"เจ้าเอยเป็นยังไงบ้างแม่" เกรียงไกรมาหาลูกสาวแต่เช้า
"ยังไม่รู้สึกตัวเลยค่ะ มีเพ้อเป็นบางครั้ง นี่แม่ชักจะเป็นห่วงแล้วสิพ่อ" จิตตรากลัวว่าอาการลูกสาวจะเป็นมากกว่าไข้ธรรมดา
"อ้าว คุณหมอเข้ามาพอดี" เกรียงไกรหันไปเจอกับหมอที่เข้ามาตรวจและพยาบาลเข้ามาเปลี่ยนขวดน้ำเกลือพร้อมวัดความดัน
"หมอขอเจาะเลือดเอาไปตรวจหน่อยนะครับ" หมอเข้ามาเอาไฟฉายส่องดูการตอบสนองของม่านตาแล้วหันไปบอกสองสามีภรรยา
"มีอะไรหรือคะคุณหมอ" จิตตราถามด้วยความร้อนใจ
"อืม หมอแค่สงสัยว่าจะมีอาการติดเชื้อในกระแสเลือดหรือเปล่าเท่านั้น แต่ม่านตาและความดันยังปกติ ก็ยังไม่น่าเป็นห่วงเท่าไร อย่าเพิ่งวิตกไปนะครับ" หมออธิบายเพื่อให้คลายกังวล
"เชื่อหมอเถอะแม่" เกรียงไกรเอามือโอบไหล่ภรรยา
"จริงสิพ่อลืมไปเลย นี่ดอกจันทร์กระพ้อ พ่อเอาวางไว้ข้างหมอนลูกนะจะได้หอมสดชื่น" หลังจากที่หมอและพยาบาลเดินออกไปเกรียงไกรก็ยกถุงกระดาษในมือขึ้นมาและล้วงเอาช่อดอกจันทร์กระพ้อที่เขาตัดเมื่อเช้ามาวางให้เธอ
"อืมม" จันทร์เจ้าเอยมีการขยับตัวพลิกหน้าไปทางด้านข้างที่มีดอกไม้โปรดวาง เสียงตอบสนองที่รับรู้ ไม่ใช่เสียงครางละเมอเพราะพิษไข้อย่างเคยเป็นมา
............................
"แม่บุหลัน พี่จำเป็นต้องห่างไกลเจ้าเป็นเพลานาน เจ้าจะว่ากระไรหรือไม่หากพี่อยากจะหมั้นหมายเจ้าตีตราจอง"
"น้องแล้วแต่คุณพ่อท่าน ท่านเห็นควรว่าอย่างไรน้องเห็นเช่นนั้น" เป็นการตอบรับที่สงวนท่าทีตามแบบฉบับผู้รักนวลสงวนตัว
"เช่นนั้นพี่จักให้ผู้ใหญ่ฝ่ายพี่มาสู่ขอเจ้าให้เป็นเรื่องราว หลังจากจบศึกเมื่อใดเราจะเป็นทองแผ่นเดียวกัน" ชายสูงโปร่งผิวเข้มเอามือเชยคางหญิงสาวที่ก้มหน้าเหนียมอาย
"เจ้าจันทร์กระพ้อ พี่ขอฝากรักผ่านความหอมของดอกไม้ ได้กลิ่นหอมคราใดขอให้นึกถึงหน้าพี่ ว่าจักมาอยู่เคียงใจเจ้าไม่ร้างรา" พูดจบเขาก็เด็ดเอาดอกจันทร์กระพ้อหนึ่งช่อเล็กมาทัดที่หูของเธอ
"ตื่นได้แล้วแม่บุหลัน เจ้ายังต้องมีหน้าที่ในชาติภพนี้ต่อไป คืนนี้หลับให้สบาย บุญบารมีใดที่ข้าได้สั่งสมมาข้าจักใช้เพื่อปกป้องเจ้าให้คลาดแคล้วตลอดไป"
"รักกันมากนักหรือ ความรักของพวกมึงที่ย่ำยีหัวใจกู กูจักจองผลาญทุกชาติไป" สายตาที่เส้นเลือดแตกระแหงไปทั่วดวงตากลายเป็นแววตาสีเพลิงจับจ้องไปที่เตียงนอนของจันทร์เจ้าเอยเปี่ยมล้นด้วยอำนาจแห่งการจองเวร
....................
"คุณแม่คะ คุณแม่" จันทร์เจ้าเอยตื่นขึ้นมาเรียกมารดา
"เจ้าเอยยย" จิตตราเรียกลูกสาวลากเสียงยาวแต่อ่อนโยนแสดงถึงความดีใจที่บุตรสาวฟื้นขึ้นมา
"เจ้าเอยอยู่ที่ไหนคะเนี่ย แล้วทำไมมีสายน้ำเกลือแบบนี้"
"ก็หนูเป็นไข้แล้วไม่สติแม่กับพ่อเลยต้องพามาส่งโรงพยาบาล แถมข้อเท้าก็บวมโตเป็นเท้าช้างเลย""
"จริงหรือคะ นี่เจ้าเอยเป็นหนักขนาดไม่รู้ตัวเลยหรือ"
"ใช่จ้ะ แต่นี่หนูดูดีขึ้นมากเลยนะเสียงสดใสเหมือนหายเป็นปลิดทิ้ง" จิตตราแปลกใจที่เธอหายเหมือนไม่เคยมีอาการไม่สบายอันใด
"ไหนเท้าบวม ไม่มีนี่คะแม่" เธอหันไปมองแม่และยกเท้าข้างที่เจ็บขึ้นมาจับๆบีบๆ
"ไม่บวมแล้วนี่ แปลกจังแต่หายก็ดีแล้วลูก เดี๋ยวแม่ตามหมอก่อนนะ" จิตตราเดินออกไปตามพยาบาลที่อยู่หน้าเคาน์เตอร์แจ้งอาการลูกสาวและขอให้หมอเข้ามาตรวจดู
"หายบวมแล้วจริงด้วย ผลการตรวจเลือดก็ไม่มีอะไรนะครับสบายใจได้" หมอตรวจดูที่ข้อเท้าเธอถึงจะสงสัยอยู่บ้างแต่ประกอบกับว่าผลตรวจเลือดปกติจึงประเมิณได้ว่าอาการของเธอดีขึ้นมากแล้ว
"เดี๋ยวดูอาการอีกสักสองวันหากไม่มีอาการใดแทรกขึ้นมาอีกอะไรก็กลับบ้านได้ครับ" หมอแจ้งแก่จิตตรา
"แม่โล่งใจขึ้นเยอะเลยลูกหนูไม่เคยเป็นไข้หนักมาก่อนแม่เป็นห่วงหนูมากเลยนะ" จิตตราเดินเข้าไปหาลูกสาวลูบศรีษะเธอด้วยความดีใจ
"บุหลันหรือ?" เธอกอดเอวมารดาเอาไว้แล้วใจนึกถึงความฝันที่มีชายคนเดิมเรียกชื่อหญิงสาวคนหนึ่งว่าบุหลัน
..................