จันทร์เจ้าเอยได้ออกจากโรงพยาบาลแล้วโดยเกรียงไกรขับรถมารับแต่เช้า เมื่อถึงบ้านทั้งสามคนก็ได้เดินเข้าบ้านไปซึ่งมีสายตาคู่หนึ่งมองด้วยความห่วงหาอาทร
"หยุดต่ออีกสักวันสองวันไหมลูก" จิตตราถามลูกสาวเมื่อพาเธอมานั่งในโซฟารับแขก
"เจ้าเอยดีขึ้นมากแล้วค่ะแม่ คิดถึงเด็กๆวันนี้ก็ได้พักอีกหนึ่งวันแล้วด้วย พรุ่งนี้เจ้าเอยไปทำงานไหวค่ะ" เธอมีน้ำเสียงที่ร่าเริงสดใสอย่างที่พูดออกมาจริง
"ถ้างั้นก็ตามใจ" จิตตรายิ้มอ่อนโยน
บรรยากาศภายในบ้านกลับมาสดใสอีกครั้งเมื่อลูกสาวคนเดียวของบ้านกลับมา
"เจ้าเอยขอตัวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะคะคุณพ่อ คุณแม่" สิ้นคำพูดก็เดินขึ้นบันไดไปชั้นสอง
"กรุ๊งกริ๊ง กรุ๊งกริ๊ง" เสียงกระพรวนแว่วดังมาไกลๆ
"โอ้ย!" เมื่อเปิดประตูเข้าห้องนอนมาได้จู่ๆเธอก็รู้สึกเสียวแปล๊บขึ้นมาที่ข้อเท้าข้างซ้ายที่เคยบวม
"อย่าเป็นอะไรอีกนะ เพิ่งออกจากโรงพยาบาลเจ้าเอยเจ้าเอ๋ย" เธอรำพึงรำพันกับตัวเอง
"หอมจันทร์กระพ้อ แปลกจังวันนี้หอมแรงตั้งแต่ยังไม่พลบค่ำ" เธอได้กลิ่นของดอกจันทร์กระพ้อโชยเข้ามาในห้อง
"เอ๋?ข้อเท้าหายเจ็บแล้ว สงสัยกระดูกเข้าที่ เฮ้อ ค่อยโล่งใจหน่อย" เธอมัวแต่หลงชื่นชมกลิ่นของดอกจันทร์กระพ้อพอหมุนตัวกลับมาเพื่อหยิบผ้าเช็ดตัวไปอาบน้ำอาการเจ็บแปลบที่เกิดขึ้นก็กลับหายไปอย่างฉับพลันทันที
"กรุ๊งกริ๊ง กรุ๊งกริ๊ง"
"มอญซ่อนผ้า... ตุ๊ก..ตาอยู่ข้างหลัง ไว้นู้น....ไว้นี่......"
เสียงกระพรวนดังนำหน้าต่อด้วยเสียงร้องเพลงการละเล่นพื้นบ้านลอยมาในอากาศเบาๆ
"ใครมาเล่นอะไรแถวนี้นะ" จันทร์เจ้าเอยได้ยินเสียงทั้งหลายเหล่านั้นยังมาซึ่งความแปลกใจว่าเด็กที่ไหนมาเล่นกันจนเสียงดังผ่านมาแต่พอเธอตั้งใจฟังเสียงนั้นกลับเงียบสงัดหายไป
หลังจากอาบน้ำชำระร่างกายจนสดชื่น จันทร์เจ้าเอยก็ล้มตัวลงบนที่นอนนุ่มฟูไถเลื่อนโทรศัพท์มือถือในมือเกิดไอเดียว่าหลังจากจบงานแสดงของเด็กๆที่เป็นงานประจำปีของทางโรงเรียนจะชวนเด็กมาเล่นการละเล่นแบบไทยๆบ้างอย่างน้อยเดือนละหนึ่งครั้งเป็นการส่งเสริมวัฒนธรรมไทยให้เด็กได้เรียนรู้ เธอได้นึกไปถึง...
"มอญซ่อนผ้าหรือ?ก็น่าสนใจดีนะ" เธอคิดถึงเพลงนี้ราวกับว่ามีสิ่งใดมาดลใจเธอ
"มอญ...ซ่อน...ผ้า...ตุ๊กตาอยู่ข้างหลัง.....กรุ๊งกริ๊ง..." เสียงเพลงลอยมาเบาๆพร้อมเสียงกระพรวน
"หาววว..อะไรกันเพิ่งอาบน้ำตัวยังสดชื่นอยู่เลยทำไมง่วงอีกแล้วนะ" จันทร์เจ้าเอยหาวหวอดแล้วเผลอหลับไปดั่งต้องมนต์
"เอ็งมาหาใครอีบุญเพลง" แม่ซ่อนกลิ่นกำลังจะถือของว่างขึ้นบนเรือนถลึงตาโตใส่เด็กน้อยตัวมอมแมมที่ยืนชะเง้อหน้ามองไปข้างบน
"ข้าขอมาเล่นกับคุณหนูจ้ะ" เด็กน้อยตอบใสซื่อ
"คุณหนูเรียนร้อยมาลัยกับแม่นายอยู่ แล้วเอ็งล่ะว่างนักหรือไม่ไปช่วยพ่อแม่เอ็งทำงานที่ก้นครัว"
"ใครกันเสียงดังอยู่ข้างหน้า" โฉมเฉลาหันไปถามบ่าวที่นั่งอยู่ข้างๆ
"เสียงนี้ฟังคุ้นหูลูกขอไปดูเองเจ้าค่ะ" บุหลันขันอาสาต่อมารดา
"ไปสิ" โฉมเฉลายิ้มอนุญาติ
"บุญเพลง" บุหลันทักทายเพื่อนต่างชนชั้น
"บ่าวอยากมาชวนคุณหนูไปเล่นด้วยกัน" เด็กน้อยเอ่ย
"ตอนนี้ไม่ได้ดอก ข้ากำลังเรียนร้อยมาลัยอยู่ เอ็งอยากเห็นไหมขึ้นมาสิ" บุหลันชักชวนให้บุญเพลงขึ้นไปบนเรือน
"อย่าเลยค่ะคุณหนู แม่นายจะไม่โปรดเอา" ซ่อนกลิ่นยังคงกันท่าด้วยไม่ไว้วางใจ
"ไม่เป็นไรดอก บุญเพลงมันเป็นคนของข้าแล้วแม่ซ่อนกลิ่นลืมไปแล้วดอกหรือ" บุหลันตอบด้วยความชาญฉลาด
"ประเดี๋ยวเถอะข้าจะไปต่อว่าพ่อแม่เอ็งไม่รู้จักสอนลูกให้รู้จักที่ต่ำที่สูง" เมื่อเถียงไม่ได้ซ่อนกลิ่นก็หาทางเล่นงานบุญเพลง
"คุณแม่เจ้าคะ นี่บุญเพลงเป็นคนของลูก ลูกอยากให้มาคอยรับใช้ลูกที่เรือนนี้" สาวน้อยเสียงใสบอกกล่าว
"หือ?ลูกมีคนสนิทมากกว่าแม่ซ่อนกลิ่นแล้วหรือ"โฉมเฉลาปรายตาไปที่บุญเพลง
"อันที่จริงนังบุญเพลงมันช่วยพ่อแม่ทำงานอยู่ในครัวโน้นเจ้าค่ะ คุณหนูสงสารก็เลยให้มาเป็นเพื่อนเล่น นี่ก็เหิมเกริมริอ่านมาชวนคุณหนูถึงเรือน" ซ่อนกลิ่นสอดขึ้นด้วยความหมั่นไส้
"เอา ไหนๆก็มาชวนถึงนี่ถ้าลูกอยากไปเล่นก็ไปเสียเถิด แม่ร้อยมาลัยได้พอสำหรับไปบูชาพระแล้ว" ผู้เป็นแม่รู้ว่าเด็กก็ต้องอยากไปเล่นกันตามประสา
"ไป บุญเพลงคุณแม่ท่านอนุญาตแล้ว" บุหลันเองก้ดีใจที่จะได้ไปเที่ยวเล่น
"โน้นพวกนังแก้วกำลังเล่นกันอยู่พอดี" บุหลันเดินนำบุญเพลงไปทางลานดินว่างข้างเรือนที่มีบรรดาเด็กๆกลุ่มเดิมเล่นกันอยู่ก่อนแล้ว
"ข้ากับบุญเพลงขอเล่นด้วยคนสิ" บุหลันขอกับกลุ่มเด็ก
"ได้เจ้าค่ะคุณหนู พวกเรากำลังเล่นมอญซ่อนผ้ากันอยู่ กำลังสนุกเชียว" แก้วลูกของผู้ดูแลทาสในเรือนยิ้มต้อนรับ
"มอญซ่อนผ้า ตุ๊กตาอยู่ข้างหลัง........" เสียงประสานของกลุ่มเด็กที่ร้องและตบมือพร้อมกัน
ทาสน้อยบุญเพลงมีความสุขทุกครั้งที่ได้มาเล่นกับนายอย่างบุหลัน แต่ความสุขก็เกิดขึ้นได้ไม่นานนัก
"อีบุญเพลง มึงไปไหนมา" เยื้อนตวาดลูกสาวเมื่อเธอกลับมาเอาตอนใกล้พลบค่ำ
"ข้าไปเล่นกับคุณหนูบุหลันมาจ้ะ"
"ใครสั่งใครสอนมึงให้ไปเล่นตีเสมอเจ้านาย ประเดี๋ยวคุณพระท่านไม่โปรดมึงจะโดนหวายลงหลังเอา" ถึงเยื้อนจะด่าทอแต่นั่นเพราะห่วงสวัสดิภาพของลูกสาว
"แต่คุณหนูเธออนุญาต แม่นายท่านก็รับทราบหาได้ว่ากระไรข้า"
"เอ็งเจียมตัวไว้หน่อยเถอะอย่าหาเหามาใส่หัว"
เบื้องหลังการห้ามลูกของเยื้อนอยู่ในรอยยิ้มของซ่อนกลิ่นที่แอบมองอยู่ไม่ไกล
เมื่อไม่เห็นบุญเพลงผ่านมาที่เรือนเป็นเวลากว่าสัปดาห์ บุหลันก็ได้เดินไปตามถึงในโรงครัว
"อย่าเดินเข้าไปค่ะคุณหนู ในครัวมันเลอะเทอะ" ซ่อนกลิ่นปรามนายน้อยแต่เธอหาได้ยอมฟังยังคงเดินเข้าไปจนเจอตัวคนที่อยากพบ
"บุญเพลงเหตุใดเอ็งไม่ไปเล่นกับข้าที่เรือน"
"บ่าว...ไปไม่ได้เจ้าค่ะ" เด็กน้อยอิดออด
"อย่าให้มันไปเล่นด้วยเลยเจ้าค่ะ ไม่เหมาะสม คุณพระจะไม่โปรด บุญเพลงมันเนื้อตัวมอมแมมไปเล่นใกล้ชิดคุณหนูจะดูไม่งาม" เยื้อนพูดแทนลูกสาว
"ไม่เหมาะอย่างไร บุญเพลงมันคือคนของข้า ดูที่ข้อเท้านั่นสิข้าให้มันเองให้รู้ไว้ว่าข้าอนุญาตให้บุญเพลงไปหาข้าได้และถ้าข้าเรียกมันจักต้องมา" บุหลันบอกเชิงสั่ง
"เยี่ยงนั้นบ่าวก็แล้วแต่คุณหนูเจ้าค่ะ" เยื้อนมิอาจปฏิเสธได้ แต่ก็ไม่วายมีสายตาที่ไม่พอใจจากซ่อนกลิ่น
"อุตส่าห์กันท่าได้แล้วเชียวคุณหนูนะคุณหนู" ซ่อนกลิ่นรักและเป็นห่วงนายของเธอออกนอกหน้าจนตัวเธอดูเป็นคนร้ายในสายตาคนอื่นเสมอ
การที่คุณหนูบุหลันเดินมาตามหาเธอถึงก้นครัวเช่นนี้ยิ่งทำให้บุญเพลงซาบซึ้งถึงเมตตาที่บุหลันมีต่อเธอและยิ่งมีความรักภักดีในตัวนายน้อย
นอกจากนี้ครั้งแล้วครั้งเล่าที่บุหลันช่วยออกหน้าปกป้องเธอไม่ว่าจะหญิงชายที่กลั่นแกล้งเธอด้วยความหมั่นไส้ รวมไปถึงแก้ตัวแก้ต่างจากการว่าร้ายของแม่ซ่อนกลิ่น จวบจนทั้งคู่เข้าสู่วัยสาวเต็มวัยอายุได้ประมาณ 20 ปีเต็ม
"ดวงใจของบ่าวจากนี้ชีวิตของบ่าวคือของคุณหนูเจ้าค่ะ" บุญเพลงเอื้อมมือไปจับมือของบุหลันมาวางที่ศรีษะของตนและเอามาแนบข้างแก้มตัวเองดุจดั่งเทิดทูนบุหลันไว้เหนือหัว เธอมองบุหลันด้วยสายตาที่มอบหัวใจไว้แด่นายคนนี้
..............
"สงสัยจะหลับนะพ่อเงียบเชียว" จิตตราพูดกับเกรียงไกรเมื่อไม่เห็นจันทร์เจ้าเอยลงมาอีกหลังจากที่ขึ้นไปห้องนอนบนชั้นสอง
"อย่าไปกวนลูกเลย ปล่อยให้หลับไปก่อนดีกว่า" เกรียงไกรบอกภรรยา
.............