ตอนที่ 2

1999 Words
ยูถกาเดินไปเรื่อยๆ เข้าไปดูมหาวิทยาลัยที่ไม่ได้มาหลายปีแล้ว หลัง จากจบการศึกษาไป อาคารส่วนใหญ่สีจางและดูซีด แต่ดูขลังในความรู้สึกของเธอ ซึ่งชอบความมีสีสัน ถึงแม้จะซีดจางไปบ้าง เพราะบ่งบอกถึงกาลเวลาที่ผ่านไปในแต่ละยุคสมัย ยิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นนักศึกษาเดินผ่านไปมา แอบนึกถึงตัวเองสมัยที่ศึกษาอยู่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ อาการหน้านิ่วคิ้วขมวด เมื่อเวลาทำงานไม่ทัน รวมถึงช่วงเวลาที่ต้องอ่านหนังสือสอบ สิ่งเหล่า นั้นยังคงอยู่ในความทรงจำอย่างครบถ้วน ถึงแม้จะผ่านมาร่วมสิบปีแล้วก็ตาม “ป๊อดว๊ะ ไหนว่า จะสักเป็นเพื่อนกันไง” เสียงนักศึกษาสาวคนหนึ่งที่เดินสวนมาพูดกับเพื่อนที่เดินมาด้วย “เจ็บจะตายห่า สวยก็สวยอยู่ แต่กว่าจะสักเสร็จ เจ็บตายห่าเลยนะ เว๊ย” เสียงนักศึกษาสาวอีกคนพูดขึ้น ยูถกามองไปที่แขนและข้อมือ ไม่พบรอยสักแต่อย่างใด ส่ายหน้ากับความคิดของเด็กสมัยนี้ที่รู้สึกว่า ตัวเองมีเอกลักษณ์หากมีรอยสักเก๋ๆ อยู่บนร่างกาย “ลังเล งั้นไปกินขนมก่อน ค่อยว่ากัน” “ขนม” ได้ยินเรื่องขนม ทำให้ยูถการู้สึกหิวขึ้นมาทันที ยิ้มๆ นึกถึงขนมที่หนุ่มน้อยให้มา ซึ่งยังอยู่ในกระเป๋าถือ ร้านกาแฟเล็กๆ ตั้งอยู่บริเวณถนนพระอาทิตย์ เป็นย่านที่มีชาวต่าง ชาติ ซึ่งเดินทางมาท่องเที่ยว พักอาศัยอยู่จำนวนมาก จึงมี ร้านรวงอยู่มากพอสมควร ส่วนใหญ่เป็นร้านอาหารกึ่งร้านนั่งดื่มจำพวกแอลกอฮอล์เสียเป็นส่วนใหญ่ ยูถกาชะลอรถและหาที่จอด มองดูในร้านซึ่งมีคนไม่มากนัก บรรยากาศคล้ายๆ ร้านกาแฟโบราณสมัยเด็ก บิดามักพาไปด้วยในตอนเช้า ซึ่งได้สร้างความเบื่อหน่ายให้เสมอ เพราะส่วนใหญ่ ผู้ใหญ่จะคุยกันเรื่องมวย เรื่องกีฬา เรื่องข่าวสารบ้านเมือง สิ่งที่ดีสุด และดึงดูดที่สุด น่าจะเป็นโอวัลตินเย็นกับปาท่องโก๋แสนอร่อย นึกถึงขึ้นมาความหิวก็ทวีหนักขึ้นกว่าเดิม ภายในร้านเปิดแอร์เย็นฉ่ำ ยูถกายิ้มเมื่อเห็นนักศึกษาสองคน ซึ่งเดินสวนกับเธอและพูดคุยกันเรื่องรอยสัก ในตอนนี้มานั่งอยู่ที่โต๊ะติดๆ กัน มีหวังคงต้องฟังเรื่องรอยสักต่อ ยูถกาคิด ยิ้มๆ มองเมนูอาหารที่อยู่บนแผ่นกระดานเป็นแนวยาวด้านหลัง ซึ่งเป็นแผ่นไม้คล้ายๆ กระดานชนวน และตัวหนังสือถูกเขียนด้วยชอล์คหลากสี ดูคลาสิค เพราะสีจากชอล์คทำให้นึกถึงโรงเรียนประถม จนกระทั่งมัธยม แต่ส่วนใหญ่ครูจะใช้สีขาว ยูถกามองไปที่ตู้ขนม ซึ่งมีขนมปังและขนมเค้กหลากหลายชนิด แต่สายตาก็ปะทะเข้ากับขนมปังก้อนกลมๆ ซึ่งมีรูปร่างหน้าตาคล้ายๆ ขนมปังที่อยู่ในกระเป๋าไม่มีผิด “เฮ๊ย” ยูถกาเดินไปที่ตู้ขนม พนักงานยิ้มให้ “รับอะไรดีครับ” ยูถกาเงยหน้า มองดูขนมที่อยู่ในมือ และมองดูขนมที่อยู่ในตู้นั้นอีกครั้ง “ขอเป็นช็อกโกแลตร้อนค่ะ ขนมปังนี่” ยูถกาชูขนมปังที่ตัวเองถืออยู่ “ที่ถืออยู่ไส้สังขยาครับ ก้อนจะกลมมากหน่อย ส่วนไอ้ที่เบี้ยวนิดนึง ตามอารมณ์คนทำไส้เผือกครับ ท้ายสุดม้วนๆ เป็นรูปก้นหอยนั่นไส้ฟักทองครับ อันสุดท้ายผมแนะนำ รับรองได้ว่า ถ้าไม่ติดใจ ผมให้ทานฟรีเลย” พนักงานของ ร้านบอกกับยูถกา ซึ่งพยักหน้า และเดินไปรอเครื่องดื่มที่เคาน์เตอร์ “มั่นใจมาก ท่าทางจะได้ทานของฟรีนะ” ยูถกาพูดขึ้นลอยๆ “ตะกละนะ ในมือก็มี ยังจะมากินฟรีอีก” เสียงของเม็ดขนุนดังขึ้นทำเอายูถกาสะดุ้งเล็กน้อย แทบไม่อยากจะหันไปมองเอาเสียเลย “ปากน่ะ อมหมาไว้เยอะหรือไง” ยูถกาพูดว่า พนักงานของร้านได้ยินเข้าก็หัวเราะ มองสบตากับคนที่เพิ่งเดินเข้ามา “เออ อมไว้ แล้วจะทำไมล่ะ” เม็ดขนุนพูดจากวนต่อ “คายๆ มาบ้างก็ได้ จะได้พูดจาดีๆ ถามจริง เคยพูดดีๆ กับคนอื่นบ้างไหมเนี่ย” ยูถกาถาม “ต้องเลือกคนดิ ถ้าพูดจาดีๆ ก็พูดดีด้วย ถามตัวเองดิ ว่าน่าพูดดีด้วยหรือเปล่า” เม็ดขนุนเดินไปด้านหลังเคาน์เตอร์ และทำหน้าที่แทนพนักงานคนเดิมที่ยืนอยู่ ซึ่งกำลังขยับไปอีกทาง “อารมณ์ เสีย” ยูถกาสบถ และทำหน้างอ มองดูเม็ดขนุนที่ยื่นถ้วย ช็อกโกแลตร้อนให้ “ได้แล้ว ขนมน่ะ กินหมดหรือ” เม็ดขนุนมองดูขนมที่พนักงานของร้านจัดใส่จานให้ยูถกา “คิดเงินเร็วๆ ขี้เกียจ จะพูดด้วย” ยูถกาพูดด้วยน้ำเสียงรำคาญ แต่เม็ดขนุนกลับยิ้ม เมื่อเห็นคนที่ยืนอยู่ทำหน้ายุ่ง เม็ดขนุนมองดูคนที่เดินไปนั่งที่โต๊ะ ใบหน้ายังคงยุ่งอยู่ เห็นแล้วอดที่จะขำไม่ได้ พนักงานมองดูเจ้าของร้าน ซึ่งยิ้มแปลกๆ ไม่เคยเห็นต่อล้อต่อเถียงกับใครแบบนี้มาก่อน โดยเฉพาะลูกค้า “เขาไม่ด่าให้ ก็บุญแล้วนะ พี่” พนักงานยิ้มๆ มองดูเจ้าของร้านที่หันมายิ้มให้อยู่ “ด่า ก็ช่างสิ” “เอ๊า ลูกค้านะ นั่น” “รู้ว่า ลูกค้า แต่เชื่อปะ ใส่ชุดนี้ไปนั่งเล่นที่สนามหลวง บ้าปะว๊ะ” “อาจจะไปทำงานมา ผ่านแถวสนามหลวง เลยแวะ เอ๊ะ แต่เดี๋ยว เจอกันมาก่อนหน้านี้แล้วสิ ถึงได้กวนกัน เหมือนไม่ชอบหน้ากัน ขนาดนี้” “เออ หมั่นไส้ แต่งตัวเหมือนหลุดมาจากนิตยสาร แถมยังทำเป็นรักเด็ก” เม็ดขนุนพูดไป ทำงานไป จัดเตรียมเครื่องดื่มตามรายการที่ได้รับมา “ระวังนะครับ ไอ้แบบไม่ชอบหน้ากันนี่แหละ สักวันจะไปตกหลุมรักเข้า สาวเจ้าจะไม่แล” พนักงานพูดจบ รีบหยิบจาน ซึ่งมีขนม ปังที่ยูถกาสั่งไว้ ไปส่ง ก่อนที่จะโดนเขกหัว เพราะเม็ดขนุนเงื้อมมมือขึ้นแล้ว “มีดีที่สวย” เม็ดขนุนพูดยิ้มๆ สองสาวนักศึกษา ซึ่งก่อนหน้าคุยกันเรื่องรอยสัก หลังจากตกลงกันได้ จึงลุกไปหาเจ้าของร้านที่ยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ยูถกา เหลือบมองเล็กน้อย แต่ไม่อยากให้เม็ดขนุนเห็น จึงใช้วิธีการแอบมอง และแอบฟังการสนทนา ซึ่งพอจะได้ยินอยู่บ้าง “น้องคะ ขนมปังนี่ คนนั้นทำ ใช่หรือเปล่า” ยูถกาถามพนักงานที่ยกขนมมาวางให้ “ครับ หุ่นไม่ให้ แต่ใจรักครับผม” พนักงานบอกยิ้มๆ ยูถกาจึงยิ้มตามและแอบเห็นด้วยกับสิ่งที่ได้ยิน “จริง ใครจะเชื่อว่าทำขนมขายเอง” ยูถกายิ้ม มองไปทางสองสาวที่กำลังซักถามเรื่องการสัก “อายุเท่าไหร่แล้ว เราสองคนน่ะ” เสียงของเม็ดขนุนได้ยินชัด ยูถกาทำทีเป็นไม่สนใจ แต่ตั้งใจฟังการสนทนาระหว่างสามสาวที่กำลังคุยกัน “ยี่สิบค่ะ” สองสาวนักศึกษาตอบพร้อมกัน “ทำไมถึงอยากสัก” เม็ดขนุนถาม “ไอ้นี่ ชวนมา” สาวคนหนึ่งบอก แล้วหัวเราะออกมา เมื่อเห็นเม็ดขนุนยิ้มและจ้องมองเพื่อนของเธอ “เราล่ะ ว่าไง” “เท่ห์ดี หนูชอบ” สาวน้อยพูดเสียงอ่อยๆ ยิ้มอายๆ “เด็กไป ไม่ให้สัก” เม็ดขนุนพูดเสียงเข้ม “โหยพี่ โตแล้ว บรรลุนิติภาวะแล้ว นะ ลายเล็กๆ ก็ได้” สาวนักศึกษาที่อยากมีรอยสักพูดอ้อนวอนเม็ดขนุน “ยังไม่โต ไว้ทำงาน หาเงินเองก่อน จะสักให้ สักให้ฟรีเลยนะ ถ้ายังอยากจะสักอยู่ อย่าลืมนะว่า มันลบออกยาก เจ็บกว่าตอนสัก อีก” เม็ดขนุนบอกกับสองสาวที่ทำท่าคิด และเริ่มลังเล “ฟรีจริงนะ พี่ ถ้าทำงานแล้ว” “จริงสิ ถ้าร้านไม่เจ๊งไปซะก่อนนะ” เม็ดขนุนหัวเราะ เมื่อเห็นสองสาวทำหน้าจ๋อย “โหย พี่อ๊ะ ความหวังริบหรี่มาก เอาว๊ะ รอได้ ฝีมือพี่อย่างเจ๋ง พี่คะวันหลังใส่เสื้อคว้านคอลึกๆ หน่อยดิ ชอบรอยสักพี่ โคตรเท่ห์ เลย” สาวที่อยากสักบอกกับเม็ดขนุนที่เหลือบมองไปที่ไหล่ของตัวเอง “มาแอบดูตอนไหน คว้านลึก ก็โป๊ดิ ไปกินขนมกันต่อได้แล้ว อ้อแล้วก็อย่าแอบไปสักร้านอื่นนะ รู้ล่ะก็ มาที่ร้านไม่ขายขนมให้ ด้วย” เม็ดขนุนยิ้มๆ กับสองสาวที่อมยิ้มและกำลังจะกลับไปนั่งที่โต๊ะ “รู้ทัน เงินเอามาให้ ก็ไม่เอา ขนมก็จะไม่ขายให้กิน เปิดร้านทำไมล่ะ พี่” สาวน้อยพูดจบ เดินหัวเราะกลับมานั่งที่โต๊ะ “เปิดเล่นขำๆ อย่าให้เห็นมีรอยสักเข้ามาในร้าน นะ จำเอาไว้” เจ้าของร้านพูดจากวนๆ แต่นักศึกษาทั้งสองคนยิ้มๆ ดูท่าทางคุ้น เคยกัน ฟังเหมือนเป็นการพูดคุยประสาพี่น้อง ดุและตักเตือนกันมากกว่า ยูถกายิ้มๆ กับท่าทางกวนๆ แต่ก็น่ารักของเม็ดขนุน “แม้จะกวนไปบ้าง แต่เป็นคนดี ถือว่า เจ๊ากันไปเนอะ” ยูถกาพูดกับตัวเอง “กินเข้าไปได้ คนเดียวสามอัน” เม็ดขนุนยิ้มทะเล้น เดินมานั่งลงตรง หน้ายูถกาที่ทำหน้าบูดทันที “เอ๊าของทำมาให้กินไม่ใช่หรือ หรือทำมาให้เขวี้ยงทิ้ง ถ้าจะให้เขวี้ยงไม่บอกก่อนล่ะ” ยูถกาพูดใส่หน้าเม็ดขนุนที่ไม่รู้สึกอะไร ยังคงนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ตรงหน้า แถมยังเอามือท้าวคางจ้องหน้ายูถกาอีก “ขอบใจนะ ที่ไม่ได้เอาขนมทิ้งขยะไป อร่อยล่ะสิ” เม็ดขนุนถาม “เปล่า หิวต่างหาก ก็งั้นๆ แหละ” ยูถกาอมยิ้ม “งั้นๆ วันหลังไม่ต้องมาแล้วนะ ไม่ขายให้” เม็ดขนุนยิ้มทะเล้นให้ “อะไรว๊ะ ขายของประสาอะไรเนี่ย บอกแต่จะไม่ขาย จะกินเองหมดร้านนี่หรือไง” นักศึกษาสาวสองคนที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆ ได้ยิน เลยนั่งยิ้มๆ กับการลับฝีปากของสองสาวรุ่นพี่ที่ไม่รู้ว่า ใครกวนกว่าใคร “เอ๊า ก็ไม่อยากขายให้ วันหลังไม่ต้องมาแล้วนะ ขนมปังรสชาติก็งั้นๆ แต่กินเยอะขนาดนี้ อ้วน ไม่สวยนะ จะบอกให้” เม็ดขนุน ยิ้มกวนๆ ให้ยูถกา “ปากน่าต่อยมากเหอะ ไปดีกว่า กวนได้โล่มาก” “รีบไปไหนล่ะ กำลังสนุกเลย” “ขอให้ร้านเจ๊ง ไหนๆ ไม่อยากจะขายของอยู่แล้ว” ยูถกาหันมาว่า ไม่วายเม็ดขนุนยังตามไปต่อล้อต่อเถียงถึงหน้าร้าน “ขับรถดีดีนะ ยูววววววว ม๊วฟฟฟฟ” เม็ดขนุนหัวเราะ เมื่อเห็นยูถกาหันมาทำปากขมุบขมิบ รู้ว่า คงกำลังด่าอยู่ ถึงแม้จะไม่ได้ยิน ก็ตาม “ไอ้บ้า รู้ชื่อได้ไง ว๊ะ ขอให้ร้านไม่มีคนเข้า ขอให้เจ๊ง” ยูถกาพูดบ่นกับตัวเองแล้วรีบขับรถออกไป เม็ดขนุนยิ้มๆ มองดูรถคันสวย ที่เพิ่งขับออกไป ยูถกาขับรถผ่านมาทางท้องสนามหลวงอีกครั้ง ชะเง้อมองดูตรงบริเวณที่เคยเห็นเด็กๆ เนื้อตัวมอมแมม แต่ไม่เห็นสักคน คงแยกย้ายกันไปทำอะไร หรือไปหาที่พักพิงสำหรับค่ำคืนนี้ นึกแล้วรู้สึกสงสาร ไม่รู้จะช่วยอะไรได้บ้าง “ไอ้บ้าเม็ดหนุน ถ้าพูดจาดีๆ สักหน่อย มีเวลาจะได้มาช่วย ปากหมา ขนาดนั้น ขืนมา คงหาว่าสร้างภาพแน่ๆ” ยูถกาพูดกับตัวเอง แต่ก็ยิ้มออก รู้สึกสนุกอยู่เหมือนกันที่ได้หาเรื่องชวนกันทะเลาะกับเจ้าของร้านขนมปังแสนอร่อย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD