หอบเสื้อผ้า

1187 Words
“ที่รักคุณอยากทานอะไรไหมครับเดี๋ยวผมสั่งมาทานกัน” เสียงคนร่างใหญ่ ที่เข้ามาก่อกวนฉันไม่หยุดตั้งแต่เย็นทำเหมือนเป็นห้องของตัวเองแล้วไอ้กระเป๋าเดินทางใบใหญ่นั่นอีก “นี่คุณจะมาอยู่เป็นเดือนเลยหรือไงคะ” ฉันถามด้วยสีหน้าไม่ค่อยพอใจนัก “ใครบอกว่ามาอยู่เป็นเดือนละครับ” ผมจะมาอยู่เป็นปีเลยต่างหาก เขายิ้มยียวนหน้าทะเล้น เฮ้อออ ฉันได้แต่ถอนหายใจใส่หน้าเขา “หน้าไม่อาย หอบเสื้อผ้าหนีตามคนอื่น” ฉันกลอกตามองบนร่างใหญ่ที่ทำหน้าระรื่น “ก็รักเค้าอ่ะ ทำไงได้” เขาพูดแล้วเดินปรี่เข้ามากอดฉัน “เอาแต่ใจจังนะคะ” ฉันช้อนสายตามองร่างใหญ่ที่กำลังกอดฉันอย่างเบามือ “เขินจังไม่เห็นต้องชมขนาดนั้นเลย” สีหน้ายังกวนบาทาไม่เลิกแล้วไอ้ท่าทางออดอ้อนนี่อีก มันใช่คำชมซะที่ไหนกันเล่า ฉันได้แต่คิดแล้วก็ถอนหายใจ . “นี่คุณอย่ามาจัดแจงเสื้อผ้าตัวเองเข้าตู้คนอื่นแบบหน้าด้านๆ แบบนั้นนะ” ฉันดุเขาที่กำลังพยายามยัดเสื้อผ้าตัวเองลงไปในตู้เสื้อผ้าฉัน “งั้นให้ผมเอาไปไว้ไหนละครับ” เขาทำหน้าสงสัย “โอ๊ย อีตาบอสงี่เง่า ถ้ามันลำบากมากนักคุณจะหอบเสื้อผ้ามาทำไมละคะ คอนโดคุณก็มีใหญ่กว่าของฉันตั้งหลายเท่า คุณจะมาพยายามยัดเข้ามาอยู่ที่นี่ทำไม ไม่เข้าใจเลยจริงๆ” ฉันบ่นอย่างหัวเสียกับไอ้อาการเก้ๆ กังๆ ที่พยายามจัดเสื้อผ้าตัวเองให้เข้าที่ มองก็รู้ว่าไม่เคยทำเองคงมีแม่บ้านมาทำให้ตลอด ฉันก็ใช่ว่าเคยทำเองซะที่ไหนฉันก็จ้างแม่บ้าน ฉันคิดในใจแล้วคว้าเสื้อผ้าราคาแพงจากมือเขาแล้วจัดระเบียบมันเข้าตู้อย่างเสียไม่ได้ ทนดูเขาทำไม่ได้ก็เท่านั้นเองนะ “แค่นี้คุณยังไม่รู้อีกหรอว่าผมพยายามเพื่ออะไรตั้งโอ๋ หรือคุณรู้แล้วแต่แกล้งมองไม่เห็นมัน” เขาเริ่มพูดเรื่องซีเรียสและทำคอตก “นี่ ได้ทีละดราม่าเลยนะ ไม่ต้องมาทำหน้าเศร้าค่ะ ฉันไม่ได้ใจอ่อนง่ายขนาดนั้น” ฉันมองค้อนหนึ่งทีแล้วก้มลงจัดการกับกระเป๋าเดินทางของเขาต่อ “คุณบ่นแต่คุณก็ทำให้ผมอยู่ดี เมียผมน่ารักจัง” เขาพูดแล้วยิ้มอยู่บนเตียงหลังใหญ่ของฉันอย่างถือวิสาสะ “ฉันแค่ไม่อยากให้คุณทำข้าวของฉันพังต่างหาก” ฉันปั้นหน้ายโส และมองเขาแบบดุๆ “คร้าบๆ ว่าแต่จะทานอะไรกันดีครับเย็นนี้ผมจะสั่งเข้ามา คุณต้องทำงานใช่มั้ย สั่งเข้ามาทานจะได้ไม่เสียเวลาออกไปข้างนอก” เขาพูดพร้อมกับหยิบมือถือขึ้นมาเพื่ออะไรสักอย่าง “อาหารญี่ปุ่นแล้วกันค่ะ” ฉันพูดแค่นี้แล้วปรายตามองร่างใหญ่ ที่กำลังทุลักทุเล กับการเริ่มต้นสั่งอาหาร แต่ฉันก็แกล้งมองไม่เห็น จนผ่านไปสักพัก “อะ เอ่อ… นี่ตั้งโอ๋ เวลาจะสั่งอาหารนี่มันต้องทำยังไงหรอ ผมไม่เคย…เอ่อ” ฉันมองมาที่ฉันแล้วหน้าแดงแปร๊ด ใช่สิหมอนี่เคยทำอะไรหยุมหยิมแบบนี้ที่ไหน ปกติก็มีคนอย่างฉันทำให้ตลอด ถ้าอยู่คอนโดก็คงมีแม่บ้านดูแล “ชิ แล้วมาทำวางมาด เหมือนเก่ง” ฉันมองหน้าเขาแล้วค่อนขอด เสร็จจากเก็บของให้เขาพอดี “ก็คุณดูแลผมทุกอย่างไม่เคยขาดตกบกพร่อง ผมเลยไม่เคยต้องได้มาทำอะไรหยุมหยิมแบบนี้มั้งครับ” เขาพูดแล้วยิ้ม “งั้นก็สำนึกบุญคุณอันยิ่งใหญ่ของฉันไว้ด้วยนะคะ” ฉันพูดแล้วเดินไปหยิบมือถือจากเขาเพื่อกดสั่งอาหาร ร่างใหญ่ไม่ยอมยื่นให้แต่โดยดี แต่กลับดึงแขนฉันลงไปนั่งซ้อนตักเขาแทน “ตอบแทนโดยการดูแลคุณไปตลอดชีวิตในฐานะสามีได้มั้ยครับ” เขากระซิบข้างหูแล้วเลียมาที่ใบหูเบาๆ ลมหายใจร้อนผ่าวรินรดมายังต้นคอเล่นเอาตัวฉันร้อนวูบวาบ “นะ นี่ จะสั่งอาหารมาทานกันไม่ใช่หรอคะ แล้วฉันก็มีงานอีกเพียบเลย” ฉันเริ่มร้องห้ามปรามเขาเมื่อเขาไม่คิดจะหยุดอยู่แค่นั้นและเลื้อยมือซุกซนของเขาเข้ามาที่เสื้อของฉัน “กินคุณแล้วค่อยกินข้าวก็ได้นิครับ คุณอร่อยกว่าข้าวตั้งเยอะ คุณเมีย” เขากระซิบร้ายๆ ข้างหูเสียงของเขากำลังทำให้ฉันหลงเคลิบเคลิ้ม ไม่ได้แล้วหมอนี่กำลังจะขึ้นคุมเกมอีกครั้ง “ถ้าคุณยังทำตัวรุ่มร่ามจนฉันไม่เป็นอันทำงานหรือใช้ชีวิตส่วนตัวไม่สะดวก รับรองฉันจะเก็บเสื้อผ้าของคุณยัดใส่กระเป๋าให้เรียบร้อยแล้วส่งคุณกลับคอนโดของคุณแน่นอนค่ะ คุณบอส” ฉันมองหน้าเขาเขม็งจนเขาทำหน้าจ๋อยและยอมฟัง “เมียดุ” เขาพูดมาแค่นั้นแล้วล้มตัวลงนอนแบบงอนๆ ดูแล้วก็น่ารักดีแฮะ คิกๆ . สุดท้ายเราก็สั่งอาหารแล้วมานั่งทานกัน ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ฉันนั่งทานอาหารกับเขาสองคน เพราะเราก็ทานกันประจำ แต่แปลกมากที่มันอยู่ในคอนโดของฉันแบบนี้ รู้สึกดีขึ้นมาซะงั้น “ตั้งโอ๋ กับคุณหมอนั่น ความสัมพันธ์ของพวกคุณน่ะ” อยู่ๆ เขาก็ถามขึ้นมา ไม่หรอกคงอยากถามนานแล้วแต่ไม่กล้าสินะ “ฉันเจอกับเขาที่โรงพยาบาล ฉันไปตรวจร่างกายกับฉีดยาคุม หลังจากวันที่กลับจากภูเก็ต” ฉันบอกเขาไปแค่นั้นแต่เขาก็คงปะติดปะต่อเรื่องได้พอสมควรเพราะดูจากสีหน้ารู้สึกผิดนั่นแล้ว “ตั้งโอ๋ ผมขอโทษ เรื่องคืนนั้น” เขายังรู้สึกผิดสินะ “ฉันไม่ได้โกรธคุณแล้วค่ะบอส ฉันเข้าใจคุณแล้ว” ฉันบอกเขาแล้วยิ้ม “แต่สำหรับฉันกับคุณหมอ เป็นเหมือนเพื่อนที่ดีมากๆ ต่อกันมากกว่าค่ะ คุณหมอเองก็คงรู้ว่าพวกเราอยู่ในสถานะเป็นตัวช่วยเยียวยาให้แต่ละฝ่ายในยามที่คนใดคนหนึ่งต้องการมากกว่า พูดง่ายๆ คือ คนสำคัญ ละมั้งคะ” “แต่ดูหมอนั่นจริงจังกับคุณมากเลยนะ” เขาแสดงอาการน้อยใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด “ค่ะ พวกเราก็จริงจังกับความสัมพันธ์นี้กันทั้งคู่แหละ แต่แค่ไม่ข้ามเส้น ถ้าบอสรักฉันบอสก็ต้องรับคุณหมอให้ได้ด้วยนะคะ เพราะเขาเป็นเพื่อนฉัน” ฉันมองหน้าเขาด้วยสายตาจริงจัง “ผมไม่ติดหรอก ถ้าเขายินดีให้คุณจากใจ แต่ถ้าเขาคิดจะแย่งคุณไป ผมไม่มีทางยอมแน่ๆ” ท่าทีมุ่งมั่นและแน่วแน่ แววตาหนักแน่นมั่นคงดั่งภูผา . . ใช่แล้วหมอนี่เป็นคนแบบนี้มาตั้งนานสินะ แต่ช่วงนี้ทำตัวเหลาะแหละได้น่าเกลียดมาก เฮ้ออ

Read on the App

Download by scanning the QR code to get countless free stories and daily updated books

Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD