จันทร์เจ้าเอย

857 Words
"แม่บุหลัน ตื่นได้แล้ว ไปกับพี่ พี่จะพาเจ้าไปชมความงามรอบๆ" เสียงของชายผู้หนึ่งที่นั่งอยู่บนหลังม้าท่าทีสง่างามเครื่องแต่งกายอยู่ในชุดโจงกระเบนสีน้ำตาลลายไทย ท่อนบนเปลือยเปล่าเผยให้เห็นแผงอกกว้างของชายชาตรี ม้าสีขาวนวลที่มีรัศมีสว่างจ้าราวกับสีเพลิงช่างงดงามสมกับเป็นอาชาของชายชาติทหาร ช่างรู้ความตามนายสั่งทุกประการไม่ว่าจะหยุดจะเดินหรือจะวิ่ง รู้แม้กระทั่งว่าเมื่อนายหญิงผู้เป็นที่รักของนายตนอยู่บนหลังเมื่อไรมันจะค่อยๆเหยาะเท้าวิ่งแบบนิ่มนวล “ดอกจันทร์กระพ้อ กลิ่นของเจ้าช่างเย้ายวนหอมมาแต่ไกลโดยเฉพาะเพลากลางคืน ทำให้ใจของพี่ถวิลหาเจ้ามิเคยคลาย…”เสียงหนาทุ้มแต่นุ่มลึกกระซิบกระซาบที่ข้างหูเธอพร้อมเอาดอกจันทร์กระพ้อช่อเล็กทัดให้ที่หู “ติ๊ดดดดด” เสียงนาฬิกาดังปลุกบอกเวลาหกโมงเช้า หญิงสาวลุกขึ้นมานั่งทบทวนความฝันที่ตนเพิ่งจะตื่นจากภวังค์มาหมาดๆ ”เอาอีกแล้วหรือ ฝันถึงอีกแล้ว” เธอครุ่นคิดถึงความฝันที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ต่างเหตุการณ์ ต่างสถานที่แต่ชายปริศนาในความฝันคือคนเดิม ”จันทร์เจ้าเอย” เป็นครูสอนนักเรียนระดับชั้นอนุบาล 2/1 ของโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพ หลังจากจบการศึกษาเธอก็ได้เข้าฝึกสอนและได้งานประจำเลยทันที ”คุณครูครับมีคนขี่ม้ามาในโรงเรียนเราด้วยครับ” เด็กน้อยวัย5ขวบพูดพร้อมชี้มือไปนอกหน้าต่าง “ไหนจ๊ะไม่เห็นจะมีเลยแกล้งครูอีกแล้วนะ” เธอเข้าใจว่าเด็กคงจะจินตนาการตามนิทานที่เธอเล่าให้ฟังอยู่บ่อยๆ “ไหนม้า?ไม่มีจริงๆด้วยค่ะคุณครู นายเป็นเอกโกหก” หนูมายด์สาวน้อยเดินตามมาดูและพูดเจื้อยแจ้ว "ไม่นะ ไม่นะ ผมไม่ได้โกหกนะครับคุณครู ม้าสีข๊าวขาวเท่ห์มากเลยครับครู" เด็กชายเป็นเอกยังคงยืนยันตามสิ่งที่เห็น แต่จันทร์เจ้าเอยไม่ได้ใส่ใจในคำพูดของเด็กน้อยเท่าไรนัก ใครจะมาขี่ม้าในเมืองกรุงเช่นนี้ ยกเว้นเจ้าชายในนิยาย จันทร์เจ้าเอยยังคงทำหน้าที่ในการสอนหนังสือเด็กๆต่อไปจนกระทั่ง "ครูเจ้าเอยเป็นอะไรไปคะ โอ้ยเลือด สงสัยจะเลือดกำดาวออก" เสียงนารีครูผู้ช่วยในห้องร้องลั่นเพราะเห็นจันทร์เจ้าเอยเซไปแล้วล้มลงเมื่อประครองขึ้นมาก็เห็นเธอมีเลือดไหลออกมาที่จมูก "มาเธอช่วยกันหน่อย ครูเจ้าเอยเป็นลมแล้วก็เลือดกำเดาไหล" เสียงนารีไปตามเพื่อนครูที่อยู่ห้องข้างๆเข้ามาช่วยกัน "เป็นยังไงบ้างคะครูเจ้าเอย เป็นเพราะหิวข้าวหรือเปล่านี่ก็ใกล้จะพักเที่ยงพอดี แต่เอ...อากาศก็ไม่ร้อนทำไมเลือดกำเดาออก" นารีพูดขึ้นเมื่อเริ่มรู้สึกตัว "เวียนศรีษะนิดหน่อยค่ะ คงเพราะไม่ได้ทานอาหารเช้ามาจริงๆด้วยแหล่ะค่ะ เมื่อเช้านี้เจ้าเอยรีบออกจากบ้านกลัวสาย" "ไหวแน่นะคะ ต้องไปหาหมอไหม" "ไม่ต้องค่ะ เลือดกำเดาออกแบบนี้บ่อยๆอยู่แล้วเส้นเลือดฝอยน่าจะเปราะบางกว่าชาวบ้านเขา ยังไงก็ขอบคุณทุกคนมากนะคะ เด็กๆเป็นยังไงบ้างตกใจกันหรือเปล่าก็ไม่รู้" จันทร์เจ้าเอยยังมีแก่ใจห่วงบรรดาลูกศิษย์ตัวน้อย "ครูแก้วห้อง 2/2 กับครูผู้ช่วย ช่วยพากันไปทานอาหารที่โรงอาหารแล้วล่ะค่ะ" นารีบอกเพื่อให้เธอคลายกังวล "เจ้าเอยดีขึ้นแล้วเดี่ยวขอตัวตามไปดูแลเด็กๆที่โรงอาหารก่อนนะคะ เกรงใจครูแก้ว" "ไปค่ะไปด้วยกันนี่แหล่ะ ไปนั่งทานข้าวกันด้วยเลย" นารีบอกพร้อมประคองเธอลุกขึ้น "ขอแวะเดี๋ยวนะคะ" จันทร์เจ้าเอยบอกกับนารีเมื่อเห็นต้นจันทร์กระพ้อในโรงเรียน เธอแวะเก็บดอกไม้มาหนึ่งช่อแล้วดอมดม เมื่อเธอได้กลิ่นของดอกจันทร์กระพ้อทีไรเธอจะรู้สึกมีพลังขึ้นมาทุกครั้งโดยเฉพาะเวลาที่เธอไม่ค่อยสบาย "เสียดายที่กลิ่นหอมมักมาแค่ตอนกลางคืน" เธอพูดพร้อมดมช่อดอกไม้อีกครั้ง "ครูเจ้าเอยชอบหรือคะ นารีว่ามันฉุนไปหน่อย" "ใช่ค่ะ ที่บ้านก็ปลูกนะ แต่เห็นดอกของมันทีไรก็อดแวะไม่ได้เลย นี่ยังไม่ค่อยออกกลิ่นเท่าไรนะ ต้องเวลากลางคืนจะหอมแรงกว่านี้" เมื่อสิ้นคำพูดของเธอสายลมแรงก็พัดผ่านหน้าเธอไปวูบใหญ่ "ไปกันเถอะค่ะ" นารีชวนให้เธอรีบไปทานอาหารกลางวันและตามไปดูแลเด็กๆ จันทร์เจ้าเอยหันไปมองรอบๆตัวทำไมถึงมีลมแรงพัดมาแค่วูบเดียวเท่านั้นและมักจะเป็นเช่นนี้เสมอเมื่อเธอได้ดมดอมหอมกลิ่นเจ้าดอกจันทร์กระพ้อนี้ .............................
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD