สองวันต่อมา
สุภัทราหมุนตัวดูตัวเองหน้ากระจกเงาบานใหญ่ นางยิ้มกับภาพสะท้อนในกระจกที่วันนี้จะสวยเป็นพิเศษ จะไม่ให้สวยได้อย่างไรในเมื่อชุดที่สวมใส่ส่งตรงมาจากห้องเสื้อชื่อดังในประเทศฝรั่งเศส อีกทั้งยังเป็นชุดคอลเลกชันใหม่ของร้าน รับรองว่าวันนี้นางจะต้องสวยเด่นกว่าหทัยชนกภรรยาน้อยของสามีแน่นอน หลังจากที่ภูมิใจกับความสวยของตัวเองจนพอใจ นางก็เดินออกไปจากห้อง
“ไปกันได้แล้วเดี๋ยวจะไม่ทัน” สุภัทราเอ่ยบอกชเนตตีเมื่อเดินมาถึงห้องรับแขก
“ชุดแม่สวยจังเลยค่ะ” ลูกสาวกล่าวชม แต่คนถูกชมไม่ทันคิดว่า ชเนตตีชมว่าชุดสวยไม่ได้บอกว่านางสวย สุภัทราจึงยิ้มแก้มปริ
“มันแน่นอนอยู่แล้ว ชุดนี้แม่สั่งซื้อมาจากฝรั่งเศสเชียวนะ คอลเลกชันใหม่ล่าสุดด้วย” คนเป็นแม่ได้ทีโอ้อวดให้ชเนตตีฟัง “ไปกันเถอะ แม่จะได้ไปอวดชุดสวยที่บ้านโน้น”
สองแม่ลูกจึงพากันเดินออกจากบ้าน เดินไปตามทางเดินที่ทอดตัวสู่บ้านอีกหลังหนึ่งที่อยู่ในอาณาเขตเดียวกัน
ไม่ใช่เพียงแค่สุภัทรากับชเนตตีที่กำลังจะไปที่บ้านหลังดังกล่าว ครอบครัวจักรบดินทร์ก็พากันเดินไปยังบ้านหลังนั้นด้วย รวมทั้งแขกอีกหลายคนที่ถูกเชิญ
ในวันนี้ของทุกปีบ้านของสิโรจน์จะทำบุญบ้านเพื่อเป็นสิริมงคล และเป็นการทำบุญคล้ายวันเกิดไปในตัว ส่วนตอนเย็นก็จะมีงานเลี้ยงเล็กๆ ในครอบครัวและคนสนิท แน่นอนที่ว่าจะไม่มีสุภัทราและชเนตตีรวมอยู่ด้วย
“ตายแล้ว มากันอีกแล้วเดี๋ยวก็ได้โดนไล่ตะเพิดหรอก” ป้าอุไรเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นสองแม่ลูกกำลังเดินมาทางบ้านของสิโรจน์ที่อาศัยอยู่กับภรรยาน้อย
“ไม่ตงไม่ตายหรอก ก็แค่หน้าแหกหมอไม่รับเย็บหรือไม่ก็หอบความเจ็บช้ำ โกรธแค้นกลับไป” ป้าเนียน แม่บ้านวัยใกล้เคียงกันพูดสวนทันที “คุณรุ่งนี่ก็แปลกนะ รู้ทั้งรู้ว่ามาที่นี่แล้วจะเกิดอะไรขึ้นก็ยังจะมา ไม่สงสารตัวเองไม่ว่าแต่ก็น่าจะสงสารลูกบ้าง”
“เอาเถอะวะ เวรใครเวรมัน กรรมใครๆ ก็รับไป เอ็งกับข้าเป็นแค่คนใช้อย่าไปยุ่งกับเจ้านายเลย ปวดกบาลเปล่าๆ ไปเถอะ ไปทำงานต่อ”
อุไรกับเนียนจึงพากันเดินไปด้านหลังของบ้าน โดยมีสายตาของป้าอุไรเหลียวมองดูร่างเล็กของ ชเนตตีด้วยความสงสารจับใจ
สุภัทราเดินเชิดเข้าไปในบ้านที่เล็กกว่าบ้านของนางไม่มากนัก แต่จะมีความต่างกันคือ นางไม่มีสามีอยู่ร่วมบ้านด้วยแต่บ้านหลังนี้มี พอบุคคลในบ้านเห็นสองแม่ลูกเดินเข้ามาด้านใน สิโรจน์ที่เป็นเจ้าของงานก็ลุกขึ้นเดินไปหาทันที ตามด้วยหทัยชนกที่ลุกขึ้นเดินตามสามี
“คุณรุ่ง คุณมาทำไม” เสียงของสิโรจน์เอ่ยถาม สีหน้าและน้ำเสียงไม่พอใจนักที่เห็นสุภัทรามายืนอยู่ในบ้านของตน
“ก็มางานทำบุญบ้านคุณพี่ยังไงล่ะคะ” สุภัทราตอบพร้อมรอยยิ้ม
“แต่ผมไม่ได้เชิญคุณ” สิโรจน์สวนทันควัน สุภัทราหน้าเจื่อนทันทีแต่ก็ยังฝืนยิ้ม
“ก็ไม่เห็นต้องเชิญเลยนี่คะ รุ่งเป็นเมียคุณพี่ จะมาร่วมงานก็ไม่เห็นแปลก”
สุภัทราหาข้อโต้แย้งที่ทำให้สิโรจน์สะอึกเพราะมันเป็นเรื่องจริง สุภัทราเป็นภรรยาของเขาและเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายด้วย
“คุณรุ่งพาเนยกลับบ้านคุณไปดีกว่า บ้านนี้ไม่ต้อนรับคุณ อย่าให้วันดีๆ ของคุณพี่ต้องกลายเป็นวันแสนเซ็งเลยนะ” หทัยชนกพูดเสียงเรียบแต่เจ็บไปถึงใจสุภัทรา แถมสายตาของผู้พูดก็มีแววเยาะเย้ย
“บ้านนี้ไม่ต้อนรับเมียหลวง แต่ต้อนรับเมียน้อยอย่างเธอใช่ไหม” สุภัทราตอกกลับ “เธอนี่หน้าไร้ยางอายจริงๆ แย่งผัวของฉันไม่พอยังจะมาไล่ฉันออกจากบ้านอีก ฉันต่างหากล่ะที่จะต้องเป็นฝ่ายไล่เมียน้อยอย่างเธอออกไปจากบ้านหลังนี้ แต่เธอคงไม่ไปหรอกฉันรู้ เพราะหน้าเธอมันโปกด้วยปูน หน้าหนา หน้าทนถึงได้หน้าด้านเป็นเมียน้อยฉันไงล่ะ คนดีๆ ไม่ทำกันหรอก”
สุภัทราได้ทีด่าว่าหทัยชนกชุดใหญ่ คนถูกต่อว่าหน้าตาตกใจและดวงตามีน้ำเอ่อคลอ คำพูดของภรรยาหลวงของสามีกระแทกใจเธออย่างจัง มันทำให้ร่างของหทัยชนกชาวาบ โดยเฉพาะใบหน้าที่ชามากเป็นพิเศษ
“หยุดพูดเดี๋ยวนี้นะคุณรุ่ง” สิโรจน์เสียงเขียวใส่ “อย่ามาว่าเมียของผมแบบนี้นะ แล้วก็ออกไปจากบ้านหลังนี้ได้แล้ว ผมไม่ต้อนรับคุณ”
สิโรจน์ไม่ได้พูดปกป้องหทัยชนกเพียงอย่างเดียว เขายังโอบบ่าของภรรยาน้อยอีกด้วย ภาพนั้นทำให้ความเสียใจพุ่งพรวดในใจของสุภัทรา เธอรู้สึกอิจฉาริษยาหทัยชนกที่ได้ครอบครองทั้งร่างกายและหัวใจของสิโรจน์ ไม่เหมือนเธอที่ได้ครอบครองเพียงแค่ทะเบียนสมรสเท่านั้น
“ถ้าแม่นี่เป็นเมียคุณพี่แล้วรุ่งล่ะ รุ่งเป็นอะไร รุ่งก็เป็นเมียของคุณพี่เหมือนกัน แถมยังเป็นเมียที่ถูกต้องตามกฎหมายด้วย ใครกันแน่ที่มีสิทธิ์ยืนอยู่ข้างคุณพี่ แล้วใครสมควรจะออกไปจากบ้านหลังนี้”
สุภัทราพูดเสียงสั่น เธอพยายามเก็บกักน้ำตาที่กำลังรินไหลเต็มที่ ไม่ต้องการให้ใครเห็นความอ่อนแอของตนแม้ว่ามันจะมีมากก็ตาม
สิโรจน์พยายามเก็บความไม่พอใจเต็มที่ เขาไม่ต้องการให้งานบุญวันนี้กลายเป็นงานบาปทำร้ายคนที่ตนเกลียดชัง เขาจึงควบคุมแรงอารมณ์ของตัวเองไว้สุดกำลัง
“กลับบ้านคุณไปคุณรุ่ง ก่อนที่ผมจะหมดความอดทน”
“ไม่กลับ รุ่งมีสิทธิ์ยืนอยู่ในบ้านหลังนี้ มันต่างหากที่ไม่มีสิทธิ์ เป็นคนที่คุณพี่ควรจะไล่มากกว่า”
สุภัทราเสียงแข็งใส่อย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน
หทัยชนกรู้สึกเหมือนกับว่าโลกหมุน ร่างสวยเซไปเซมา สิโรจน์ที่ยืนอยู่ใกล้ที่สุดรีบเข้าไปประคองอย่างเป็นห่วง นำพาความหมั่นไส้มาให้สุภัทราไม่น้อย
“ปิ่น เป็นยังไงบ้าง” เสียงอาทรของสิโรจน์เอ่ยถามภรรยาน้อย
“ปิ่นรู้สึกเวียนหัวค่ะคุณพี่ สงสัยจะเป็นลมค่ะ”
“หมั่นไส้ ทำเป็นอ้อนผัว” สุภัทราพูดพร้อมทำหน้าเบ้ใส่ และภาพนั้นทำให้ต่อมอิจฉาของเธอเพิ่มพูนและทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ การกระทำของสุภัทราอาจจะมาจากการเก็บกดที่อยู่ในใจของเธอเนิ่นนาน “ว้าย!” เสียงอุทานตกใจของวิมล เพื่อนบ้านผู้ร่ำรวยที่ถูกเชิญมางานทำบุญในวันนี้ดังขึ้น เมื่อสุภัทราตรงเข้ามากระชากเส้นผมของหทัยชนก ก่อนจะฟาดมือลงบนใบหน้าของภรรยาน้อยอย่างแรง และไม่เพียงแค่วิมลจะตกใจ ทุกคนที่อยู่ร่วมเหตุการณ์ก็ตกใจตามไปด้วย โดยเฉพาะชเนตตีที่ยืนตัวแข็งทื่อ มองดูการกระทำของมารดาด้วยความตกใจ
“แก นังผู้หญิงสารเลว แย่งผัวของคนอื่น มันก็ต้องเจออย่างนี้ เพี้ยะ” สุภัทราด่าทอ และฟาดมือลงบนแก้มของหทัยชนกที่ไม่คิดจะต่อสู้