อัคคี Say ::
สายสนทนา
[ น้องเป็นยังไงบ้างคี ]
สายจากลุงต่อ ที่โทรมาหาผมในตอนที่กำลังสนุกอยู่กับสาวๆ แม้จะไม่อยากรับ แต่ถ้าไม่รับเรื่องนี้อาจจะถึงพ่อได้ อย่าเสี่ยงเลย
“ครับ ก็สบายดี ลุงรู้ไหม ตอนนี้พอใจมันแรดใหญ่แล้วนะ เตือน ๆ ลูกลุงหน่อย จะให้ผมไปยุ่งก็ใช่เรื่องนะ”
[ ดูให้ลุงหน่อย ไอ้ไทม์ห่าเหวไรนั่น ลุงไม่ไว้ใจมันเลย แถมมาเป็นแฟนของพอใจมันคนแรกด้วย เอาตรง ๆ ไม่ชอบขี้หน้ามันอย่างแรง ฝากด้วยนะ เอาไอ้พอใจมาคุยหน่อย ลุงโทรไปหลายสายแล้ว ไม่รับสายเลย ลุงเป็นห่วง ] ประโยคของลุงทำเอาผมเอาผมต้องหันมองนาฬิกา 5 ทุ่มแล้วนะ ทำอะไรทำไมไม่รับโทรศัพท์
“ไม่รับสายหรอ ลุงแค่นี้ก่อน”
จบการสนทนา
ผมวางสายแล้วหยิบเสื้อแจ็คเก็ต เตรียมตัวกลับทันที ไม่รับโทรศัพท์ทำอะไรอยู่ จะไม่ว่างมารับเลยหรือยังไงแบบนี้พกโทรศัพท์ไว้ทำไม แฟนคนแรกหรอ ได้กันหรือยังวะ หรือไม่ใช่มันปล้ำยัยเป็ดอยู่นะ
“จะไปไหนคะ”
“ขอโทษนะสาวน้อย พี่ทิ้งเป็ดที่บ้าน สงสัยต้องกลับไปดูแล” ว้าเสียดายจัง วัย 20 ต้นๆ กำลังน่ารักเลย ขึ้นมาถึงคอนโดได้ขนาดนี้แล้วเชียว
ผมรีบซิ่งรถกลับบ้านทันที พอไปถึงไฟหน้าบ้านเปิดสว่าง มีเพียงในบ้านที่มืดอยู่ ไร้วี่แววของไอ้พระเอกนั่น แสดงว่าไม่ได้ถูกปล้ำอยู่ จะกลับไปจิ้มน้องหนูคนนั้นก็คงไม่ทันแล้ว ผมเลยเอารถเข้ามาจอดในบ้าน เข้าบ้านเลยแล้วกัน
“เฮียยย ช่วยด้วยยย เฮียยยยยคี!!!” เสียงร้องโหยหวนจากคนในบ้านทำเอาผมต้องรีบเปิดประตูบ้านเข้าไปดู ในบ้านมืดสนิทมีเพียงแสงไปจากแฟลชโทรศัพท์ที่อยู่ที่พื้น
“เฮียยยยย ช่วยด้วยยยย ฉันอยู่ตรงนี้”
ผมเลยรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดแฟลช ส่องมาที่พื้นเพื่อตามหาต้นเสียงที่ร้องเรียกผมอย่างโหยหวน ก่อนจะเจอตัวอะไรสักอย่างนอนกองอยู่ที่พื้น จะเอาเท้าเขี่ยก็เสียมารยาท เลยเอานิ้วจิ้ม ๆ แทนละกัน
“เฮีย เลิกเล่นได้ไหม ฉันเจ็บ ลุกไม่ขึ้น ฉันตกลงมาจากเก้าอี้ ก่อนที่เฮียจะมาเนี่ย ช่วยหน่อยขามันพับ ฮื่อออ”
โอ้ยยยย...จะบ้าตาย ผมอุ้มยัยลูกเป็ดขึ้นมาจากพื้น เพื่อที่จะไปวางที่โซฟา แต่ดันสะดุดไอ้เก้าอี้เจ้ากรรมจนหน้าทิ่มลงไปโซฟาซะงั้น ผมไม่เด็กน้อยขนาดไม่รู้ว่าหน้าผมทิ่มไปกับอะไร เพราะลมหายใจที่กำลังผสานกันมันชัดเจน แต่จะลุกขึ้นมันดันติดที่เธอกอดคอผมอยู่เนี่ยสิ ปล่อยสักทีสิยัยเป็ด จะจูบแบบนี้ไปอีกนานไหม
“ปล่อยได้ละ จูบเป็ดมันไม่อร่อย”
อ่าวทำไมเงียบ จู่ ๆ ยัยเป็ดก็เงียบไปเลย ช็อกไปเลยรึไง แค่ถูกจูบเนี่ยนะไร้สาระ ผมแกะมือที่กอดคอผมออก แล้วลุกขึ้นมาดูไอ้หลอดไฟเจ้าปัญหา ก่อนจะเอาแฟลชจากโทรศัพท์ส่องดูสิ่งที่ยัยเป็ดทำค้างเอาไว้ เพื่อที่จะสานต่อสิ่งที่เธอให้เสร็จ งานซ่อม งานช่าง มันไม่ใช่งานของผู้หญิงสักหน่อย ผมจัดการปีนขึ้นไปบนเก้าอี้ เพื่อเปลี่ยนหลอดไฟ จนไฟมันกลับมาสว่างเหมือนเดิม ก่อนจะเดินไปหาคนที่นั่งเงียบ ๆ อยู่ที่โซฟา
“ลุกได้รึยัง ไหวไหม แล้วก็รับสายพ่อเธอด้วย พ่อเธอบอกโทรหาเธอหลายสายแล้วไม่รับ ก็นึกว่าเป็นอะไร เธอทำเอาเฮียทิ้งเหยื่อกลับมาเลยนะเนี่ย นึกว่าถูกปล้ำเลยไม่รับโทรศัพท์”
“ห่วงด้วยรึไง ขนาดวันนี้เฮียยังไม่ห่วงฉันเลย”
“ทีแรกก็นึกว่ามืออาชีพ ไม่นึกว่ามือสมัครเล่น เห็นนั่งตักแล้วจูบเขาเอง ใครจะไปรู้ล่ะ แล้วนิขายังเจ็บอยู่รึเปล่า” แต่พอผมถาม ยัยนี่ดันเงียบอีก สิ่งที่ผมเกลียดที่สุดรองจากคนด่าผมหน้าหวาน ก็คือคนเงียบใส่เนี่ยแหละ ผมไม่ใช่คนบ้านะ จะให้ผมพูดคนเดียวเนี่ย
“เจ็บค่ะ เหมือนมันจะเคล็ด แต่เดี๋ยวมันก็คงหาย” ทำไมวันนี้ยัยนี่สงบปากสงบคำจัง พูดเพราะด้วย เอาเป็นว่าจะช่วยละกัน เป็นรางวัลที่ทำให้ผมสบายหู
“เจ็บตรงไหน ตรงนี้รึเปล่า” ผมคลำไปในจุดที่คิดว่าควรจะเจ็บแล้วกดลงเบา ๆ ขยับแล้วกดเบา ๆ จนมาถึงหัวเข่า แต่พอผมจะดึงขาเธอให้มันเข้าที่ เธอก็ดึงขาของตัวเองกลับเหมือนจะกลัว กลัวอะไร วุ้ว
“ซี๊ดดดด เจ็บค่ะ”
“เป็ดในครัวมีอะไรไม่รู้อะ” ผมใช้ช่วงที่เธอเผลอ กระตุกขาเธอแรง ๆ 1 ครั้งเพื่อให้มันเข้าที่ จนเกิดเสียงดังก๊อก!!!!
“โอ้ยยยยยยย เฮียยยยย เจ็บนะ จะน่ารักนานกว่านี้อีกหน่อยไม่ได้รึไงเฮียเนี่ย วุ้ว”
“เธอนั่นแหละ จะทำตัวน่ารักให้นานกว่านี้หน่อยไม่ได้เลยรึไง เอ้าา ลองเดินดู ว่าดีขึ้นไหม วุ้ว” ผมวุ้วใส่หน้าเธอ เพื่อเป็นการบอกว่าไม่พอใจ คนอุตส่าห์ช่วย ก่อนจะเดินขึ้นห้องของตัวเอง
เช้าวันถัดมา.....
วันนี้เจ้กี้มาแต่เช้าเพราะยัยเป็ดมีงาน มันทำให้ผมต้องตื่นเช้าไปด้วย แล้วผมเป็นคนที่โคตรจะตื่นเช้าเลย (ประชด) แต่ดูสีหน้าเจ้กี้จะไม่ดีเอาซะเลย บรรยากาศในรถดูมืดมนจากเจ้กี้ที่สดใสอยู่ตลอดเวลา แต่ตอนนี้กลับดูเครียดอย่างเห็นได้ชัด
“พอใจ ดูข่าวนี่สิคะ” ในระหว่างรถติดไฟแดง เจ้กี้ส่ง Ipad มาให้พอใจที่นั่งอยู่เบาะหลังกับผม
เฮ้อออ ข่าวอีกแล้ว พวกนักข่าวเนี่ย อยากรู้อยากเห็นไปหมดเลยนะ ขนาดประวัติของผมยังไปขุดกันมาอย่างละเอียดเลย เป็นลูกใคร ปู่ย่าคือใคร ทำงานอะไร พวกนี้ควรเลิกเป็นนักข่าวแล้วไปเป็นนักสืบ
“ลงทุกสื่อโซเชี่ยลเลยค่ะ มันแย่ตรงเมื่อวันก่อนน้องพอใจมีข่าวกับน้องอัคคี วันนี้เป็นข่าวกับอีกคน ข่าวฉาวทำคนได้ทั้งดัง และดับนะคะ แล้วเราเพิ่งเริ่มเดินในไทย เรานี่แทบจะเป็นแค่เด็กที่เดินเตาะแตะเลยนะคะ ดูสิคะ ทวิตเตอร์โดนแฟนคลับของไทม์ไทรุมแซะเรากันแรงเลย”
“พอใจขอโทษค่ะ แค่ไปทานข้าว พอใจไม่นึกว่าจะเป็นข่าว”
“เราอาจจะทำงานระดับโลกมานะคะ ที่นี่มันไม่ใช่ค่ะ พี่เตือนเพราะพี่หวังดีนะคะ ตอนนี้พี่อยากให้น้องพอใจปฏิเสธการคบกันกับคุณไทม์ เพราะเราเสี่ยงจะโดนเล่นเรื่องมือที่ 3 ได้ เพราะคุณไทม์เพิ่งเลิกกับแฟนเก่ายังไม่ถึง 3 เดือนเลย ถ้าเทียบ ๆ แล้ว ก็ตอนที่เขาไปปารีสนั่นแหละค่ะ”
นี่สินะ ที่ลุงไม่ชอบขี้หน้าแฟนลูกสาว เลือกคบแฟนไม่ดูเลยยัยเป็ด แต่เรื่องนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องของผมหรอก เรื่องของผมคือ ผมง่วง ง่วงมากการที่ต้องตื่นไปทำงานตั้งแต่ 6 โมงเข้านี่มันคืออะไร ไม่ปลื้มนะจะบอกให้
“ค่ะ พอใจจะระวังให้มากกว่านี้ แล้วจะตอบนักข่าวตามที่เจ้ขอ”
ทำไมผมต้องมาฟังอะไรแบบนี้ด้วยเนี่ย!!!! จะหลับ ก็หลับไม่ได้เลย ให้ตายเถอะ นี่มัน 6 โมงเช้านะ ไม่ใช่เที่ยง ไม่ง่วงกันเลยรึไง ผมหลับพิงกับกระจก แต่พอรถมันตกหลุมหัวผมก็โขกกระจกดังโป๊ก!!! เลยทำให้ผมต้องตื่นขึ้นมา
“เฮีย” เสียงเรียกของคนที่นั่งข้าง ๆ ทำให้ผมต้องหันไปมอง ยัยลูกเป็นเอาหมอนใบเล็ก ๆ ขึ้นมาลองตัก แล้วตบลงที่ตักตัวเองเบา ๆ
“ดีมาก หัดทำตัวมีประโยชน์หน่อย” ผมล้มตัวลงตักของพอใจ แต่เพราะหมอนมันสูงเกินไปทำให้ผมต้องดึงหมอนออก แล้วหนุนลงบนตักของเธอแทน ขอสักครึ่งชั่วโมงก็ยังดี
พอเรามาถึงที่ที่ยัยเป็ดทำงาน ทางทีมงานก็พายัยเป็นไปแต่งหน้า แต่งตัว ก่อนจะเข้ามาถ่ายงาน ตอนนี้คงไม่มีอะไร ไปหาที่งีบหน่อยดีละกัน การนอนตื่นเช้ามันไม่ถูกกับผมเอาซะเลย ผมนั่งหาที่นั่งอยู่ในสตูดิโอนั่นแหละ
“มึง PJ แม่งสุดยอดเลยว่ะ”
“กูว่าผอมไปหน่อย ดูดินมเลยเล็กตามเลย”
เสียงซุบซิบของคนที่เป็นเด็กเดินไฟ ที่คุยกันมันทำเอาแทบนอนไม่หลับเลย ความหงุดหงิดมันทำเอาผมลุกขึ้นมานั่ง
“ไม่เล็กนะกูว่า แม้จะสู้นางแบบคนก่อนไม่ได้ แต่หัวนาชมพูวะ ทรงโคตรสวยเลย ซี๊ดดดด”
“มึงแอบดูมาแล้วหรอ” ประโยคของไอ้พวกนั้นทำเอาผมลุกขึ้นยืนด้วยความหัวร้อน
“เออ ตอนเปลี่ยนเสื้อผ้า จัดว่าดี......” ผมไม่รอจนมันพูดจบ ใช้ส้นเท้ายันไอ้คนที่พูดจนกระเด็นไปชนของที่วางไว้จนระเนระนาด สร้างความตกใจให้คนที่กำลังทำงานกันอย่างมาก ทุกอย่างหยุดชะงัก
“ที่มึงพูดถึงอยู่อะ น้องสาวกู ไอ้พวกสวะ สารเลวเอ้ย” ผมเดินเข้าไปซัดมันต่อ เพื่อระบายความร้อนที่อยู่ในหัว โทษฐานที่มาแอบมาแอบยัยเป็ดเปลี่ยนเสื้อผ้า และโทษฐานที่พวกมันทำให้ผมไม่ได้นอน ผมซัดมันจนจมเลือดเพียง 2 หมัด แค่นี้ก็สลบแล้วหรอ อ่อนฉิบหาย ผมตรงไปจัดการไอ้คู่สนทนาของมัน จนแน่นิ่งลงไปกองกับพื้น
“หยุดนะเฮียคี!!!!!! เฮียทำอะไรเนี่ย เฮี้ยทำแบบนี้ทำไม ขอโทษเขาเดี๋ยวนี้!!!!!” มาถึงยัยเป็ดก็โวยวายทันที ยัยเป็ดตะคอกใส่ผมเสียงดัง
“ไม่” ถ้าเธอได้ยินว่ามันพูดอะไรบ้างจะไม่ขอให้เฮียขอโทษมันเลย ผมมองไปที่เจ้าของงาน ที่ละเลยเรื่องความปลอดภัยของนางแบบ อย่างคาดโทษ
“แต่เฮียกำลังทำฉันเดือดร้อน เฮียกำลังสร้างปัญหาให้ฉัน เข้าใจไหม ขอโทษเขาเดี๋ยวนี้!!!!”
“ไม่ขอโทษอะ เธอสิต้องขอบคุณเฮีย ไม่ใช่มาบอกให้เฮียขอโทษ”
“ไร้เหตุผล ทำไมก็ไม่เคยขอโทษ เป็นแบบนี้ตั้งแต่เด็กยันโต ถ้าเฮียไม่ขอโทษฉันจะโทรไปฟ้อง.....” ผมไม่รอให้ยัยเป็ดพูดจบ
“โทรเลย แล้วบอกพ่อด้วย ฉันไม่ทำแล้ว ไอ้งานดูแลเธองี่เง่านี่ ต่อไปนี้ใครจะมาแอบดูเธอเปลี่ยนเสื้อผ้า มันก็เรื่องของเธอแล้ว ร่างกายเธอ ชิ๊” ผมมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความผิดหวัง แล้วเดินออกจากสตูดิโอทันที อะไรวะคนอุตส่าห์ช่วย แม่งความรู้สึกแบบนี้อีกแล้ว ทำดีแต่คนมองไม่เห็นจะทำทำไมวะ กลับบ้านไปนอนแล้วจองตั๋วกลับเชียงใหม่แม่งเลย
พอใจ Say ::
“แบบนี้ได้ยังไงคะ ทางคุณปล่อยให้คนของคุณมาดูน้องเปลี่ยนชุดแบบนี้” เจ้กี้อารมณ์ขึ้นใส่คนที่ดูแลงานนี้ ฉันจะทำยังไงดี ฉันตัดสินใจวิ่งตามเฮียคีออกไปนอกสตูดิโอ แต่ตอนนี้เขาก็ไม่อยู่แล้ว เลยต้องกลับมารับผิดชอบงานของตัวเองให้เสร็จก่อน ฉันต้องสลัดทุกอย่างในหัวทิ้งให้หมด แล้วรับผิดชอบงานที่ทำตอนนี้
หายไปไหนนะ จะกลับไปที่บ้านรึเปล่า ตอนนี้จะโกรธฉันแค่ไหน สายตาที่เขามองมาแบบนั้น มันบีบหัวใจที่กำลังเต้นอยู่ ให้มันยิ่งเจ็บ สายตาแบบนี้อีกแล้ว
“ทางเราจะจัดการคนผิด และดำเนินคดีทางกฎหมายให้ถึงที่สุดค่ะ ทางเรายินดีรับผิดชอบทุกอย่าง”
“ถ้าพี่ชายของน้องพอใจไม่มาจับได้ซะก่อน ป่านนี้น้องจะต้องเสียหายไปไหนถึงไหนคะ” เจ้กี้พยายามออกตัวแทนฉันที่ตอนนี้เงียบ ที่ฉันเงียบเพราะตอนนี้ฉันแทบไม่มีใจทำงานอีกแล้ว สายตาของเฮียแบบนี้มันเหมือนกับทุกครั้งที่ฉันทำให้เขาโดนด่า แล้วทุกครั้งเราทั้งสองก็จะค่อย ๆ ห่างกันออกไปอีก
“ทำงานได้ยังคะ รีบถ่ายให้เสร็จค่ะ ถ้าอยากรับผิดชอบ” ฉันพูดขึ้นมาเสียงดัง เพราะตอนนี้ฉันอยากกลับบ้านแล้ว แต่การทำงานทุกอย่างมันกินเวลา แล้วครั้งนี้ก็กินเวลาไปถึงบ่าย
พองานเสร็จฉันรีบให้เจ้กี้ขับรถกลับบ้านทันที อย่านะ อย่าเพิ่งกลับเชียงใหม่เลยนะ ช่วยรอฉันก่อน
“แต่น้องอัคคีเนี่ยเจ๋งมากเลยนะคะ จัดการไอ้สองตัวนั้นจนสลบไปเลย”
“ทำไมฉันถึงงี่เง่าแบบนี้ ทำไมฉันถึงพูดกับเฮียออกไปแบบนั้น เรื่องนี้คนที่ผิดที่สุดคือฉัน” ฉันกอดหมอนใบเล็กในอ้อมกอด ก่อนจะระบายความอัดอั้นในใจออกมาให้เจ้ฟัง
“แต่ถ้าเป็นเจ้ เจ้ก็โกรธนะคะ ถ้าน้องพอใจพูดกับเจ้แบบนั้น พี่น้องกันทางที่ดี ขอโทษดี ๆ ดีที่สุดค่ะ”
ถ้าเขาอยู่ให้ขอโทษนะ ฉันกอดหมอนใบเล็กไว้ในอ้อมกอดแล้วพยายามสงบสติอารมณ์ ขอโทษค่ะ อยู่ให้ฉันขอโทษเถอะนะ ฉันไม่อยากเห็นสายตาแบบนั้นของเขาอีกแล้ว สายตาที่มองว่าฉันคือตัวปัญหาของชีวิตของเขา
เมื่อมาถึงที่บ้าน รถปอร์เช่คันสีแดง ยังจอดอยู่ที่เดิม มันทำให้ฉันรีบวิ่งเข้าไปในบ้านโดยไม่สนใจอะไรอีก แต่พอเข้าในบ้าน คนที่ฉันอยากเจอก็กำลังจะออก พร้อมกับกระเป๋าเดินทางของตัวเอง
“ไปไหน”
“กลับเชียงใหม่” เสียงตอบเรียบ ๆ มันทำเอาฉันสะเทือน
“เฮียต้องอยู่กับฉันสิ นี่ยังไม่ถึง 3 เดือนเลยนะ”
“โทษทีนะ ฉันเบื่อแล้ว มีแฟนแล้วนิ ก็ให้แฟนดูแลสิ ถอย” เฮียคีพยายามจะดันฉันออก ฉันเลยต้องเอาตัวขวางประตูบ้านเอาไว้
อยู่กับฉันสิ อยู่กับฉัน เดี๋ยวพอใจ ถ้าเขาไปกำแพงที่เธอสร้างมามันจะปลอดภัยนะ นี่เธอกำลังทำลายกำแพงของตัวเองเลยนะ นี่อยู่ด้วยกันแค่อาทิตย์เดียว เธอหวั่นไหวไปตั้งเท่าไหร่แล้ว เมื่อหัวใจกับสมองมันทำงานสวนทางกันขนาดนี้ ฉันควรจะทำยังไง
“ไม่ให้ไป ไม่ให้ไป เข้าใจไหม ว่าฉันไม่ให้ไป” ฉันพยายามเกาะประตูบ้าน 2 ข้างเอาไว้แน่น
“คนอย่างฉัน ถ้าจะไปใครก็ห้ามไม่ได้ อย่าให้ฉันต้องใช้ความรุนแรงเลย”
“ขอโทษค่ะ ฉันขอโทษ ให้อภัยน้องสาวคนนี้ได้ไหม ฉันผิดเอง” เพียงแค่กล่าวขอโทษน้ำอุ่น ๆ ก็ไหลออกจากตาไม่หยุด ฉันขอแค่เฮียอยู่ที่นี่ ในฐานะอะไรก็ได้ เฮียจะหิ้วสาวเข้ามานอน หรืออะไรก็ได้ แต่อยู่เถอะ อยู่กับฉัน
แล้วมือใหญ่ก็แกะมือของฉันออกจากประตู แล้วแทรกตัวออกไป รั้งไม่ได้สินะ ฉันได้แต่ยืนมองแล้วปล่อยเขาไปแต่โดยดี ยืนมองรถคันหรูค่อย ๆ ขับออกไปจนสุดสายตา เจ้กี้ที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่รีบเข้ามาปลอบฉันที่ทรุดตัวร้องไห้อยู่ที่พื้น
ขอโทษที่สร้างปัญหาให้เฮียอีกแล้ว
“ราชสีห์เขากลับเข้าป่าแล้ว ฉันผิดเอง” นี่นับเป็นการอกหัก ครั้งที่ 33 ไหมนะ