“หวัดดี ยูว์” เสียงคนที่โทรศัพท์เข้ามาหายูถกาพูดขึ้นก่อน ซึ่งทำให้คนที่รับสายยิ้มแก้มปริ
“หวัดดี คิดถึงจะแย่ หายไปเลยนะ คุณพุด” ยูถกายิ้มด้วยความคิดถึง
“ปากหวานนะ คิดถึงเหมือนกัน” พุทธชาดบอกกับเพื่อนรักของเธอ ซึ่งเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม
“มีคุณรัก คุณพุดลืมเพื่อนฝูง รู้ตัวบ้างไหม” ยูถกายิ้มๆ หลังจากต่อว่าคนที่คงยิ้มอยู่ปลายสายเช่นกัน
“บ้าหรืออย่างไรกันจ๊ะ ยูว์นั่นแหละ ไม่เห็นจะว่างเลย ทำหนังสั้นประกวดที่โน่นที่นี่ พักหลังยังเขียนหนังสืออีก ไม่เหนื่อยบ้างหรือ
อย่างไร เมื่อวันก่อนได้ยินมาว่า ไปเดินแบบงานการกุศลไม่ใช่ หรือ” พุทธชาดยิ้มๆ กับภาพข่าวที่ได้เห็น
“เหนื่อยและเบื่อด้วย ไม่รู้เป็นอะไร คิดอะไรไม่ค่อยออก จินตนาการหลบไปเที่ยวไหนกันหมดไม่รู้เหมือนกัน ส่วนไอ้เรื่องเดินแบบ นึกถึงแล้วเคือง” ยูถกานึกถึงคนที่ต่อว่าเธอเรื่องชุดที่ใส่เมื่อวันก่อน
“อย่าเคืองสิ บาป งานการกุศลนะ ยูว์” พุทธชาดพูดดุยูถกา
“ฮัลโหล สาวสวย คิดถึงนะคะ มาทานข้าวที่ร้านไหม” รักษาเป็นคนรักของพุทธชาดทักทายยูถกา ซึ่งรู้จักกันมานานพอสมควร ใน
ฐานะเพื่อนสนิทอีกหนึ่งคนของคนรัก
“ฝากบอกคุณรักด้วยนะ ว่าคิดถึง คิดถึงอาหารอร่อยๆ” ยูถกาบอก
“เสียใจแย่เลย บ่นถึง ยูว์ อยู่บ่อยๆ ว่าหายไปนานมาก”
“เหรอ เอ๊ะหรือจะตกหลุมรัก สาวเรื่อยเปื่อยอย่างยูถกาเข้าให้แล้ว”
“เชอะ อย่าได้หวัง ว่าจะได้แอ้ม ข้ามศพพุดไปก่อนเถอะ”
“ไม่เอาหรอก เก็บเพื่อนรักไว้เป็นที่ปรึกษา เอาไว้กอด เอาไว้คิดถึงน่ะ ดีแล้ว อีกอย่างคุณรักษาของคุณพุดน่ะ สำอางมากค่ะ ขอบอกคนอะไรจะเนียบได้ขนาดนั้น แต่ก็นะทำอาหารคงต้องเนียบนิ้งไว้ก่อน” ยูถกายิ้มๆ เมื่อนึกถึงรักษาที่สุภาพเรียบร้อย สะอาดสะอ้าน ทำให้ภาพของใครบางคน ซึ่งมอมแมม ผุดขึ้นมาในความคิด
“เฮ๊ย นัดเจอกันหน่อยสิ จะได้เม้ากัน ได้เห็นหน้าเห็นตาด้วย”
“ได้สิ ช่วงนี้ว่างๆ อยู่ ช่วงคิดอะไรไม่ค่อยออก ว่าจะหาข้อมูลเขียนหนังสือสักเล่ม” ยูถกาบอกกับพุทธชาด
“นิยายสิ ขายดิบขายดี เผื่อซื้อไปทำละคร รวยไม่รู้เรื่อง” พุทธชาดยิ้ม คิดว่า เพื่อนคงทำหน้าบูดบึ้งอยู่แน่ๆ
“แซวกัน ใช่ไหม ให้เขียนนิยาย”
“ไม่ได้แซว เอาจริง เป็นทางเลือกหนึ่ง” พุทธชาดเสนอความคิด
“อืม ว่าไปก็เหมือนทำหนังสั้นเนอะ ขยายเรื่อง ใส่อะไรไปเยอะๆ ผ่านตัวหนังสือ อาจจะน่าสนใจ เอาไว้จะไปคิดดู ว่าแต่สะดวกเมื่อ
ไหร่ เจอกันที่ไหนดี” ยูถกายิ้มกว้างขึ้น ดีใจที่จะได้พบกับเพื่อน ซึ่งไม่ได้เจอกันนานแล้ว
“ร้านอุ่นใจ ถนนพระอาทิตย์” พุทธชาดบอกชื่อร้าน
“งาน เข้า” ยูถการำพึงออกมา
“งานอะไร เข้าจ๊ะ”
“ไม่ชอบ ขี้หน้าเจ้าของร้านอะดิ เปลี่ยนร้านได้ไหมล่ะ คุณพุด” ยูถกาบ่นงึมงำ จนทำให้พุทธชาดยิ้ม นึกถึงเม็ดขนุนเจ้าของร้านขึ้นมา
“ไอ้เม็ดขนุน เขวี้ยงลูกกวนใส่ล่ะสิ” พุทธชาดหัวเราะ
“เฮ๊ย รู้จักไอ้จอมกวนนั่นด้วยหรือ” ยูถการู้สึกแปลกใจ ไม่คิดว่าไอ้คนกวนๆ อย่างนั้น จะเป็นเพื่อนหรือรู้จักกับพุทธชาด
“อือ เป็นเพื่อนกันมาตั้งนานแล้ว เคยทำงานด้วยกัน เม็ดขนุนน่ารักจะตายไป อืมแต่ทำไมถึงได้” พุทธชาดไม่ได้พูดต่อ
“ร้านอื่น หลังจากนั้นก็ได้ เบื่อไปลับฝีปากกับไอ้เม็ดหนุน” ยูถกาบอก เสียงหัวเราะของพุทธชาดดังลั่น เมื่อได้ยินยูถกา เรียกชื่อเพื่อนว่า ไอ้เม็ดหนุน
“ไอ้บ้า ยูว์ ทำไมเรียกชื่อ เขาแบบนั้น” พุทธชาดอมยิ้ม หันไปทางรักษาซึ่งยิ้มๆ เมื่อได้ยินคนรักหัวเราะเสียงดังลั่น
“เหมาะแล้วล่ะ นะ คุณพุดนะ เจอเราหลังจากร้านนั้นเถอะ”
“ร้านไอ้เม็ดหนุน นั่นแหละ ดีแล้ว นั่งนาน เจ้าของร้านไม่ไล่ด้วยนะ อีกอย่างทำขนมโคตรอร่อย ไม่รู้มันกินอะไรมาตอนเด็กๆ ทำโน่นทำนี่ได้ดีไปเสียทุกเรื่อง แม้แต่การเป็นช่างสัก ลูกค้าตรึมเลย” พุทธชาดเล่าด้วยความภาค ภูมิใจในตัวเพื่อนของเธออีกคน
“ไม่เห็นจะได้เรื่องสักอย่าง ขี้งกอีกต่างหาก ขนมปังก้อนเดียวยังทวงคืน ไม่อยากเชื่อเลยนะ ว่าเป็นเพื่อนกับคุณพุดด้วย” ยูถกาบ่นพึมพำ
“พรุ่งนี้ บ่ายสาม นะจ๊ะ ยูถกาคนน่ารัก”
“มัดมือชก เบี้ยวได้ใช่ไหม” ยูถกาถาม
“ใจร้าย ไม่คิดถึงพุดเหรอ นะ รับรอง จะเอาตะกร้อครอบปากไอ้เม็ดหนุนให้ นะ ยูว์ นะ” พุทธชาดพูดอ้อน เดินไปโอบเอวรักษาที่โอบไหล่คนรักเอาไว้พร้อมด้วยรอยยิ้ม
“งั้น เราซื้อตะกร้อไปเอง อันที่จริง ไม่ควรจะหนีสินะ ปากหมานมาเราก็ปากดีกลับไป” ยูถกาหัวเราะออกมา
“ชักจะยังไงๆ นะ ยูว์” เสียงของรักษาดังขึ้น
“ไม่ยังไงค่ะ กวนเหลือเกิน คุณรักบอกคุณพุดอยู่ห่างๆ หน่อยเถอะ เดี๋ยวติดเชื้อมาจะแย่” ยูถกาบอกกับรักษาที่หัวเราะ เมื่อได้ยิน
“กวนใจ หรือ กวนโมโห ถ้าอันหลังไม่น่าห่วง ถ้าอันแรกระวังหน่อย เพราะไอ้เม็ดหนุนของ ยูว์ น่ะ เสน่ห์เหลือร้ายเลยนะ ขอบอก” พุทธชาดยิ้มๆ เมื่อนึกถึงเม็ดขนุนที่มีทั้งหนุ่มทั้งสาว ล้อมหน้าล้อมหลังอยู่ตลอด
“มีรอยสักด้วย แถมก๊วนกวน อยู่ให้ไกลดีกว่านะ แค่นึกว่าต้องเจอก็โมโหล่วงหน้าแล้วล่ะ ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะ คุณพุด ไปด้วยกันนะคะ คุณรัก คิดถึงจะแย่แล้ว จะได้ขอกอดสักที ให้คุณพุดหลับตาไม่เห็นหรอกว่า เรากอดกันแน่นขนาดไหน” ยูถกาหัวเราะที่ได้พูดแหย่ทั้งพุทธชาดและรักษา
“อย่ามาลวนลามแฟนเพื่อน ด้วยคำพูดนะ ไม่อย่างนั้นจะให้เม็ดหนุน จัดการจริงๆ นะ” พุทธชาดยิ้ม
“อี๋ ไม่มีกลัว ขอบอก เจอกันจ๊ะ คุณพุด บายค่ะ คุณรัก”
“บายค่ะ” รักษายิ้มๆ เมื่อนึกถึงเรื่องของเม็ดขนุนกับยูถกา
“นึกแล้วขำนะคะ ไม่รู้ไปกวนกันอีท่าไหน” พุทธชาดบอกรักษา
“คงมีประเด็น ไปถามเม็ดขนุนน่าจะง่ายกว่า ยูว์น่ะ ท่าทางจะเคืองเอามากเอามาย คงแหย่ๆ กัน กวนๆ กัน ไม่ได้ทะเลาะกัน ไม่น่าห่วงอะไรนัก” รักษาบอก
“ไปด้วยกันไหมคะ ไปเยี่ยมเม็ดขนุนด้วย”
“ต้องเฝ้าร้านค่ะ เอาเป็นว่า ถ้าอยู่จนค่ำ รักจะตามไปนะ” รักษาจูบเล็กๆ ที่แก้มของพุทธชาด
“เป็นห่วงล่ะสิ ใช่หรือเปล่า” พุทธชาดยิ้มทะเล้นให้รักษา
“คุณพุด เป็นดวงใจของรักนี่นา ห่วงสิ ห่วงมาก ยังไง รักจะโทรฯ ไปก่อนนะคะ” รักษายิ้มมองสบตากับคนที่มีดวงตาสวยใส
ยูถกาเลือกเข้ามานั่งในร้านกาแฟแห่งหนึ่ง ไม่ห่างจากที่เพิ่งนัดคุยกัน เรื่องงานมากนัก ด้วยความที่เป็นคนอยู่นิ่งมากไม่ได้ หากมีงานอะไรที่สนใจ ก็ไม่เกี่ยงงาน เพราะหลังจากเดินแบบให้งานแฟชั่นโชว์การกุศลไปเมื่อวันก่อน ทำให้ได้รับการติดต่อเรื่องงานเดินแบบอีก มีโอกาสได้คุยกับทีมงานของห้องเสื้อชื่อดัง แต่เป็นเพียงการพูดคุยรายละเอียดกว้างๆ เหมือนเป็นการเชื้อเชิญในทำนองหยั่งเชิงว่า สนใจงานด้านนี้หรือไม่
“ทำไม เห็นแต่รอยสักนะ” ยูถการำพึงออกมาเบาๆ เมื่อหันไปพบรอยสักที่ข้อมือของหญิงสาวหน้าตาดีคนหนึ่ง
“คิดถึง เค้าอะดิ” เม็ดขนุนทำหน้าแป้นแล้น ยื่นหน้ายื่นตาให้ยูถกาที่แทบจะช็อก เมื่อได้เห็นหน้าของคนที่เหมือนจะเป็นคู่อริ
“โอ๊ย ฝันอยู่ใช่ไหมช้านนนนน แป๊บนะ ขอตื่นจากฝันก่อน”
“ไม่เจอกันแป๊บเดียว ต้องส่งแผนกจิตเวชเลยหรือเปล่า” เม็ดขนุนพูดแหย่คนที่ทำหน้าบึ้ง จ้องเขม็งอยู่
“ไอ้บ้า เม็ดหนุน” ยูถกาอยากจะต่อยหน้าคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
“โห คนสวย ญาติดีกันสักสิบนาทีก็ได้นะ รอแป๊บนึง” เม็ดขนุนเดินไปได้สักครู่ กลับมาพร้อมชากลิ่นหอมสองแก้ว ยื่นแก้วหนึ่งให้ยูถกา
“ไม่กิน” ยูถกาบอก หลังจากเม็ดขนุนวางถ้วยชาลงตรงหน้า
“ปวดใจเลยนะ ดื่มเถอะ รับรองอารมณ์จะดีขึ้น” เม็ดขนุนยิ้มให้ไม่ได้ทำหน้าทะเล้นเหมือนเมื่อสักครู่ ยูถกามองดูแววตาที่นิ่งๆ แต่แฝงไว้ด้วยความคมคาย ลักษณะดูเป็นคนฉลาด แต่ทำไมชอบกวนโมโห” ยูถกาคิด
“สงสาร กลัวปวดใจ แต่เดี๋ยว มาทำดีแบบนี้ ไม่ได้ใส่อะไรลงไปใช่ไหม” ยูถกาถามเสียงเข้ม หยุดชะงักถาม ก่อนที่จะดื่มชา
“ถ้าคิดว่ายาเสน่ห์ล่ะก็ ไม่ต้องคิดนะ มองอย่างไรก็ไม่ใช่ แต่วันนี้ไม่ค่อยเนียบนะ ยูวววววน่ะ” เม็ดขนุนมองดูเสื้อผ้าแล้วอมยิ้ม จิบชาและพยักหน้าให้ยูถกาจิบชาด้วยเช่นกัน
“ตกลงจะเอาไง เวลาเนียบ ก็หาว่าบ้า เวลาไม่เนียบ ก็ยังว่าอีก”
“จิบชาก่อน จะได้ใจร่มๆ มาดีนะ วันนี้น่ะ” เม็ดขนุนยิ้ม หลังจากยูถกาเริ่มดื่มชาและยิ้มๆ น้อย ชานั้นมีกลิ่นหอม ดื่มแล้วทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้น ชากลิ่นพีชมีกลิ่นหอมมาก ยูถกาเงียบไปและค่อยๆ จิบชาอีกสองสามครั้ง
“หอมดี เนอะ” ยูถกามองสบตากับเม็ดขนุนที่ยิ้มกว้างขึ้น
“อารมณ์ดียังงงงงง” เม็ดขนุนหัวเราะเล็กๆ เมื่อเห็นยูถกาถลึงตาใส่
“เดี๋ยวสาดด้วยชาร้อนๆ นี่เลย จะกวนอะไรนักหนา ถ้าจะกวนช่วยไปไกลๆ เลย กำลังคิดอะไรเพลินๆ เจอทีไรพาให้อารมณ์เสียตลอด” ยูถกาบ่น
“หูย สวย ดุ แต่ยังไม่เผ็ด” เม็ดขนุนยิ้ม
“ชักรำคาญ ไปดีกว่า มลพิษเยอะ” ยูถกาพูดขึ้น และทำท่าจะลุกไปจากโต๊ะ
“เดี๋ยวสิ ตัวเอ๊ง เอางี้ จะเลี้ยงก๋วยเตี๋ยว สัญญาว่าจะไม่กวนด้วย นะ” ยูถกาจ้องมองด้วยความแปลกใจ ไม่รู้ว่า ไอ้จอมกวนจะมาไม้ไหน
“จะมา ไม้ไหนอีกล่ะ”
“ไม่มีไม้ มาแบบซื่อๆ เลยนะ ก๋วยเตี๋ยวอร่อยนะเออ หิวยังล่ะ”
“คิดว่า เห็นแก่กินนักหรือไง เมื่อวันก่อน ก็ว่าเรื่องขนมปังทีแล้ว”
“เปล๊า ไม่ได้คิดเลยนะ แต่เหมือนอ่านใจออก” เม็ดขนุนหัวเราะ
“ไอ้เม็ดหนุน” ยูถกาถือโอกาสเขกหัวของเม็ดขนุนที่ร้องเสียงลั่น
“ผู้หญิง เขกศีรษะ เขาว่า ผู้หญิงจะรัก ผู้หญิงจะหลง” เม็ดขนุนอมยิ้ม