Are you Sheik or Mafia? / Ep.8 (ขายตัวไหม?)

2846 Words
หญิงสาวในชุดเดรสตัวเดิมของเมื่อคืนผุดลุกขึ้นนั่งในตอนตะวันโด่งเมื่อของเหลวที่เธอกรอกมันลงคอตั้งแต่เมื่อคืนกำลังดันขึ้นมาเตรียมปะทุออกมาจากปากในชั่วพริบตานี้ เธอรีบวิ่งลงจากเตียงทั้งที่ไม่ได้ลืมตามองทางจนเท้าเตะโต๊ะและเก้าอี้วุ่นวายไปหมด “เห้อ ..อ้วกก..” ปลดปล่อยอาเจียนออกมาเสียงดังก้องทั่วห้องน้ำที่เธอไม่ได้ปิดประตู “เห้อ ทรมานชิบ!” ร่างเพรียวผอมเดินโงนเงนหัวฟูฟ่องสภาพราวกับศพเดินได้พร้อมพ่นสบถหยาบตามปรกติ แต่ทว่าตอนนี้ ในห้องไม่ได้มีเพียงแค่เธอและสายธารสองคนด้วยสิ! หญิงสาวขยี้เปลือกตาเพื่อเพ่งมองภาพตรงหน้า “เอ่อ มาทานข้าวด้วยกันมั้ยลูก” คุณแม่ของสายธารเอ่ยเรียกเธอด้วยสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ส่วนพ่อผู้หน้าดุของเพื่อนนั้นเงียบขรึมขมวดคิ้วขึ้นสูงมองสภาพเธออย่างตำหนิในใจ “...!” น่าอายจริงๆที่เธอดันลืมไปว่าวันนี้พ่อแม่สายธารจะมาเยี่ยมลูกสาว และครอบครัวสุขสันต์พ่อแม่ลูกนั้นกำลังนั่งพื้นปูเสื่อทานมื้อเที่ยงกันที่กลางห้อง แต่เธอดันทำให้บรรยากาศเปลี่ยน “เอ่อ สวัสดีค่ะคุณพ่อคุณแม่” เธอย่อตัวเล็กน้อยพนมมือแนบอก มือรีบดึงชายกระโปรงทรงสอบที่สั้นจนแทบจะโชว์ขอบกางเกงชั้นในอยู่แล้ว “แกไปนอนต่อเหอะ” สายธารรีบเอ่ยเพื่อไม่ให้เพื่อนสาวเคอะเขินไปมากกว่านี้ และทุกคนก็รีบสลัดศีรษะลืมๆเหตุการณ์เมื่อครู่แล้วพูดคุยถามไถ่กันปรกติ แต่ตัวขายขี้หน้าอย่างเธอนั้นกลับมาทิ้งตัวลงนอนต่อ แค่จะนั่งยังทำไม่ได้เลยเพราะเมื่อคืนเล่นดื่มกับลูกค้าหนักเพื่อเงินตัวเดียวเลยจริงๆ แต่ไม่ว่าเธอจะเจอกับลูกค้าในรูปแบบไหน คนอย่างภควรรณวิลาไม่เคยเสียท่าให้ผู้ชายเลยแม้สักครั้งเดียว แต่จะมีเพียงคนเดียวเท่านั้นแหละที่เธอยอมมากมายเสียเหลือเกิน จะเป็นใครเสียที่ไหนล่ะ ถ้าไม่ใช่พ่อโอฬารเด็กหนุ่มหน้าหวานของเธอ หลังจากที่ให้ยืมสมาร์ทโฟนราคาแพงพ่อตัวดีก็ไม่ยอมโผล่หัวมาเลยด้วยสิ ผ่านมาเป็นอาทิตย์แล้วที่เธอต้องใช้มือถือหลักพันของเขาด้วยท่าทีหลบๆซ่อนๆเพราะอายเพื่อนฝูง ครืดดดด นั่นไงเล่า มันดันมีคนโทรมาตอนนี้แล้วไง! “เสียงมือถือใครเหรอ?” เธอนั่งยิ้มแห้งอยู่อย่างนั้น เมื่อมีสายเข้ามาแต่ไม่กล้าหยิบมันออกมาจากกระเป๋าก๊อปแบรนด์เกรดพรีเมี่ยม ก็ตอนนี้เธอกำลังอยู่กับกลุ่มเพื่อนสาวไฮโซที่เลี้ยงมื้อค่ำในภัตตาคารหรูและบทสนทนานั้นก็มีแต่เรื่องกระเป๋าใบใหม่ที่วางอวดกันบนโต๊ะ เธออ้าปากมองตาแทบหลุดจากเบ้าแต่ในใจกำลังบ่นอย่างหนัก ‘นี่ก็ขยันซื้อคอลเลคชันใหม่มาอวดกันจัง กูเหนื่อยดิ้นรนตามโว้ย!’ แล้วดูเหมือนว่ากลุ่มโต๊ะพวกเธอนั้นเป็นจุดสนใจให้แก่สายตาผู้คนมากมายทั้งชายหญิงที่มองมาอ้าปากค้างตะลึงกับความสวยและชุดอวดเนื้อหนังสะดุดสายตาพาลเอาน้ำลายหยด ส่วนผู้หญิงด้วยกันก็มองมาอย่างอิจฉา เธอไม่ได้คิดไปเองหรอกนะ ว่ากลุ่มผู้หญิงโต๊ะข้างๆนั้นมองมาที่เธอเหมือนกับหมั่นใส้ในความสวยเปล่งปลั่ง และไม่อยากจะคุยหรอก ว่ารสนิยมสาวๆกลุ่มนั้นน่ะเดินตามหลังเธออยู่หนึ่งสเต็ป ก็ชุดที่พวกหล่อนสวมอยู่เธอเองก็เคยใส่ก่อนตั้งเกือบเดือนแน่ะ เมื่อรู้สึกว่าตนเองเหนือกว่าจึงนั่งเชิดหน้าสะบัดผมใส่ตั้งหลายระรอก ‘แต่จะมาขายหน้าเพราะมือถือง่อยๆนี้ไม่ได้นะนังลา!’ “เอ๊า รับสิอีนี่!” นังดิวเพื่อนตัวดีดันเขย่าแขนเธอให้รีบรับสาย ชิ หูดีจริงๆเลย! “เออๆ” แล้วเหมือนทุกคนที่ห้องล้อมรอบกายดูจะสนใจและคาดหวังว่าเธอจะใช้สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อวานสินะ ‘แหม จับจ้องกูจังอิเวร!’ เธอก่นด่าทุกคนในใจเมื่อบรรยากาศดูเหมือนว่าร้อนอบอ้าวขึ้นทันควัน เหงื่อแตกตามไรผม ค่อยๆหยิบมือถือขึ้นมารับสาย เป็นเบอร์สายธารที่ดันโทรมาได้ถูกเวลา “อืม ว่าไง” ‘แก เรื่องรายงานที่แกยืมฉันไปลอกตอนนี้แกเอาไปไว้ไหน?’ “เออยุ่งอยู่เดี๋ยวโทรกลับนะ” เธอรีบตัดสายสนทนาและยืดหลังตรงเชิดคอขึ้นด้วยสีหน้าลอกแลก “ว้ายชะนีลา มือถืออะไรของแกเนี่ย กูนึกว่าเศษเหล็ก” นั่นไง นังดิวลดาตัวดีร้องทักเธอเสียงดังให้อับอายจนได้ นอกจากอีพวกกลุ่มข้างๆที่ซุบซิบและป้องปากขำกันเบาๆแล้วนั้นเพื่อนในกลุ่มเองก็ยังทำหน้าเหม็นบูดใส่เธออีก “อีนี่อย่าเสียงได้มั้ยวะกูอุตส่าห์นั่งเก๊กเป็นไฮโซตั้งนาน” เธอกัดฟันเอ่ยกับดิวลดา “กูเดาเลยว่าต้องเป็นไอ้เด็กนั่นแน่ๆที่เอาของมึงไปใช้แล้วทิ้งเศษเหล็กโง่ๆนี่ให้มึงดูต่างหน้า” “เออ” เธอตอบเสียงสะบัดอยากให้มันเปลี่ยนเรื่องคุยสักทีเหอะ “ชะนีโง่ สมชื่อลาจริงๆมึงนี่” ดิวลดาจิ้มนิ้วชี้ลงกลางหน้าผากพลางผลักเบาๆ “เลิกเซ้าซี้กูเหอะน่า ว่าแต่เอกสารบนตักที่มึงจัดเรียงอยู่คืออะไร?” เธอถามพลางเหล่ตามองเห็นใบตารางงานวีไอพี “จะทำไมล่ะ” เธอหรี่ตามองคนที่ตอบปัดๆ “มึงล่ะสนมั้ย?” ดิวลดากระซิบกระซาบใส่หู “ไม่เอาหรอก” เธอย่นจมูก “งั้นก็เชิญทำงานของหล่อนต่อ แล้วหาทางคิดด้วยนะว่าจะเอาไงกับค่าเทอมหล่อนน่ะ ไหนจะมือถือที่ดูท่าว่าจะโดนยึดถาวรแล้วแน่ๆ แกเตรียมหาเงินซื้อใหม่เถอะย่ะนังชะนีสมองน้อยรู้ไม่เท่าทันเด็กมัธยม” “เออน่า เดี๋ยวอาทิตย์หน้ากูรับล้างรถในงานมอเตอร์โชว์แป๊บเดียวก็ได้เครื่องใหม่แล้ว” “แหม ทำเป็นสายเปย์ สภาพ” ดิวลดามองเธอแล้วกลั้นขำ “แล้วมึงดูนี่พวกนี้ค่าเทอมเป็นแสนๆย่ะ ไม่เดือดไม่ร้อน มีเงินใช้ไม่ขาดมือ แล้วทีนี้มึงก็คิดเอานะว่าจะทนคบเด็กต่อมั้ย?” “เอ้า วิลาหาเงินค่าเทอมเหรอ?” “ยืมพวกเราก่อนมั้ยเพื่อน” ..แหม ทำเป็นเอ่ยเสียงดัง เป็นความหวังดีที่แอบเกทับผสมถ่มถุยอยากให้ผู้คนได้รู้ว่าตนเองทั้งรวยและใจดีสินะ ฮึ่ม อย่าให้นังวิลามันมีบ้างก็แล้วกัน! “ออ ไม่เอาจ๊ะ เราไม่ชอบยืมตังค์ใคร” เธอรีบปฏิเสธเสียงดังอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน หลังจากมื้อค่ำที่แสนหรูหรา การถ่ายรูปของกินอวดโซเชียลและตบท้ายด้วยการถ่ายภาพกลุ่มแก๊งค์สาวสวยนั่งหลังตรงแอ่นอกอวดความสวยตนเองเป็นอันเสร็จสิ้น ดิวลดาจึงอาสาขับรถมาส่งเธอและระหว่างที่นั่งในรถเก๋งสัญชาติญี่ปุ่นด้วยอาการกรึ่มเมาเล็กๆนั้นเธอยังโดนดิวบ่นว่าโง่ตลอดทาง “อีโง่ แล้วทำไมมึงไม่ประจบพวกนั้นวะ มันยิ่งบ้ายอนะถ้ามึงหวานใส่ เผลอๆพวกนั้นยื่นเงินให้มึงยืมคนละหมื่นละแสนเชียวมึง เป็นกูหน่อยละไม่ได้กูจะเลียประจบประแจงจนมันทนไม่ไหวควักตังค์มายัดใส่มือกูเชียว” “ก็กูอายคน อีพวกนั้นเล่นพูดซะเสียงดังขนาดนั้นถ้ามันเจตนาดีมันก็ต้องถามกูเบาๆไม่ก็แชทถามกูดิ ไม่ใช่ตั้งใจหักหน้ากูอย่างนี้” “เห้อ มึงนี่สวยที่สุดในกลุ่มเลยนะมึงรู้ไหม ภาษาก็เก่งแต่น่าเสียดายที่มึงใจไม่กล้าพอ ไม่งั้นมึงมีเงินใช้แถมได้เรียนมหาลัยเอกชนค่าเทอมแพงๆแบบไม่น้อยหน้าพวกนั้นเชียว” “นั่นไง มึงพยายามกล่อมกูเข้าเรื่องนี้จนได้ แต่ขอบอกเลยนะถ้าตราบใดที่ลูกค้าไม่หล่อเหมือนโอห์มกูไม่มีทางขายตัวให้หรอก” “แหมอีนี้พูดโง่ๆเนาะ ผู้ชายหล่อๆที่ไหนเค้าจะมาหาซื้อกินล่ะ แค่หล่อผู้หญิงก็วิ่งตบเท้าเข้ามาอ้าขาให้ฟรีแล้วป่ะ? ออ แต่จะว่าไม่มีเลยก็ไม่เชิงนะมึง นานน้านทีมันจะมีมา แบบสายฝอหล่อๆที่อยากลองคนเอเชียน่ะ” “เหอะ ไม่เอาหรอกใหญ่ไปเดี๋ยวกีกูฉีก” เธอพูดติดตลกราวกับตัวเองเป็นสาวกร้านโลกีย์ “ชะนีลาทำเป็นพูดดีเข้า มึงกล้าเอากับแฟนเด็กให้ได้ก่อนเหอะ” “นั่นไงตายยากจริง” เธอชูมือถือที่กำลังมีสายเข้า “มึง ไปส่งกูที่หอไอ้โอห์มที กูจะเปิดซิงคืนนี้แหละ” เธอสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดก่อนรับสาย “ว่าไงโอห์ม พี่ว่าจะไปหา..” ‘ฮึก..ฮือ’ “ตัวเองร้องไห้ทำไม? ..หา อะไรนะ!?” ดิวลดาชะงักหน้า หันมองเพื่อนสาว เขาคาดเดาในใจว่าไอ้หมอนี่ต้องคุยเรื่องเงินแน่ๆ “มึง กูเปลี่ยนใจกลับหอดีกว่า หมดอารมณ์ละ” ดิวลดายกมือซ้ายขึ้นชี้หน้าหล่อน “มันโทรมาขอเงินมึงใช่มั้ย?” “เออสิ รอบนี้ขอหนักด้วยมันสารภาพว่ามันหายไปเล่นเกมส์จนเพลินเงินที่แม่ให้ไปจ่ายค่าเทอมหมดเกลี้ยง” “ช่วยพัก” ดิวลดายกมือปราม “มึงเอาตัวเองให้รอดก่อน” “ก็กูรักไปแล้วนี่จะทำไง จะปล่อยให้มันเผชิญปัญหาคนเดียวก็ดูใจร้ายเกินไปมั้ยวะ” “เห้อ มึงนี่น้า ..แล้วมึงจะหาเงินที่ไหนได้ไวขนาดนั้น” “กูมีทางของกูก็แล้วกัน” เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจแต่นัยน์ตากลมโตคู่สวยนั้นเปี่ยมไว้ด้วยความหวัง พ่อ คือความหวังเดียวและหวังสุดท้ายของเธอ แดดเปรี้ยงในตอนบ่ายกระทบผิวขาวผ่องและผมยาวสีบลอนด์ของหญิงสาวหุ่นเพรียวที่กำลังยืนเงอะงะอยู่หน้าร้านค้าปลีก-ส่งตึกใหญ่สองชั้นจำนวนหกคูหาที่ตั้งอยู่ริมถนนสายหลักมีเสียงรถสวนกันไม่ขาดสาย เธอแหงนหน้าขึ้นอ่านป้ายหน้าร้านขนาดใหญ่ “โชติช่วงแพรวพรรณราย” คิ้วสีน้ำตาลอ่อนขมวดขึ้นอย่างสงสัย เพราะแต่ก่อนชื่อร้านว่า โชคชัยการค้า ซึ่งเป็นชื่อพ่อเธอ หรือว่ามาผิดที่ แต่สามล้อที่มาส่งก็ดูจะมั่นใจดิบดีนี่นาว่านี่คือร้านของเฮียโชคชัย สุวรรณมายา “เอ้า ไปไงมาไงล่ะลูกทำไมมาถึงไม่บอกกันก่อน” เธอรีบหันไปไหว้พ่อที่กำลังถือลังขนาดใหญ่ออกมานอกร้านพอดี “นี่ร้านพ่อ?” “ใช่ เปลี่ยนชื่อใหม่น่ะ มาเข้ามาข้างในก่อนสิเดี๋ยวพ่อขนของขึ้นรถลูกค้าก่อนนะ” เธอมองดูพ่อที่แต่งตัวมอซอเสื้อยืดของแถมจากสินค้าราศีความเป็นเถ้าแก่แทบจะไม่มี ส่วนเธอนั้นสวมชุดเซ็ตกางเกงกับเสื้อครอปตัวสั้นสีส้มสดใสบวกกับสีผมสว่างจ้าแต่สถานภาพการเงินกลับแตกต่างจากผู้พ่ออย่างสิ้นเชิง เมื่อลองทบทวนอ่านชื่อป้ายนี้แล้วจึงนึกออกได้ว่าเป็นการรวมกันของชื่อภรรยาใหม่ พรรณราย ผสมกับชื่อลูกแฝดคู่ชายหญิงของพ่อที่ชื่อว่า โชติช่วง และ แพรวพรรณ หญิงสาวกัดริมฝีปากล่างพลางยกสองมือขึ้นกอดอกอ ครอบครัวใหม่ช่างสมบูรณ์แบบจนน่าอิจฉาจริงๆ ดูเธอสิโดดเดี่ยวและเป็นส่วนเกิน รู้สึกอายจนไม่กล้าเข้าไป “เอ้า เข้าไปสิวันนี้วันอาทิตย์คุณน้าและน้องๆเราอยู่ร้านพอดี” ผู้พ่อพยายามสะกิดแขนซึ่งทำเอาเธอสะดุ้งเพราะไม่คุ้นเคย “เอ่อ แป๊บนะคะ” เธอรีบย่อตัวลงหยิบยางรัดสีแดงบนพื้นขึ้นมารวบผมให้เรียบร้อยก่อนเดินเข้าไป “วิลาไหว้คุณน้าเค้าสิ” “สวัสดีค่ะ” เธอเหลือบมองเจ๊พรรณรายผู้อวบอิ่มแต่ใบหน้านั้นสวยงามเปล่งปลั่งกว่าแต่ก่อนด้วยฝีมือหมอศัลยกรรม และใบหน้านั้นบึ้งตึงหลือเกินคาดว่าคงอัดโบท็อกซ์มาเต็มหน้าสินะ “แม่ นี่วิลา” “ออ ก็นึกว่าใครไม่เจอกันนานสบายดีมั้ยล่ะฮื้ม?” “สบายดีค่ะ” “โชติช่วงแพรวพรรณลูก ไหว้พี่เค้าสิ” “หวัดดีฮะ/ดีค่ะ” ลูกแฝดชายหญิงอายุราวๆ15ปี วางแท็ปเล็ตราคาแพงเงยหน้าขึ้นพร้อมยกมือไหว้เธอแทบไม่ถึงสองวินาทีด้วยซ้ำ เธอยิ้มค้างและอึ้งเล็กน้อย แต่ช่างเถอะ เธอไม่สนสายใยเลือดเนื้อห่าเหวอะไรแล้ว สาระสำคัญที่เธอมาในวันนี้คือต้องการเงิน เธอเดือดร้อนจริงๆ และคิดว่าเงินแค่ไม่กี่หมื่นขนหน้าแข้งพ่อคงไม่ร่วงกระมัง แต่ดูท่าเจ๊หน้าบึ้งคงจะเขี้ยวลากดินเธอจึงสะกิดพ่อเพื่อขอคุยกันเพียงลำพัง โชคชัยพาลูกสาวไปยังห้องครัวด้านหลังร้าน เขาเหลือบมองทางแว้บหนึ่งก่อนเริ่มถามลูกสาว “ว่าแต่มีเรื่องอะไรจะคุยกับพ่อหรือเปล่าถึงได้ดูร้อนใจมาหาถึงที่ขนาดนี้” “เรื่องเงินค่ะพ่อ หนูร้อนเงินจริงๆ ต้องจ่ายค่าเทอมค่าห้องพัก ค่า...” “เดี๋ยวๆ นั่งรอพ่อก่อนนะ เดี๋ยวพ่อเช็คของให้ลูกค้าก่อนแล้วจะมา รอที่นี่นะ” เธอนั่งจับเจ่าอยู่ในห้องครัวนานครู่ใหญ่ เริ่มไม่มีอะไรทำแล้วจึงเดินเล่นบริเวณห้องครัวและออกมายังโซนดูทีวี เป็นห้องขนาดโอ่อ่าสวยงามเกินจะบรรยายเหลือเกิน อดคิดไม่ได้เลยจริงๆว่าหากแม่เธอยังอยู่สภาพบ้านเรือนก็คงหรูหราไม่แพ้กัน “อะไรกัน โผล่มาทีก็มาขอเงินเลยเหรอ!” แล้วเธอก็ได้ยินเสียงเอะอะของเจ๊พรรณราย ส่วนเสียงอธิบายของพ่อช่างเบาเหลือเกิน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าพ่อเกรงกลัวภรรยาแค่ไหน “อ่ะนี่ เอาให้ลูกสาวพี่” ริมฝีปากสีพีชเม้มเข้าหากันขณะแอบดูพ่อกำลังแบมือของเงินจากภรรยามาให้เธอ สภาพเหมือนเถ้าแก่กำลังดุด่าลูกน้องไม่มีผิด ..ถึงจะหมั่นใส้ในความร่ำรวย แต่ก็แอบเห็นใจพ่ออยู่เหมือนกัน รอยยิ้มบนใบหน้าเหี่ยวย่นของผู้พ่อส่งมาให้แต่ไกล พ่อที่ท่าทางเงอะงะรนรานราวกับคนงานในร้านกำลังยื่นแบงค์สีเทาจำนวนหนึ่งใบให้เธอ “กลับไปก่อนนะ เดี๋ยวอีกสองวันพ่อจะไปหา” เธอขยำเงินในมือเป็นก้อน โกรธจนมือสั่นปากสั่นเทา ไม่คิดว่าพ่อจะแคร์ครอบครัวใหม่จนเธอรู้สึกว่าเป็นส่วนเกินและกำลังยืนอยู่ผิดที่ รู้ดีว่าอีกสองวันข้างหน้าพ่อคงจะมาหาและแอบเอาเงินที่มากกว่านี้ให้อีก แต่โทษที เธอไม่อยากได้แล้ว ฟึ่บ “เอาเงินมันคืนไป ฉันไม่เอา” “อย่ามาทำนิสัยเสียที่นี่นะ นี่ไม่ใช่บ้านเธอ” เจ๊พรรณรายแหวขึ้นพลางเดินเข้ามาต่อว่าเธอเสียงดัง มืออวบอ้วนที่เต็มไปด้วยแหวนเพชรแหวนทองเอื้อมหยิบธนบัตรก้อนกลมนั้นขึ้นมาคลี่ออก “มีปัญญาหาเงินได้พันนึงหรือเปล่าล่ะ ถึงได้กล้าขยำเงินเล่นแบบนี้ สันดานเสียเหมือนคนไม่เคยได้รับการอบรม ขอบอกเลยนะว่าบ้านนี้เค้าขยันถึงได้มีกิน พวกรักสบายงอมืองอเท้าก็อย่ามาดูถูกเงินของฉัน ถ้าไม่เอาก็บอกดีๆ” “เออ ไม่เอาโว้ย” เธอตะคอกกลับทำเอาพ่อและเจ๊พรรณรายยืนอึ้งอ้าปากค้างไม่คิดว่าเธอจะกล้าต่อปากต่อคำได้ถึงเพียงนี้ เธอรีบวิ่งออกมาพร้อมดึงยางรัดผมทิ้งไว้ที่เดิม ตรงหน้าร้าน ไม่คิดจะหยิบเอาสิ่งใดออกไปแม้เพียงเส้นยางหนึ่งเส้นก็ไม่อยากได้ แล้วต่อจากนี้เธอจะเอายังไงกับชีวิตดีล่ะนังลา? ขายตัวไหม? “ฮึก..” เสียงสะอื้นบริเวณด้านขวามือของเขาส่งผลให้ใบหน้าหล่อเหลาชะงักงันก่อนหันไปทางต้นเสียงนั้น “หืม?” คิ้วเข้มเหนือดวงตาคมขมวดขึ้นเมื่อพบหญิงสาวคนหนึ่งกำลังนั่งร้องห่มร้องไห้ที่บริเวณด้านหลังผับ ชารีฟ บินซุฬรฺ อัลฟาริซีย์ ก้าวเท้าตรงไปหาร่างเล็กที่นั่งกอดเข่าในความมืดนั้นก่อนเอื้อมมือไปแตะ “นี่ เธอโอเคมั้ย?” ภควรรณวิลารีบปาดน้ำตาลวกๆก่อนเงยหน้าขึ้นมอง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD