Are you Sheik or Mafia? / Ep.2
(โลกกลมเหลือเกิน)
ค่ำคืนแรกกับสถานที่ทำงานใหม่ที่เธอตั้งใจว่าจะพยายามใจเย็นกับทุกเรื่อง เธอยิ้มแย้มฝืนเต้นไปกับแขกขณะบริการรินเหล้าให้พวกเขา ที่นี่คือผับชั้นใต้ดินในโรงแรมหรูที่เธอไม่เคยได้ย่างกรายเข้ามา มันหรูหราเกินคาดและแขกส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติ สิ่งที่เธอได้ยินแล้วขนลุกวาบฉับพลันนั่นคือเพื่อนรวมงานสาวคนหนึ่งเล่าให้เธอฟังว่าเจ้าของผับแห่งนี้เป็นชาวอาหรับ
ความคิดเธอเตลิดไปไกลถึงเขาอีกแล้ว จากที่คิดว่าตนเองเปลี่ยนสถานที่ทำงานที่ซึ่งไม่เคยมีภาพเก่าๆให้แทรกเข้ามารบกวนจิตใจก็ไม่เป็นผล
“แล้ว เจ้าของโรงแรมเค้าชื่ออะไร ผู้หญิงหรือผู้ชาย?”
เธอตาลุกวาว ละใบหน้าจากกระจกบานใหญ่ในห้องแต่งตัว
“ผู้ชาย”
“แล้ว แล้วเค้าชื่ออะไรเธอรู้ไหม” เธอแสร้งถามทำเหมือนถามเรื่องลมฟ้าอากาศแบบปกติทั้งที่ในใจสั่นแทบบ้า
“จำชื่อไม่ได้ เดี๋ยวก็เจอเองแหละ ถ้าเธอรับงานรอบดึกนี้ เพราะได้ยินว่าเจ้าของโรงแรมจะพาแขกระดับวีวีไอพีเข้ามาเองเลยนะ”
“ไม่เอา ฉันไม่รับงานดึกถึงเช้า” เธอมองเวลาในมือถือขึ้นเลขศูนย์ทั้งสี่ “ฉันกลับล่ะ บาย”
เธอโบกมือลาเพื่อนร่วมงานด้วยอาการกรึ่มเมาเล็กน้อย ก็เล่นดื่มกับแขกไปหลายช็อตเพื่อแบงค์สีเทา คืนนี้เฉพาะทิปที่เธอดื่มก็ฟาดไปเกือบหมื่นเชียว เรื่องอะไรจะต้องรับงานต่ออีก แถมได้ยินว่างานนี้ออกจะเสี่ยงถูกโดนเนื้อโดนตัวจากกลุ่มเพื่อนเจ้าบ่าวชาวต่างชาติที่ต้องการดื่มต่อหลังงานเลี้ยงวิวาห์ระหว่างเพื่อนพวกเขาที่แต่งกับสาวไทยแล้วยังเป็นปาร์ตี้ถึงเช้าอีกต่างหาก เธอคงทำงานต่อไม่ไหวหรอก
ร่างเพรียวผอมในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์สะพายกระเป๋าผ้าเดินออกจากโรงแรมพลางหันรีหันขวางหาสาวดิวลดาที่รับปากว่าจะพาเธอกลับ ภควรรณวิลากดเบอร์โทรหาเพื่อนด้วยท่าทีร้อนใจ
‘ว้ายชะนีลา ฉันลืมไปเลยจริงๆถ้าแกไม่โทรมา’ เสียงที่ออกอาการเมาได้ที่นั้นทำเอาเธอพ่นลมออกมาอย่างหงุดหงิด
“เออ กูกลับเองก็ได้”
‘เดี๋ยวสิคะคุณลาโง่ ทำไมแกไม่รับงานยันหว่างฮ้า? ฉันอุตส่าห์เพิ่มชื่อแกให้ด้วยแล้วนะ’
“ไม่เอา กูไม่รับงานวีมึงก็รู้”
‘โนจ๊ะ นังลา นี่ไม่ใช่งานวี นี่งานเอ็นฯของแท้ เอ็นใหญ่ด้วย อิอิ เป็นอาฟเตอร์ปาร์ตี้หลังงานวิวาห์น่ะแก ได้ยินว่าเป็นชาวอาหรับมาแต่งงานกับสาวไทย แกไม่ลองเสี่ยงหน่อยเหรอเผื่อเจอพ่อชารีฟของแกไง’
“อีดิว กูไม่ตลกนะ” เธอเปล่งเสียงเบาอย่างเหนื่อยอ่อนหัวใจ ไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากเจออดีตชายคนรักในสถานที่แบบนั้นอีกครั้งหรอกนะ น่าอายจะแย่
‘เออๆกูพูดเล่นเค้าคงเข็ดจนไม่มาเหยียบเมืองไทยแล้วล่ะกูว่า แต่กูแค่จะบอกว่าเงินดีนะเว้ย เค้าไม่บังคับอยู่แล้ว ถ้าแกบอกว่าไม่ เค้าก็ไม่ทำหรอกน่าแกเชื่อฉัน มันเงินดีมากเว้ย ฉันอยากให้แกมีเงิน งานนี้เป็นชาวต่างชาติได้หัวละสามหมื่นเลยนะแกไม่รวมทิปด้วย เผลอๆแกอาจจะเจอคนดีๆแบบคุณชารีฟอีกไง’
“เลอะเทอะ ไร้สาระ กูไม่เอา อย่าได้หาดีลงานให้กูเชียวนะ”
‘สาบานด้วยเกียรติของแม่เล้า กูไม่ได้ดีลกับแขกที่ไหน แค่อยากให้มึงลืมตาอ้าปากได้ งานนี้เหมาะไง เห็นไหมล่ะ งานประจำที่มึงทนทำมันเป็นปีๆมันได้เงินเยอะและได้ไวแบบนี้ไหมล่ะ เป็นพนักงานร้านสะดวกซื้อหรือสาวโรงงานฝ่ายผลิตก็แล้ว มึงพอใช้ไหมล่ะ?’
เธอฉุกคิดถึงความลำบากในอดีต
“เออ ขอบใจ ซาบซึ้งเหลือเกินที่หางานที่โรงแรมนี้ให้”
‘อืม มึงน่ะได้ภาษาก็ถือว่าช่วยๆน้องๆที่ไม่เก่งภาษาก็แล้วกัน อุ๊บ! ซี้ดด’
“นังดิวนั่นแกทำอะไรน่ะ?” เสียงปลายสายเริ่มเปล่งลมหายใจผิดปกติ “นี่อย่าบอกนะว่า อยู่กับผู้ชาย”
‘อื้ม’ ดิวลดาแอ่นสะโพกรับการกระแทกจากด้านหลังพร้อมกัดริมฝีปากแน่น
ดวงตากลมสวยกลอกขึ้นด้านบน
“เออ เดี๋ยวกูจะกลับเข้าไป”
‘เริส’
เธอได้ยินคำติดปากนั้นของเพื่อนหากแต่ตอนนี้มันแทรกเสียงกระเส่าจนต้องรีบวางสายก่อนหันหลังกลับเข้าไปด้านใน
“ไม่ไป”
เสียงทุ้มเอ่ยปัดเพื่อนชายที่ชักชวนพาเขาไปดื่มต่อกันที่ชั้นใต้ดินหลังจากงานเลี้ยงวิวาห์เป็นอันเสร็จสิ้น
อันที่จริงเขาแทบจะไม่อยากกลับมาเหยียบที่นี่อีกหรอก แต่เพราะความจำเป็นเมื่อเพื่อนร่วมรุ่นอีกทั้งเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจได้เลือกลงหลักปักฐานกับสาวไทยและแต่งงานกันที่นี่เลยต้องจำใจมาร่วมงานแต่งอย่างเสียไม่ได้
“เหอะน่า ไม่เจอผู้หญิงคนนั้นหรอก โลกก็ไม่ได้แคบสักหน่อย” การิมรบเร้าพร้อมทั้งยังเอ่ยถึงลัยลาฮ์ สาวแสบหน้าเงินคนนั้น เขาเป็นเพื่อนสนิทที่แสนรู้ใจชารีฟ รู้ดีว่าช่วงเวลาที่เขาเจ็บปวดจากสาวไทยคนนั้นมันทรมานสักแค่ไหนกว่าจะผ่านมาได้
“อีกอย่างนะ ป่านนี้หล่อนคงมีครอบครัวมีลูกเป็นโหลแล้วมั้ง” เขาเอ่ยติดตลกพยายามเปลี่ยนใบหน้าหล่อคมคายแต่บึ้งตึงนั้นให้ยิ้มแย้มได้สักที
นัยน์ตาสีเทอควอยซ์หลุบลงต่ำ เอาอีกแล้วสิ แค่มีใครพูดถึงเธอก็รู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออก เขายกไวน์ขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมดก่อนเดินนำหน้าการิมไป “ไปกันเถอะ”
“ฮะ เฮ้ย เดี๋ยว ตกลงที่ว่า นายจะไปกับฉันใช่มั้ย? เยส” การิมชูกำปั้นขึ้นอย่างดีใจ เขาอยากให้ชารีฟได้ผ่อนคลายบ้าง รู้สึกว่าเพื่อนเขาจะบ้างานทำแบบหามรุ่งหามค่ำและขยาดการเที่ยวแบบนี้ตั้งแต่ได้รู้จักกับลัยลาฮ์
..เพราะเธอคนเดียวที่ทำให้เพื่อนเขาเป็นแบบนี้!
ร่างสูงใหญ่เดินเข้าไปด้านในห้องโอ่อ่ามีไฟหลากสีมองเห็นเพื่อนที่นั่งรอก่อนหน้าผายมือเรียกเขาให้เข้ามาแจมกับสาวๆประมาณสิบคนเห็นจะได้ พวกหล่อนสวมชุดเกาะอกสีดำและมีใบหน้าเรียวรูปไข่ที่ละม้ายคล้ายคลึงกันไปหมดราวกับตุ๊กตามาจากโรงงานผลิตเดียวกัน และก็ยอมรับอยู่เหมือนกันว่าเขากลายเป็นมีอคติเลยทันทีเมื่อพวกหล่อนนั้นคล้ายคลึงกับลัยลาฮ์เสียเหลือเกิน
“ไง แจ่มไหม?”
“ก็งั้นๆ” เขายักไหล่ “ใบหน้าพิมพ์นิยมคล้ายกันไปหมดไม่เห็นน่าตื่นเต้น”
การิมตบบ่าเพื่อนเบาๆก่อนหันไปสนใจสาวรายหนึ่งที่นั่งลงมาเบียดใกล้เขาดีกว่าคุยกับเพื่อนจอมถมึงทึงให้เสียบรรยากาศ
“พี่ๆดื่มแทนหนูที” ภควรรณวิลาที่อยู่มุมสุดแต่ดันถูกสาวรุ่นน้องคนหนึ่งเดินและส่ายสะโพกโยกเอวเข้ามาสะกิดเธอด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก
เธอปราดหางตาไปทางแขกก่อนรีบรับมาดื่มแทน แต่ทว่า สุดปรายหางตานั้นเธอดันพบกับคนๆหนึ่งซึ่งคล้ายคลึงกับชารีฟมาก ให้ตายสิ ความมืดสลัวบวกกับสาวๆที่ส่ายสะโพกบดบังการมองเห็น ในใจแทบอยากถอดปลั๊กเครื่องเสียงและเปิดไฟสว่างจ้าขอดูหน้าชัดๆ แต่ความจริงเธอไม่กล้าหรอก แทบไม่กล้าเดินไปทางนั้นเลยด้วยซ้ำ เพราะกลัว กลัวว่าจะเป็นเขาจริงๆ
‘ได้โปรด พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ โอย..ขออย่าได้เป็นเค้าเลย!’
เมื่อคนหนึ่งเดินมาขอให้ดื่มแทน เริ่มมีคนสอง และสามตามมา เธอจึงเลือกที่จะใช้วิธีที่คุ้นเคยนั่นคือการแอบเทลงถังขยะ และใช้ไหวพริบอันชำนาญด้วยการแอบใช้เท้าเขี่ยถังขยะเข้ามาใกล้ๆหากแต่สายตายังแอบมองเขาอยู่ตลอด เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงที่แอบพิศพินิจดูชายใบหน้าคมเข้มหล่อเหลาคนนั้น
ทั้งรูปร่าง ท่าทาง สีหน้า..
ความน่าจะเป็นเขาเพิ่มขึ้นมาเป็น50/50
ที่คิดว่าไม่ใช่เขาแบบร้อยเปอร์เซ็นต์เพราะตนเองอาจจะเมาจนตาลายเอาแต่คิดถึงจนเห็นเป็นภาพลวงตา ดังนั้นต้องคุมสติตนเองไว้ อย่าผลีผลามหรือปล่อยไก่ออกไปให้อับอาย
แต่ถ้าเกิดเป็นเขาขึ้นมาล่ะ?!
“ฟู่ว”
เธอคิดไว้แล้วว่าจะหาทางเลี่ยงหนีออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ไม่ได้อยากเจอกันในสภาพนี้เลย มันอายเว้ย!
“เอ้า เต้นๆหน่อย”
เธอโยกย้ายสะโพกพลางก้มหน้าและพยายามรั้งตัวเองเอาไว้เมื่อมีคนคอยผลักเธอให้เข้าหาแขก
“เฮ้ยไม่เอาน่า”
“ไปเถอะ จะมาเหนียมอายอะไร”
เมื่อเธอเดินไปได้สาม สี่ ห้าก้าว
แม่เจ้า!
สองขาเรียวยืนจังงัง เข่าอ่อนยวบลงจนรีบคว้าแขนเพื่อนร่วมงานไว้เป็นที่ยึด เมื่อชารีฟหันมามองหน้าเธอแบบจังๆ
"..!"
เธอเย็บวาบไปทั้งตัวแล้วรู้สึกกลัวจนฉี่แทบราดมันตรงนี้เลย เมื่อเขาจ้องเธอชนิดไม่ละสายตา และสายตาคู่นั้นหาได้ตื่นตระหนกกับการได้พบเจอเธอเลย จะว่าจำหน้าเธอไม่ได้คงไม่มีทาง มันเป็นสายตาของคนที่มองกันด้วยความเกลียดชังปนสมเพช
บ้าน่า! โชคชะตาจะเล่นตลกกับเธอเกินไปแล้ว
ดวงตาคมเข้มคู่นั้นช่างมีพลังทำลายล้างอย่างร้ายกาจ เหมือนลูกกระสุนสาดยิงใส่เธอจนร่างพรุน อยากจะหลับตาแล้วแกล้งตายมันตรงนี้เลยจริงๆให้ตายสิ