13

1178 Words
“ถ้าอย่างนั้นวันนี้แกต้องสวยกว่าทุกวัน พี่เจย์จะได้ประทับใจกับการเจอกันครั้งแรกในรอบสิบปี” “ฉันคงสวยไปไม่มากกว่านี้หรอก แกก็รู้ว่าฉันไม่ใช่คนสวย แกสวยกว่าฉันอีก” ชเนตตีตระหนักในข้อนี้ดีว่า ตนเองไม่ใช่คนสวย แถมรูปร่างตอนนี้ยังดูอวบอีกต่างหาก จะว่าไปแล้วเธอสู้ชนกนันท์ไม่ได้สักอย่างนอกจากผิวขาวใส แล้วอย่างนี้เธอจะให้ไอศูรย์ประทับใจได้อย่างไร ข้อนี้ ชเนตตีก็คิดหนักไม่น้อย “แกไม่ต้องคิดมากเลยเรื่องนี้น่ะ คนเราจะสวยใช่สวยที่ใบหน้า ความสวยไม่ใช่คำตอบของทุกอย่างของผู้ชายนะ แกดูใครหลายคนที่ไม่สวยสิ พวกเขายังมีครอบครัวที่อบอุ่นได้เลย ประสบความสำเร็จก็มาก ความสวยงามของรูปกายภายนอกมีไว้ให้คนที่เห็นชื่นชม และในเรื่องของความรักมันก็ไม่ได้เป็นดัชนีชี้วัดว่า ความสวยจะต้องชนะคนขี้เหร่ ฉันเห็นคนสวยบางคนถูกทิ้งก็ยังมี แถมผู้ชายทิ้งไปชอบกับคนที่สวยน้อยกว่าอีก เพราะฉะนั้นแกไม่ต้องคิดมากนะเรื่องที่แกไม่สวย หน้าตาแกอาจจะไม่เรียกว่าเป็นคนสวย แต่แกก็หน้าตาน่ารักนะเนย ฉันว่าความสวยไม่สำคัญขอให้จิตใจแกสวยก็พอ” บัณฑิตาปลอบเพื่อน และเป็นคำปลอบที่ไม่เกินความเป็นจริง สมัยนี้ความสวยหาได้ไม่ยาก เพียงแค่ศัลยกรรมเสริมความงามก็สวยได้ในพริบตา แต่ความสวยทางสรีระย่อมไม่ยั่งยืนกว่าจิตใจที่งดงาม “แกคิดอย่างนั้นเหรอตาล” ชเนตตีถามกลับ “จริงสิ ฉันคิดอย่างนี้จริงๆ ความรักมันไม่เลือกหน้าตา ไม่เลือกนิสัย ไม่เลือกอาชีพ รักคือรักนะแก” “แล้วแกว่าพี่เจย์จะรักฉันได้ไหม” เป็นคำถามแรกของเพื่อนรักที่บัณฑิตาตอบไม่ได้ แต่ถ้าถามถึงปัจจุบันว่าไอศูรย์รักใคร เธอตอบได้ในทันที “คำถามนี้ฉันตอบแกไม่ได้จริงๆ แต่ฉันก็ไม่อยากโกหกแกเพื่อให้แกสบายใจหรือมีความสุข ฉันรู้นะว่า แกก็มีคำตอบในใจ และฉันก็อยากเตือนแกว่า อย่าทำอะไรที่จะทำร้ายตัวเอง แค่นี้แกก็เจ็บปวดมากพอแล้ว อย่าให้มันเพิ่มมากไปกว่านี้เลยนะ” เป็นอีกครั้งที่บัณฑิตาเตือนเพื่อนด้วยความหวังดี “แกกำลังจะบอกฉันว่า ให้ฉันเลิกล้มความตั้งใจที่จะแย่งพี่เจย์มาจากนกใช่ไหม” ชเนตตีถามเพื่อนรักตรงๆ บัณฑิตามองหน้าคนถาม ก่อนจะเดินเข้าไปกอด “ฉันรักแกนะเนย รักมากกว่าเพื่อนทุกคน ฉันไม่อยากให้แกทำในเรื่องที่ไม่ดี เรื่องที่ไม่สมควรทำ แล้วฉันก็ไม่รู้ว่าจะห้ามแกได้หรือเปล่า ห้ามได้ก็ดี แต่ถ้าห้ามไม่ได้ก็คือไม่ได้ แล้วแกก็จำไว้เลยนะว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ฉันจะยืนอยู่เคียงข้างแกเสมอ ฉันจะไม่ทิ้งแก” ชเนตตีกอดร่างเพื่อนรักแล้วปล่อยโฮออกมาอย่างสุดซึ้งใจ ในชีวิตของเธอมีเพียงคนสองคนที่เข้าใจและรักเธอจากใจจริง คนที่หนึ่งคือ สุภัทรามารดาบังเกิดเกล้า คนที่สองคือบัณฑิตา เพื่อนรัก เพื่อนแท้และเพื่อนตาย “ฉันก็รักแก ฉันขอบใจแกมากที่แกไม่ทิ้งเพื่อนงี่เง่าคนนี้…ฮือ” ชเนตตีพูดทั้งน้ำตา แต่เป็นน้ำตาแห่งความปลื้มใจ ดีใจที่มีเพื่อนคนนี้ข้างกาย “แกนี่ร้องไห้เป็นเด็กๆ ไปได้ ฉันว่านะ แกไปล้างหน้าล้างตาก่อนดีกว่า แล้วเราก็ออกไปส่องหนุ่มๆ กัน กว่าจะถึงตอนเย็นอีกตั้งหลายชั่วโมง” ผู้พูดดันร่างของเพื่อนสนิทออกห่างเล็กน้อย ก่อนจะใช้มือปาดน้ำตาของอีกฝ่ายที่ไหลพรากให้พ้นไปจากใบหน้า “อย่าร้องไห้ เดี๋ยวตาบวมจะไม่สวยตอนเจอพี่เจย์นะ” “อืมๆ ฉันไม่ร้องแล้ว ฉันไปล้างหน้าก่อนนะ จะได้ออกไปหาอะไรกิน เมื่อคืนฉันหาข้อมูลเรื่องอาหารขึ้นชื่อของภูเก็ตมา ได้มาหลายร้านเลย แกกินเป็นเพื่อนฉันนะ ห้ามบ่นอ้วนด้วย” ชเนตตีที่เชลล์ชวนชิมขึ้นสมองเอ่ยบอก พร้อมกับพูดดักคอ “อ้อ…แล้วฉันต้องไปซื้อช็อกโกแลตมาตุนไว้ เผื่อเครียดๆ จะได้หม่ำให้สมองมันโล่ง” “แกน่าจะไปเป็นพิธีกร ตะลอนกินนะ เหมาะมากๆ วันๆ เอาแต่หาของกิน แล้วรู้หรือเปล่าว่าช็อกโกแลตทำให้อ้วน” “ก็การกินมันเป็นความสุขอีกอย่างนึงของฉันนี่นา แล้วฉันจะพยายามไม่แตะข็อกโกแลตนอกจากตอนเครียด ฉันไปล้างหน้าแล้วนะ” ชเนตตีพูดจบก็เดินเข้าไปในห้องน้ำ ล้างหน้าล้างตาให้ผ่องใส ไร้คราบน้ำตา อีกสิบห้านาทีต่อมา สองเพื่อนรักจึงพากันออกจากโรงแรม เดินเที่ยวและไปหาของอร่อยๆ ขึ้นชื่อตามที่ชเนตตีลิสต์รายชื่อร้านมา ครอบครัวจักรบดินทร์ก้าวขึ้นรถตู้ที่ทางโรงแรมจัดเตรียมไว้ให้ หลังจากที่ทั้งสามเดินทางมาถึงสนามบินประจำจังหวัด พอขึ้นมานั่งบนรถ วิมลก็ระเบิดอารมณ์ออกมาทันที “คุณพี่นะคุณพี่ ไม่น่าจะทำธุรกิจร่วมกับแม่นั่นเลย รู้ทั้งรู้ว่าน้องเกลียดมัน” วิมลยังบ่นไม่เลิก นางบ่นตั้งแต่ทราบเรื่องจากสามีว่า ได้ร่วมหุ้นกับสุภัทราทำกิจการโรงแรมที่ภูเก็ตร่วมกัน นางได้ยินครั้งแรกก็รู้สึกขัดใจ ขัดความรู้สึก บ่นอุบกับสามียกใหญ่ ยิ่งได้รู้ว่า สุภัทราพร้อมลูกสาวเดินทางมาภูเก็ตในครั้งนี้ด้วย อารมณ์ของวิมลพุ่งปรี๊ดทันที ครั้นจะไม่มาก็น่าเกลียดเนื่องจากภรรยาเจ้าของโรงแรมที่พิสุทธิ์กับหุ้นส่วนจะซื้อ เป็นเพื่อนของนาง ซึ่งอีกฝ่ายก็เชิญนางโดยตรง วิมลจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ “เอาน่าคุณ ธุรกิจก็คือธุรกิจ เรื่องส่วนตัวก็คือเรื่องส่วนตัว เราอย่าเอามาปนกันสิ อีกอย่างคุณรุ่งก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร เป็นคนเก่งซะด้วยซ้ำที่บริหารงานในบริษัทใหญ่โตได้อย่างดีเยี่ยม อะไรที่มองข้ามได้ก็มองผ่านไปนะคุณ” พิสุทธิ์มีความคิดต่างกับภรรยา เขาแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกจากกันเสมอ เพราะถ้าหากไม่รู้จักแยกแยะคงจะรับประกันไม่ได้ว่าธุรกิจจะไปได้สวย “คุณพี่จะบอกว่าน้องไม่แยกแยะใช่ไหมคะ” วิมลถามสามีเสียงเขียว ค้อนขวับวงใหญ่ “ผมเปล่า ผมไม่ได้ว่าคุณอย่างนั้น ผมแค่อยากให้คุณทำใจนิ่งๆ เรื่องนี้ เพราะมันเป็นเรื่องของธุรกิจล้วนๆ เราต้องนึกถึงเงินที่เราทุ่มลงไปสิ มันไม่ใช่บาทสองบาทนะคุณ มันหลักสิบล้านร้อยล้าน”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD