะจ๊ะ”             “อ๋อ...พี่ติณณ์กำลังมาค่ะ”             “พี่ติณณ์” ฉันทวนคำพูดของตองอีกครั้ง ทำไมต้องมาเจอคนชื่อติณณ์ด้วยนะ ฉันเกลียดชื่อนี้ที่สุด             “พี่ติณณ์เป็นพี่ชายหนูเองล่ะ ตอนแรกแกก็ไม่ยอมมาเหมือนพี่นั่นล่ะ แต่พอเจอลูกอ้อนเข้าหน่อยก็ยอมตอบตกลง” ตองเอ่ยพลางลงรองพื้นให้ฉันไปด้วย ดูท่าทางคงจะเก่งเรื่องแต่งหน้าน่าดู คล่องแคล่วและมีความมั่นใจ ต่างจากฉันที่แทบจะไม่มีเครื่องสำอางในห้องเลยสักอย่าง ทั้งที่ทำงานอยู่ในบริษัทผลิตเครื่องสำอางแท้ๆ             “พี่ชายหนูคงจะหล่อเนอะ เพราะหนูออกจะน่ารักขนาดนี้”             “หล่อมากค่ะ ควงสาวไม่ซ้ำหน้า เจ้าชู้สุดๆ” ตอนแรกก็ดีอยู่หรอกแต่หลังๆ มาราวกับตองกำลังนินทาพี่ชายตัวเองให้ฉันฟังซะงั้น             “สงสัยจะหล่อมากจริงๆ” ฉันเอ่ยขำๆ ออกไป             “โอ๊ะ! มาโน่นพอดีเลย พี่ติณณ์ทางนี้ค่ะ”             เมื่อได้ยินอย่างนั้นฉันก็ลังเลใจเล็กน้อยว่าจะหันไปมองไหม แต่ถึงยังไงก็จะได้ทำงานร่วมกันอยู่แล้ว ถือซะว่าเป็นการทักทายกัน             คุณพระช่วย! หล่อมากจริงๆ หล่อบัดซบที่สุด หล่อเหี้ยๆ ทำไมถึงได้ซวยอย่างนี้เนี่ย ไอ้เราก็นึกว่าแค่คนชื่อเหมือนกันแต่ที่ไหนได้มาตัวเป็นๆ เลย...คุณติณณภพ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD