ยูถกามาก่อนเวลานัดหมาย เปิดประตูเข้ามาในร้าน มองซ้ายมองขวาไม่เห็นรอยยิ้มกวนๆ ของเจ้าของร้าน รู้สึกโล่งใจ พนักงานหน้าเคาน์เตอร์ทัก ทายด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตร ยูถกายิ้มๆ เดินไปสั่งเครื่องดื่มและชำเลืองมองไปยังตู้ขนม ซึ่งอยู่ข้างๆ แต่แค่เพียงยิ้มยังไม่ได้เลือกขนมอะไร
“พี่เม็ดขนุน อยู่ข้างบนครับ ผมไปตามให้ไหมครับ” พนักงานของร้านยิ้มแป้นทันที เมื่อเห็นยูถกาทำหน้าดุใส่
“บอกเหรอ ว่าอยากเจอน่ะ” ยูถกาบ่นพึมพำ ก่อนจะสั่งเครื่องดื่มแล้วเดินไปหาที่นั่ง พนักงานอมยิ้มมองตามยูถกา และเหลือบมองไปยังชั้นบน ซึ่งเม็ดขนุนคงง่วนอยู่กับงาน
“ลิ้นกับฟัน พบกันทีไร ก็เรื่องใหญ่ ท่าจะได้แฟนซะละมั้ง ลูกพี่เม็ดขนุนของเด่นคุณ”
เม็ดขนุนยังคงวุ่นวายกับการเตรียมรับรองเพื่อน ซึ่งไม่ค่อยได้พบกันบ่อยนัก ส่วนใหญ่จะพูดคุยกันทางโทรศัพท์เสียมากกว่า ในเมื่อเพื่อนสนิทอย่างพุทธชาดจะมาเยี่ยมเยียนถึงร้าน จึงตั้งอกตั้งใจต้อนรับอย่างดี อีกอย่างมีแขกเพิ่มมาด้วยอีกคน
“กาแฟ ครับผม” พนักงานของร้านยิ้มให้ยูถกา
“ขอบคุณจ้ะ”
“ไม่รับขนม หรือครับ”
“สักพักนะ รอเพื่อนก่อน” ยูถกายิ้มกว้างขึ้น เมื่อได้กลิ่นกาแฟหอมๆ
“หลังร้านมีสวนผักขนาดย่อม เผื่อพี่จะชอบ ไปเดินเล่นระหว่างรอเพื่อนก็ได้นะครับ เพลินๆ ดี” พนักงานหนุ่มบอกกับยูถกา ซึ่ง
ขมวดคิ้วทำท่าขบคิดชะเง้อมองผ่านกระจกหน้าต่างด้านหลังเคาน์เตอร์ออกไป
“ไอ้เม็ดหนุน ทำสวนผัก ไม่น่านะ อาจจะใช้ลูกน้องทำมากกว่า” ยูถกานั่งจิบกาแฟอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะลุกเดินออกไปทางด้านหลังร้าน
รอยยิ้มของยูถกาปรากฏให้เห็นเด่นชัด หลังจากเปิดประตูร้านออกมาด้านนอก แทบไม่อยากจะเชื่อสายตา ตอนแรกแอบนึก เมื่อพนักงานพูดถึงเรื่องสวนผักขนาดย่อม คิดว่า น่าจะเป็นแปลงผักกระถางที่ปลูกตามบ้านทั่วๆ ไป แต่ที่นี่กลับจัดวางโดยออกแบบจนเป็นสวนสวยงาม มะเขือเทศต้นเขื่องซึ่งออกผลสีแดงสด ดึงดูดให้ยูถกาเดินเข้าไปหา เด็ดผลหนึ่งกัดกร้วม แล้วก็ยิ้มกับความอร่อย หอม หวาน และสดมาก
“ขออนุญาตก่อนสิ แบบนี้เรียกขโมยนะ ยูววว” เสียงของเม็ดขนุนดังขึ้นทำให้ยูถการีบหันขวับมาทันทีแถมยังนำผลมะเขือเทศที่
เด็ดมานั้นแอบไว้ข้างหลัง
“หวงของ” ยูถการำพึงออกมาเบาๆ
“เปล่าสักหน่อย อร่อยไหม” เม็ดขนุนอมยิ้ม ทำท่าชะเง้อมองไปทาง ด้านหลังของยูถกาที่ทำท่าเบี่ยงตัวไม่ให้เห็นสิ่งที่ถืออยู่
“งั้นๆ แหละ” ยูถกาพูดแล้วแอบยิ้ม เพราะอันที่จริงมะเขือเทศที่เพิ่งได้ลิ้มลองรสชาติไปเมื่อสักครู่นั้นแสนจะอร่อย
“นึกว่าอร่อย จะเก็บใส่กล่องให้ไปกินที่บ้าน จะได้ไม่ต้องมายืนแอบกินอยู่แบบนี้” เม็ดขนุนอมยิ้มมองสบตายูถกา
“จริงดิ มีเยอะขนาดนั้นเลยหรือ” ยูถกาหันไปมอง เห็นมีอยู่เพียงสองสามต้น”
“มี อยู่ด้านข้างโน่น เก็บเองเลยไหมล่ะ อ้อ เวลาไปที่อื่น อย่าไปเด็ดชิมแบบนี้นะ เผื่อเขาฉีดยาฆ่าแมลง” เม็ดขนุนพูดเตือน เดินไปหยิบตะกร้ามายื่นให้ยูถกา
“จะว่า ตะกละ ก็ว่ามาเถอะ” ยูถกาบ่นงึมงำ แต่ก็รับตะกร้ามาถือไว้
“ไม่ต้องว่ามั้ง รู้ๆ อยู่ ว่า ตะกละ” เม็ดขนุนหัวเราะออกมา
“ไอ้บ้า เม็ดหนุน เปิดช่องไม่ได้เลยนะ ไม่กิน ก็ได้” ยูถกายื่นตะกร้าคืนให้
“โอ๋ๆ ล้อเล่นน่า อยากให้อะไรก็เก็บไป แต่เก็บเป็นใช่ไหม”
“ไม่เป็น ไม่ใช่ชาวสวนนะเว๊ย” ยูถกายิ้ม เมื่อได้พูดต่อล่อต่อเถียงด้วย
“อยากได้ผักอะไร เดี๋ยวเราสอนวิธีเก็บให้ เผื่อวันหน้ามาไม่เจอกัน แล้วอยากทานผัก เชิญมาเก็บได้ตามอัธยาศัย” เม็ดขนุนยิ้ม รอยยิ้มสวยๆ ที่ไม่มีความกวนปะปน ทำให้ยูถกานิ่งงันไปชั่วครู่
“ใจดี เหมือนกันแฮะ”
“หูย ใครๆ เขาก็รู้นะ ว่าเราใจดี มีแต่ยูวนั่นแหละ” เม็ดขนุนยิ้ม เก็บมะเขือเทศใส่ตะกร้าที่ยูถกาถืออยู่
“ถามไร หน่อยดิ รู้ได้ไง ว่าเราชื่อ ยูว์” ยูถกาถาม ยืนคิ้วขมวดจ้องมองคนที่กำลังบรรจงเก็บมะเขือเทศใส่ตะกร้าให้อยู่
“บ้า คนบ้าอะไรจะชื่อ ยูว” เม็ดขนุนพูดโดยไม่ได้สนใจคนที่เงื้อมมือตีเข้าให้ที่หลัง
“ฉันนี้ไง ชื่อ ยูว์ ชื่อจริง ยูถกา ไม่ได้บ้าด้วย” ยูถกายืนท้าวสะเอวจ้องมองคนที่กำลังเอามือคลำไปที่หลัง ซึ่งโดนฝ่ามือของเธอไป
เมื่อสักครู่
“เฮ๊ย จริงดิ เราหมายถึง ยู ที่เป็นภาษาอังกฤษ ใครจะคิดล่ะว่า จะชื่อ ยูว์”
“กวนได้ตลอดสิน่า”
“ยังไม่ได้กวนเลยนะ เนี่ย” เม็ดขนุนอมยิ้ม ยืนจ้องมองยูถกาที่หลบสายตา
“กวนตั้งแต่ทักทายแระ ไม่รู้ตัวอะดิ” ยูถกาพูดว่า
“สวัสดี ยินดีที่ได้รู้จัก ยูว์ คุณยูถกา คนยิ้มสวย” เม็ดขนุนยิ้มกว้างขึ้น ยื่นมือไปตรงหน้ายูถกา แสดงท่าทางเป็นการทักทายทำความรู้จัก ยูถกาทำท่าคิด ไม่รู้ว่า ไอ้คนกวนๆ จะมาไม้ไหนอีก หากตัดความกวนออกไป ผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้า ก็ดูเป็นมิตร แถมยังมีน้ำใจ
“สวัสดี ไอ้เม็ดหนุน” ยูถกายิ้มทะเล้น ก่อนที่จะหัวเราะออกมา
“โหย รู้งี้จับส่งตำรวจเสียก็ดี ขโมยกินมะเขือเทศเค้า แล้วยังมาเรียกเค้าไอ้อีก ไม่มีมารยาทนะ ยูว์น่ะ” เม็ดขนุนพูดยิ้มๆ
“ขยับเข้ามาใกล้ๆ หน่อยดิ” ยูถกาพูดขึ้น เม็ดขนุนขมวดคิ้ว มองสบตากับยูถกาที่มีแววตาใสแจ๋ว
“จะตบ หรือไง” เม็ดขนุนถาม
“กลัว อะดิ” ยูถกายิ้มทะเล้น
“มือหนักจะตาย หลังแทบหักนะ เนี่ย” เม็ดขนุนบอก
“ใบไม้ติดผม จะเอาออกให้” ยูถกาขยับเข้าใกล้ น้ำหอมกลิ่นเดิม ทำให้คนที่ยืนนิ่งๆ อยู่รู้สึกสุขใจอย่างบอกไม่ถูก ยูถกามองไปยังใบไม้เล็กๆ ที่อยู่บนศีรษะของคนที่ยืนนิ่งๆ ถึงกับต้องกลั้นหายใจ เมื่อยูถกาขยับเข้ามาอยู่ใกล้มากๆ
“น่ารัก เหมือนกันเนอะ” เม็ดขนุนรำพึงออกมาเบาๆ
“ยิ้มอะไร เดี๋ยวเถอะนะ” ยูถการีบขยับตัวออกห่าง หลังจากได้เห็นรอยยิ้มแปลกๆ ของเม็ดขนุน
“ยิ้มให้คนน่ารัก อะดิ ขอบคุณนะ” เม็ดขนุนยิ้มกว้างขึ้น
“อือ”
“อะ แฮ่ม” เสียงของใครบางคนดังขึ้นจากทางด้านหลัง พุทธชาดยืนดูอยู่สักครู่ ตอนที่สองสาวออกอาการพ่อแง่แม่งอ กวนกันไป กวนกันมาให้เห็น แต่เมื่อเห็นสายตาของเม็ดขนุนที่มองยูถกา ทำให้พุทธชาดยืนอมยิ้มอยู่สักครู่ ก่อนที่จะส่งเสียงออกมาให้ทั้งสองคนรู้ตัว
“หวัดดี คุณพุด” เม็ดขนุนยิ้ม และทักทายพุทธชาด
“หวัดดี เม็ดขนุน มานานหรือยัง ยูว์” พุทธชาดยิ้ม หันไปมองยูถกาที่กำลังยิ้มให้อยู่
“สักครู่แล้ว ไอ้คนนี้กำลังกวนโมโหอยู่เลย” ยูถกาชี้ไปที่เม็ดขนุน
“เฮ๊ยเดี๋ยว อย่าบอกนะว่า ยายคนนี้เป็นเพื่อน คุณพุด” เม็ดขนุนถามเสียงหลง
“ทำไมต้องตกใจด้วยล่ะ ใช่เลย นี่ล่ะ เพื่อนพุดเอง” พุทธชาดยิ้ม เพราะรู้จากยูถกามาก่อนว่า สองคนนี้พูดจาไม่ค่อยเข้าหูกัน แต่จากภาพที่เห็นก่อนหน้านี้ไม่น่าจะเป็นอย่างที่บอก
“ไม่น่าเชื่อ” เม็ดขนุนยิ้มๆ มองสบตากับยูถกาที่ถลึงตาใส่ในทันที
“ที่ไม่น่าเชื่อน่ะ คุณพุดไม่ควรจะเป็นเพื่อนไอ้เม็ดหนุนนี่แหละ” ยูถกาอมยิ้ม
“แหม เวลาอยู่กันตามลำพัง ไม่เห็นต่อปากต่อคำแบบนี้ แต่มองกันแปลกๆ เนอะ”
“เพื่อนคุณพุดน่ะ น่ามองแปลกๆ ปะล่ะ” เม็ดขนุนบอก
“ไปดีกว่า ขี้เกียจจะทะเลาะ ไปเถอะ คุณพุด” ยูถกาบอกกับพุทธชาด
“เฮ๊ย อยู่ช่วยเขาเก็บมะเขือเทศก่อนไหม” พุทธชาดยิ้มทะเล้นให้ยูถกา
“คุณพุด อ๊ะ” ยูถกาพูดด้วยน้ำเสียงงอนๆ
“ไปเถอะ เดี๋ยวเราเก็บให้ คุณพุดไปหาอะไรดื่มก่อน ถ้าอาหารพร้อมเดี๋ยวเราไปตามนะ กินข้าวด้วยกันปะ ยูว์” เม็ดขนุนทิ้งท้ายพูดแหย่ยูถกา
“คงอร่อยตายล่ะ ไม่กิน” พูดจบ ก็รีบดึงพุทธชาดให้เดินตามกลับเข้าไปในร้าน เม็ดขนุนมองตามพร้อมด้วยรอยยิ้ม
“ยายตัวแสบเอ๊ย” เม็ดขนุนรำพึงออกมา แต่แอบนึกถึงความน่ารักของคนที่ช่วยนำใบไม้เล็กๆ ออกจากเส้นผมให้ ใบไม้ใบนั้นยังอยู่ในมือ เม็ดขนุนนำมาใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อ
ยูถกานั่งยิ้มเหม่ออยู่บ้างครั้ง ถึงแม้จะมีพุทธชาดนั่งอยู่ด้วยฝั่งตรงข้าม ถอนใจเบาๆ ขณะจิบกาแฟที่เย็นชืด
“แก้วใหม่ ดีกว่าครับ” พนักงานของร้านเดินมายืนยิ้มแป้นอยู่ข้างๆ หลังจากวางถ้วยกาแฟหนึ่งถ้วยให้พุทธชาด และอีกถ้วยสำหรับยูถกา
“ไม่ล่ะ ขอบคุณนะ” ยูถกาบอก
“ขอบใจ นายเด่น สบายดีนะ เรา” พุทธชาดทักทายพนักงานของร้าน
“สบายดีครับ คุณพี่พุด”
“ขอบใจนะ นายเด่น” ยูถกายิ้มให้กับชายหนุ่มที่เป็นพนักงานของร้าน
“ยินดีครับ เอาแก้วที่ถืออยู่ คืนให้ผมดีกว่านะครับ เดี๋ยวพี่เม็ดขนุน ตืบเอา” เด่นคุณยิ้มทะเล้น แสดงอาการกลัวออกมาให้เห็น ทำเอาทั้งยูถกา และพุทธชาดหัวเราะกับท่าทางทะเล้นๆ นั้น
“เดี๋ยวมาได้ยินเข้า จะโดนตืบเข้าจริงๆ ขอบใจนะ เด่น มีอะไรให้พี่ช่วยบอกได้นะ ไม่ต้องเกรงใจ” พุทธชาดบอก เด่นคุณจึงพนมมือไหว้
“ขอบพระคุณมากครับ พ่อกับแม่ยังถามถึงคุณพี่พุดกับคุณพี่รักอยู่เสมอเลยครับ”
“ท่านแข็งแรงดีแล้ว พี่ก็ดีใจด้วย มีอะไรก็บอกกันนะ”
“ครับผม”
“มีอะไรกัน หรือ คุณพุด” ยูถกาถาม
“นายเด่น มาสมัครงาน ตอนเม็ดขนุนเปิดร้านใหม่ๆ เก็บเงินเรียนต่อมหาวิทยาลัย” พุทธชาดเล่า
“แล้วไง”
“ไอ้เม็ดหนุน ให้ทุนน่ะสิ” พุทธชาดยิ้ม
“โห เชื่อได้ปะ เนี่ย” ยูถกาแสร้งพูด หันไปมองดูชายหนุ่มรุ่นน้อง ซึ่งยังง่วนอยู่กับการเตรียมเครื่องดื่มสำหรับลูกค้า
“มีอยู่ช่วงหนึ่ง พ่อกับแม่ของนายเด่น ป่วยพร้อมกัน พุดกับคุณรักรู้เข้า เลยช่วยเหลือน้องไปเรื่องค่ารักษาพยาบาล เวลาเจอกันที
ไร นายเด่นก็จะขอบคุณทุกครั้ง ทั้งที่มันก็ผ่านมาสองสามปีได้แล้วมั้ง” พุทธชาดยิ้ม นึกถึงความน่ารักของชายหนุ่มที่น้ำตาคลอเป้า เมื่อ
ครั้งที่พุทธชาดกับรักษาเอ่ยปากจะช่วยเรื่องค่ารักษาพยาบาล
“คุณพุดกับคุณรักช่วย ไม่เห็นน่าแปลกใจ แต่ไอ้คุณเม็ดหนุนให้ทุนนี่สิ รวยนักหรือไง เรียนมหาวิทยาลัยเทอมนึง ไม่ใช่ถูกๆ นะ” ยูถกาพูด แต่ในใจไม่ได้รู้สึกแปลกใจอย่างที่พูด เพราะดูจากการดูแลเอาใจใส่ลูกน้อง เม็ดขนุนดูแลเหมือนดั่งเป็นญาติ สังเกตเห็นได้ตั้งแต่
ครั้งแรกที่มาที่ร้านแห่งนี้
“เม็ดขนุน ช่วยเหลืออีกหลายเรื่อง สอนงาน สอนหนังสือ ช่วยติว ดุ ด่าว่ากล่าว ดูแลเหมือนน้องชายเลยล่ะ นายเด่นเลยไม่ไปไหน ยังคงช่วยงานที่ร้านทั้งๆ ที่เรียนจบแล้ว มีโอกาสหางานดีๆ ตั้งมาก” พุทธชาดบอก
“น่ารักดีนะ นายเด่น เอาใจใส่ดูแลลูกค้า เรารู้สึกได้ตั้งแต่วันแรกที่มาที่ร้านนี้เลยล่ะ” ยูถกายิ้มให้กับชายหนุ่มที่เห็นเธอยิ้มให้ แล้วยิ้มตอบ
“ไอ้เม็ดขนุนของยูว์น่ะ เป็นคนดีมากนะ” พุทธชาดหัวเราะเล็กๆ เมื่อเห็นยูถกาทำหน้างอ
“อย่าเรียก ไอ้เม็ดหนุนของยูว์ อีกนะ ไม่งั้นโกรธจริงๆ ด้วย”
“เหรอ เห็นมองสบตากันอยู่ สายตาที่เม็ดขนุนมองยูว์นะ ไม่รู้สึกแปลกบ้างเลยหรือจ๊ะ” พุทธชาดยิ้ม เมื่อเห็นเพื่อนเริ่มแก้มแดง
“ไม่เห็นรู้สึกอะไรนี่” ยูถกาพูด แต่ไม่มองสบตากับพุทธชาด
“ถ้ามีบอกด้วยก็แล้วกัน เพื่อนจะเป็นกองเชียร์ รับรองได้ไม่ผิดหวัง”
“กวนได้โล่ ขนาดนั้น เจอกันแต่ละที ต้องให้ลงไม้ลงมือ” ยูถกานึกถึงอ้อมกอดของเม็ดขนุน เมื่อวันก่อนที่ทำให้รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
“แต่ก็น่ารัก ใช่ปะล่ะ” พุทธชาดถามขึ้น หลังจากเห็นเม็ดขนุนเดินมาหยุดยืนอยู่ด้านหลังยูถกา
“มีบ้าง ไอ้ความน่ารักน่ะ แต่”
“ไม่มีแต่สิ ชมแล้ว ชมเลยเนอะ” เม็ดขนุนพูดขัดขึ้นก่อน ยูถการีบหันไปตามเสียงที่ได้ยิน
“ไม่มีมารยาท มายืนแอบฟังคนอื่นคุย” ยูถการีบพูดดุในทันที
“ดีใจนะ ที่เห็นความน่ารักอันน้อยนิดของเรา ปะ อาหารพร้อมแล้ว ล่ะ จะได้คุยงานกันด้วย อีกคนเค้าไม่อยากกิน ก็ปล่อยให้นั่ง
ทอดหุ่ยอยู่ตรงนี้แหละเนอะ”
“น่ะ เห็นมะ กวนจะตาย” ยูถกาฟ้องพุทธชาด
“ลองพูดหวานๆ ดูสิ ไม่หลงรักนะ พุดยอมเลี้ยงข้าวยูว์ ทั้งชีวิตเลย” พุทธชาดยิ้มให้กับเม็ดขนุนที่ยืนยิ้มอยู่ข้างๆ
“สบายล่ะ ได้กินฟรีตลอดชีพ”
“เห็นแก่กินตลอด ต่อปากต่อคำอย่างนี้ล่ะ ดีแล้ว อย่ามาคะขาใส่เลย รับไม่ค่อยได้ ไม่เข้ากับหน้าตาของยูววววว ไปเถอะ คุณพุด กินข้าวกันดีกว่า” เม็ดขนุนพูดจบรีบเดินลิ่วๆ นำหน้าไปก่อน