ฉันรีบหันขวับกลับมาเมื่อรู้ว่าเป็นบอส จะทำยังไงดีหากเจอหน้าเขา ฉันกลัวว่าบอสจะเล่นอะไรพิเรนทร์ๆ แกล้งให้อับอายขายขี้หน้าอีกน่ะสิ
“มาช้าจริงเฮีย” เมื่อบอสเดินมาถึงตองจึงเอ่ยกับพี่ชายตัวเอง เขายังคงยืนอยู่ด้านหลังไม่รู้ว่าฉันเป็นใคร
“ก็บอกว่ามีธุระมาให้ก็บุญโขแล้ว ต้องทำอะไรบ้างล่ะ”
“งั้นเฮียไปเปลี่ยนชุดด้านโน้นก่อนนะ หล่อระดับเฮียค่อยมาตบแป้งเบาๆ ก็พอ”
“โอเคๆ รีบๆ หน่อยละกัน” ฟังจากน้ำเสียงแล้วคงจะถูกบังคับมา หากรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ตรงนี้คือฉัน เขาจะทำหน้ายังไงนะ
หลังจากบอสเดินไปแล้วฉันก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก จนตองขมวดคิ้วมองมาอย่างสงสัย
“พี่ดาวถอนหายใจทำไมคะ”
“เอ่อ...พี่ตื่นเต้นน่ะไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน”
“ไม่ต้องตื่นเต้นขนาดนั้นหรอกค่ะ ถ่ายไม่นานหรอก แถมยังไม่มีบทพูดทำตามที่ผู้กำกับสั่งก็พอ”
“น้องตองคะ...ช่วยแต่งหน้าพี่แบบว่า...ให้คนอื่นจำไม่ได้ มันพอจะเป็นไปได้ไหม”
“เดี๋ยวตองจัดให้เลยค่ะ รับรองว่าสวยจนแม้แต่ไอ้ฟ้าก็จำไม่ได้แน่นอน” ตองเอ่ยกับฉันด้วยความมั่นใจ ฉันเชื่อว่าเด็กคนนี้ทำได้อย่างที่พูดแน่นอน
“ขอบใจจ้ะ”
จากนั้นตองก็ลงมือแต่งหน้าให้ฉัน อุปกรณ์ที่วางอยู่บนโต๊ะถูกนำขึ้นมาแต่งแต้มสีสันบนใบหน้าให้อย่างบรรจง ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงงานศิลป์บนใบหน้าก็เสร็จสิ้น พร้อมกับรูปลักษณ์ใหม่ที่ฉันก็แทบจำตัวเองไม่ได้
“สวยมากกกก...” ตองเอ่ยชมหลังจากฉันลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ นั่นเพราะขนตาปลอมที่หนาเป็นแพทำให้ความไม่คุ้นชินบังเกิดขึ้น รู้สึกหนักตาราวกับคนง่วงนอนพร้อมจะหลับได้ทุกเมื่ออะไรเทือกนั้น
ฉันหยิบกระจกขึ้นมายลโฉมตัวเองก็ถึงกับตกใจ จากคนที่ไม่ชอบเรื่องการแต่งหน้าพอได้แต่งแล้วก็แทบจำตัวเองไม่ได้ นี่ฉันจริงๆ เหรอเนี่ย
“นะ...นี่พี่จริงๆ ใช่ไหมจ๊ะ”
“ใช่ค่ะพี่ดาวสวยมากจริงๆ ถ้าคนรู้จักได้มาเห็นรับรองว่าจำไม่ได้แน่ๆ”
“น้องตองเก่งมาเลยอ่ะทำผีให้เป็นนางฟ้าได้ขนาดนี้”
“ใครบอกว่าผี พี่ดาวสวยอยู่แล้วต่างหากล่ะยิ่งได้แต่งหน้ายิ่งสวยเข้าไปใหญ่ แต่ถ้าจะให้ดีห้ามใส่แว่นอีกนะคะ แล้วก็หัดแต่งหน้าทำผมจะได้สวยทุกวัน” ตองแนะนำ
“พี่ไม่ชินอ่ะ แต่กลับไปบ้านจะลองดูละกันนะ”
“พี่มีเครื่องสำอางไหมคะ”
“ไม่มีจ๊ะ พี่ไม่ชอบแต่งหน้า”
“ถ้างั้นเอาของพวกนี้ไปเลยตองให้ ที่บ้านตองมีอีกเยอะแยะเลย”
“ไม่เอาพี่เกรงใจ”
“จะเกรงใจทำไมคะ พี่ดาวเป็นพี่สาวเพื่อนตองนี่นา นะนะเอาไปเถอะ” เห็นสีหน้าจริงจังของตองฉันก็เริ่มใจอ่อน เอาก็เอาบ้านนางรวยขนาดนั้นแค่นี้ขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอก แต่ก็งงเล็กน้อยเพราะแบรนด์เครื่องสำอางที่ใช้เป็นแบรนด์นอก ไม่มีแบรนด์ที่บริษัทเลยสักอย่าง
“ถ้างั้นขอบใจนะจ๊ะ ถ้ามีโอกาสไปที่บ้านพี่นะจะทำกับข้าวเลี้ยงเป็นการตอบแทน”
“ค่ะพี่ดาว เอาไว้ว่างๆ หนูจะไปเยี่ยมที่บ้าน ตอนนี้เราไปเปลี่ยนชุดกันก่อนนะคะ”
“โอเคจ้ะ”
ดูท่าทางตองจะเป็นคนติดดิน ไม่ถือตัว ไม่ดูถูกคนจน ไม่หยิ่งเหมือนกับพี่ชายเลยสักนิด เป็นพี่น้องแท้ๆ กันหรือเปล่าเนี่ย
เราทั้งสองเดินไปเปลี่ยนชุดที่ห้องเปลี่ยนชุดเคลื่อนที่ซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก ตองเลือกชุดที่แขวนอยู่บนราวมาจากนั้นยื่นมาให้ฉันเข้าไปเปลี่ยน มันคือชุดเดรสเกาะอกสีชมพู กระโปรงฟูฟ่องพลิ้วไหวเมื่อยามต้องลม ฉันไม่เคยใส่อะไรแบบนี้มาก่อนมันก็ดูดีไปอีกแบบ
“ว้าววว!!!สวยมากเลยค่ะพี่ดาว” เมื่อฉันออกมาจากห้องเปลี่ยนชุด ตองก็ถึงกับตะลึงเมื่อเห็นภาพที่อยู่ตรงหน้า คนที่ชอบแต่งตัวเชยๆ อย่างฉันพอเปลี่ยนไปแบบนี้มันคงจะน่าตกใจมากสินะ
“ขอบใจจ้ะตอง เริ่มถ่ายกันตอนนี้เลยไหม”
“ตอนนี้เลยค่ะตอนนี้เฮียคงรออยู่แล้ว”
เราทั้งสองเดินไปยังสถานที่ถ่ายทำ ซึ่งอยู่ริมทะเลสาบขนาดใหญ่กลางสวนสาธารณะ บรรยากาศที่นี่ค่อนข้างดีมาก แม้ว่าแดดจะแรงไปนิดแต่ทว่ากลับมีลมโกรกโชยพัดมาเรื่อยๆ ทำให้รู้สึกเย็นได้บ้าง
เมื่อเดินไปถึงก็พบว่าบอสยืนรออยู่ก่อนแล้ว เขาสวมเสื้อเชิ๊ตเข้ารูปสีเดียวกับชุดฉันไม่ผิดเพี้ยน ติดกระดุมทุกเม็ดจนถึงต้นคอ มีสายเอี้ยมสีดำคาดบ่าทั้งสองดูเป็นคุณชายนิดๆ
นี่มันถ่ายเอ็มวีหรือพรีเวดดิ้งกันแน่เนี่ยยยย!!!
“นางเอกมาแล้วจ้า!!!” ตองตะโกนบอกกับทุกคน
ฉันพยายามก้มหน้าไม่อยากให้เขาได้เห็นถนัดตา แต่ทว่าอีกฝ่ายกลับจ้องเขม็งมาที่ฉัน ขมวดคิ้วมองอย่างสงสัย
“กรี๊ดดดด!!! นี่พี่สาวฉันจริงๆ เหรอเนี่ย” ยัยอิงฟ้ารีบวิ่งเข้ามาหาฉัน จับเนื้อตัวพลิกไปมาราวกับตัวประหลาด
นี่พี่สาวแกนะไม่ใช่เอเลี่ยนย่ะ!!!
“เป็นไงสวยล่ะสิ”
“มากกก!! ต่อไปนี้ลืมยัยเฉิ่มคนเก่าไปเลยนะ แบบนี้สิถึงจะมีแฟนกับเขาได้สักที”
“ฉันไม่อยากมีเองต่างหากไม่เห็นเกี่ยวเลย” ฉันก็พูดให้ดูดีไปอย่างนั้นเองล่ะค่ะ ที่จริงแล้วยังไม่เคยมีใครมาจีบจริงๆ นั่นล่ะ
“ทุกอย่างพร้อมแล้วเริ่มถ่ายทำกันได้” เสียงน้องผู้ชายคนหนึ่งเอ่ยขึ้น เข้าใจว่าน่าจะเป็นผู้กำกับ
ทุกคนเริ่มเข้าประจำจุดทำหน้าที่ของตัวเอง ส่วนฉันถูกนำตัวให้ไปยืนข้างๆ บอส ถึงตอนนี้ก็เอาแต่ก้มหน้าไม่ยอมสบตาเขาเช่นเคย กลัวว่าอีกฝ่ายจะจำได้
“สวัสดีครับ...ไม่ทราบว่าเราเคยเจอกันมาก่อนรึเปล่า” บอสก้มหน้าลงมาเอ่ยถามฉันอย่างสงสัย แต่ทว่าฉันกลับเอียงหน้าหนีไปอีกทาง
“เอ่อ...ไม่เคยค่ะฉันเพิ่งเคยเจอคุณเป็นครั้งแรก”
“ถ้างั้นยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”
“ค่ะ”
ในระหว่างที่เราสองคนกำลังทำความรู้จักกันอยู่นั้น เสียงน้องผู้กำกับก็ตะโกนดังเข้ามาอีกครั้ง
“ทั้งสองยืนจ้องหน้าแล้วยิ้มหวานให้กันครับ”
เมื่อได้ยินคำสั่งเราทั้งสองก็หันหน้าเข้าหากัน จากนั้นฉันก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นไปสบตาเขาอย่างกล้าๆ กลัวๆ เขาจะจำฉันได้ไหมนะอยู่ใกล้กันขนาดนี้แล้ว
“ใกล้อีกครับ” เมื่อได้ยินอย่างนั้นเราทั้งสองก็ขยับตัวเข้าหากันเรื่อยๆ จนกว่าผู้กำกับจะสั่งหยุด จนตอนนี้ใบหน้าห่างกันแค่นิดเดียวจนปลายจมูกจะสัมผัสกันอยู่แล้ว
“พอแล้วครับ พี่ผู้ชายเอื้อมมือไปกอดเอวพี่ผู้หญิงไว้ กระชับตัวเข้ามาแนบชิด จากนั้นก็สวมกอดกันอย่างช้าๆ ครับ”
ตึก! ตึก! ตึก!
เสียงหัวใจฉันเต้นแรงเมื่อได้ยินคำสั่งนั่น ทำไมจะต้องรู้สึกเขินอายมากขนาดนี้ด้วยนะ ทั้งที่ก่อนหน้ารู้สึกโกรธเกลียดเขามากเหลือเกิน กลิ่นน้ำหอมจากตัวเขาโชยเข้าจมูก มันช่างปลุกเร้าความกำหนัดในตัวฉันได้เป็นอย่างดี เขามีเสน่ห์เหลือล้นจนผู้หญิงที่ได้อยู่ใกล้ไม่อาจห้ามความรู้สึกตัวเองได้ แต่ฉันจะพยายามฝืนตัวเองเพื่อไม่ต้องตกเป็นเหยื่อเขาอีกแล้ว
“ตอนแรกฉันก็แค่สงสัย แต่พอได้กลิ่นตัวเธอฉันจำได้ดีเลยล่ะอิงดาว” เขาเอ่ยกระซิบข้างใบหูฉันเมื่อเราทั้งสองสวมกอดกันแล้ว เราต้องกอดกันอยู่อย่างนั้นจนกว่าผู้กำกับจะสั่งคัท
“คัท!”
เมื่อได้ยินเสียงสวรรค์นั่นฉันก็โล่งใจ พยายามจะผละตัวออกจากอ้อมกอดแต่ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่ยอมง่ายๆ
“ปล่อยเดี๋ยวนี้นะบอส”
“ไม่ปล่อย”
“เด็กๆ กำลังมองไม่อายบ้างรึไง”
“อายทำไมในเมื่อมากกว่านี้เรายังเคยทำกันมาแล้ว”
เมื่อไม่ยอมฉันจึงใช้มือหยิกที่หน้าท้องเขาเต็มแรง
“โอ๊ย!”
สิ้นเสียงร้องโอดโอยเราทั้งสองก็ผละออกจากกัน ฉันรีบเดินออกห่างจากตัวเขาไปหาผู้กำกับ