หลังๆมานี้จันทร์เจ้าเอยมักจะยิ้มหวานในตอนที่นอนหลับเสมอ เหมือนว่าเธอฝันหวานตลอดทั้งคืน สถานที่ในฝันเหมือนเมืองเวทย์มนต์ที่ไม่มีอยู่จริง ธรรมชาติดูงดงามตายิ่งนัก
มองไปในทิศทางใดก็เจอแต่ทุ่งหญ้าที่เขียวขจี เรือกสวนไร่นาก็เต็มไปด้วยข้าวที่กำลังออกรวงสีทอง ถึงแม้จะเป็นเพียงทุ่งนาแต่เธอกลับรู้สึกมีความสุขสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก ปราศจากแสงสีเสียงใดเยี่ยงเมืองกรุงแต่กลับมีความสุขยิ่งนัก
"เป็นอย่างไรบ้างแม่บุหลัน เจ้าชอบไหมบรรยากาศแบบนี้" เสียงชายหนุ่มที่มาพร้อมกับม้าคนเดิมถามแม่บุหลัน
"ชอบค่ะ นานโขแล้วที่คุณพี่ไม่ได้พาน้องมาเที่ยวไกลๆแบบนี้" ถึงแม้จะบอกว่าชอบใจแต่สายตายังสื่อถึงอาการงอนนิดๆ
"การศึกเพลานี้ยังคงนักหนานักพี่จักทิ้งบ้านเมืองมาคงยังมิได้"
"แล้วเมื่อไรที่จักวางใจได้คะ น้องเป็นห่วงคุณพี่"
"พี่เองก็ยังมิสามารถบอกกระไรได้ แต่ถึงอย่างไรก่อนตายพี่จักต้องมาสู่ขอน้องเป็นแน่"
"อย่าพูดเยี่ยงนั้น" เธอเอานิ้วชี้แตะที่ริมฝีปากของเขาเป็นการห้ามปราม
"กลับกันดีกว่าแม่บุหลันเดี๋ยวคุณพ่อท่านจะเป็นห่วง" ชายหนุ่มปริศนาจูงมือเธอและอุ้มเธอขึ้นหลังม้าด้วยกำลังแขนที่แข็งแรงยิ่งนักส่วนตัวเข้าก็เหยียบโกลนขึ้นหลังม้าตามไป พร้อมใช้แขนที่ทรงพลังทั้งสองข้างกุมบังเ**ยนบังคับอาชาสีขาวสะอาดเพื่อมุ่งหน้ากลับ
"ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด" เช้านี้จันทร์เจ้าเอยตื่นเพราะเสียงนาฬิกาปลุกอีกครั้ง
"เช้าแล้วหรือเนี่ย กำลังฝันดีเลย เขาเป็นใครกันนะ" จันทร์เจ้าเอยยังรู้สึกอินกับความฝันเหมือนเพิ่งหลุดออกจากภวังค์ได้ไม่นาน
วันนี้เธอตั้งนาฬิกาเอาไว้เช้าหน่อยเพราะกลัวว่าจะสายเหมือนเมื่อวันก่อนจนไม่ได้ทานอาหารเช้าและจะเป็นลมไปอีก วันนี้จึงมีเวลาพอที่ทำให้ได้ลงไปทานอาหารเช้ากับพ่อและแม่ของเธอ
"อ้าวเจ้าเอยมาลูกมาข้าวต้มหมูกำลังร้อนๆเลย ทานรองท้องไว้จะได้มีแรงไปสู้รบปรบมือกับเด็กๆ" จิตตราผู้เป็นแม่เรียกลูกสาวให้มาทานอาหารด้วยกัน
"เด็กๆเป็นยังไงบ้างลูก ปวดหัวดีไหม" เกรียงไกรถามไถ่ถึงการงานของลูกสาว
"ซนมากค่ะ แต่มีความสุขดี ถึงเด็กเขาจะซนแต่เขาก็ซนแบบไม่มีพิษภัยค่ะคุณพ่อไม่เหมือนผู้ใหญ่ ทั้งดื้อทั้งเดาใจไม่ออก" จันทร์เจ้าเอยพูดไปหัวเราะไป
"อันนี้แม่เห็นด้วย"
"เดี๋ยวเจ้าเอยไปก่อนนะคะ เผื่อคนเยอะกว่าจะได้ขึ้นรถวันนี้เจ้าเอยไม่เอารถไปค่ะรถติดมาก" จันทร์เจ้าเอยรีบทานข้าวแล้วยกแก้วน้ำส้มดื่มตาม
"ไม่ทานให้หมดก่อนหรือลูก" จิตตราเห็นลูกสาวทานไปแค่ไม่กี่คำ
"แค่นี้ก็พอค่ะคุณแม่รองท้องก็พอ ไปนะคะ จุ๊บ" เมื่อลุกจากเก้าอี้ได้จันทร์เจ้าเอยก็เดินเข้าไปหอมแก้มทั้งพ่อและแม่
"อีกไม่กี่เดือนลูกเราก็อายุ 25 แล้วนะแม่เวลาผ่านไปไวจริงๆ" เกรียงไกรหันไปพูดกับภรรยา
"ชื่นใจจัง" ก่อนออกประตูรั้วบ้านไปจันทร์เจ้าเอยได้แวะสูดดมดอกจันทร์กระพ้อในบ้านของเธอ
เมื่อสูดดมดอกไม้ได้สักครู่ก็มีสายลมพัดผ่านเธอไปจนเธอต้องหยุดชะงักด้วยความแปลกใจ เงยหน้าไปมองฟ้าด้วยเกรงว่าฝนจะตกหรือเปล่า
คล้อยหลังเธอมีรอยยิ้มของใครคนหนึ่ง เขายืนเอามือไขว้หลังแล้วมองตามเธอออกไป
.......................