ทิชาสาวน้อยมหัศจรรย์
ฉันชื่อ ทิชา ทิชาพัชร์ อนันธารากุล อายุยี่สิบห้าหยกๆยี่สิบหกหย่อนๆ เป็นลูกสาวคนเล็กของบ้านอนันธาราที่มีเครือธุรกิจมากมาย ไม่อยากแซด...บ้านฉันรวยมาก มีโรงแรมห้าดาวยี่สิบแห่งทั่วประเทศไทย รวมถึงบริษัทโบรกเกอร์ยักษ์ใหญ่เมย์ลินไทม์ที่ฉันกำลังนั่งเก้าอี้บริหารอยู่ตอนนี้
ชื่อเมย์ลินคือชื่อคุณแม่ของฉัน ส่วนไทม์เป็นชื่อพี่ชายฉันเอง ซึ่งบริษัทโบรกเกอร์นี้คุณพ่อตั้งเพื่อเอาอกเอาใจคุณแม่ตั้งแต่ฉันยังเป็นวุ้น
อืมเป็นวุ้น ก็คือฉันยังไม่เกิดนั่นแหละ แต่เกิดมาก็ดันได้บริหารบริษัทเมย์ลินไทม์ ส่วนพี่ชายนู่น...กระโดดขึ้นเก้าอี้บริหารโรงแรมห้าดาวไปแล้ว
แต่เห็นแบบนี้ฉันไม่มีความมั่นใจในตัวเองเลยนะคะ ฉันมันเก่งแค่คิดในใจเท่านั้น การแสดงออกมันสวนทางกัน โดยเฉพาะต่อหน้าคนมากๆ หรือตกอยู่ในสภาวะที่กดดัน ฉันจะประหม่า
บ้างก็ลิ้นพันกัน
บ้างก็พูดติดขัดไปจนถึงพูดไม่รู้เรื่อง
เฮ้อ...แต่มันไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้ฉันเป็นโสดมาถึงทุกวันนี้หรอกนะ สาเหตุที่แท้จริงก็คือคุณพ่อ และพี่ชายของฉันต่างหาก
ไม่มีใครกล้าเข้าหาฉัน และจีบฉันเลย เพราะคุณพ่อและพี่ชายฉันเป็นเพลย์บอยเก่าทำกับผู้หญิงไว้เยอะ ทั้งสองก็เลยหวงฉันยิ่งกว่างูจงอางหวงไข่ บอกกรอกหูทุกวันว่าผู้ชายมันหวังจะได้เท่านั้น วัยๆนี้ฉันควรทำงาน หาคอนเนคชั่นต่อยอดบริษัทดีกว่า
ซึ่งฉันเชื่อที่ไหน วันก่อนฉันยังไปไหว้ขอผัวกับรุ่นน้องอยู่เลย
บริษัทเมย์ลินไทม์โบรกเกอร์...
"คุณทิชาคะ ตารางนัดลูกค้าวันนี้ค่ะ ไม่ทราบว่าคุณทิชาจะให้นัตตี้โทรคอนเฟิร์มลูกค้าเลยมั้ยคะ?"
เท้าที่กำลังก้าวเข้าห้องทำงานชะงัก พร้อมๆกับฉันที่หันไปขมวดคิ้วงุนงง วันนี้ฉันมีพบลูกค้าด้วยเหรอ?
"วันนี้ฉันนัดพบใคร? ทำไมไม่เห็นรู้เรื่อง"
"คุณศักดิ์ชาย เจ้าของ HB ออแกไนท์ค่ะ เวลานัดอีกสามสิบนาทีข้างหน้านี้แล้ว คนนี้คุณทิชานัดเองนี่คะ ไม่ทราบว่าคุณทิชาจะให้นัตตี้คอนเฟิร์มเวลา หรือเลื่อนออกไปดี?"
อีกสามสิบนาที?!
จะบ้าเหรอ?!
ไม่เพียงแต่ทวนเวลาอันน้อยนิดในหัว แต่ฉันยังตกใจตาลีตาเหลือกทำอะไรไม่ถูก จนสุดท้ายเดินปรี่ไปที่โต๊ะทำงานเลขาคนสวย และตบโต๊ะของเธอรัวๆอย่างรีบเร่ง
ปึงๆ ปึงๆ
"บอกมาฉัน ฉัน โอ๊ย! พูดยังไงดีเนี่ย เอาใหม่นะ...ฉัน-ต้อง-เดินทางยังไง ถึงจะไปถึงที่นัดหมายก่อนเวลานัด"
ฉันถามจบก็ถอนหายใจโล่ง มันเหนื่อยจริงๆที่ต้องเรียงคำเรียงประโยคของตัวเองแบบนี้ตลอดเวลา
"คุณทิชาไม่เลื่อนเวลานัดใช่มั้ยคะ?" ฉันส่ายหน้ารัวตอบเลขา นัดลูกค้าให้เขาไว้ใจดูแลการเงินแท้ๆ แต่ถ้าเลื่อนนัดฉุกละหุก ใครจะเชื่อถือล่ะ? ยิ่งฉันที่เป็นผู้บริหารนัดเองด้วย
ยังไงก็ต้องไป
"ลูกค้านัดที่ร้านกาแฟแถวสยาม แต่เวลานี้คุณทิชาขับรถไปไม่ทันแน่นอนค่ะ คงต้อง..."
"อะไรต้อง? เอ๊ย ต้องอะไรว่ามาสิ!" ฉันเร่งถาม จนนัตตี้หันข้าง แล้วทำมือบิดแฮนรถมอเตอร์ไซค์ให้ฉันดู
"คงต้องแว๊นๆพี่วินไปค่ะ^^"
"โอเค เธอโทรจองวินให้ฉันเลย"
"จองไม่ได้ค่ะคุณทิชา เราต้องโบกเรียกหน้าบริษัทค่ะ" โอ๊ย! ทำไมมันวุ่นวายแบบนี้เนี่ย
"งั้นเธอก็ไปเรียกให้ฉัน"
"ค่ะๆ ตามมาทางนี้เลยค่ะ" บอกจบเลขาสาวที่ฟั่นเฟือนพอๆกันก็เดินนำฉันไปที่ลิฟต์ เธอกดลิฟต์ให้ ผายมือเชิญ ไปจนถึงออกไปยืนตากแดดโบกพี่วินที่ขับผ่านหน้าบริษัท
แต่ฉันเห็นสภาพอากาศแล้วถึงกับถอนหายใจเฮือกเสียงดัง คุณหนูสาวสวยไม่เคยเจอแดดอย่างฉันต้องซ้อนมอเตอร์ไซค์ไปคุยงานจริงๆเหรอ?
"รถได้แล้วค่ะคุณทิชา"
ฉันได้ยินแบบนั้นก็เดินออกไปจากที่ร่มทันที ก่อนที่จะไปยืนงุนงงที่ท้ายรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างคันดังกล่าว
"ฉันต้องนั่งแบบไหน? ช่วยทีเถอะนัตตี้!"
"ใส่หมวกก่อนนะคะ แล้วก็เหยียบตรงนี้ค่ะ ฮึบ!" ฉันทำตาม แต่ให้นัตตี้ใส่หมวกกันน็อกและพยุงขึ้นนั่งเบี่ยงข้าง แล้วเมื่อเรียบร้อยเท่านั้น พี่วินก็ไม่พูดอะไรสักคำ
บิดเครื่องบึ่งออกไปทันที !
บรื้น~~
"กรี๊ดดดดดดดด!" ฉันตกใจจับไหล่คนขับ มืออีกข้างจับประเป๋าใบละห้าแสนมากอดแนบอกไว้ มองไปข้างหลังก็เห็นนัตตี้โบกมือไวๆ
ส่วนมองไปข้างหน้า...
ฮือออ~ขอโทษที่หยาบคาย มันฉิบหายมากๆค่ะ
ช่องแคบมะละกาหรืออะไรกันเนี่ย ซ้ายรถเมล์ ขวารถตู้ มันแคบมาก แต่ทำไมคนขับไม่หยุดรถ
หยุดสิ! หยุดสิคะอิดอก หยุ๊ดดดด!
"พะ พี่! มันไม่กว้าง มันไม่ได้ไปแน่ๆ" ฉันตะโกนบอกคนขับ
"น้องว่าไงนะ?"
"มันไม่กว้าง มันแคบ! เราไปไม่ได้แน่ๆ"
"ไปได้น้อง จับแน่นๆ"
ฉันมองเข่าตัวเองสลับกับทางแคบข้างหน้า มือที่จับไหล่บีบเป็นจังหวะให้คนขับระลึกถึงหญิงสาวหน้าตาดีที่ซ้อนท้าย
แต่ทว่าคนขับไม่สนใจ วินมอเตอร์ไซค์ใจกล้าซอกแซกเข้าไปทันที จนฉันต้องหลับตาปี๋ และ
ปึก!
"โอ๊ย!"
ปึก
"โอ้ยยยย"
ปึก!
"โอ้ย ไหนว่าไปได้ไงคะ!>[]<"
เข่าฉันเก็บเรียบทุกคัน กว่าจะถึงสถานที่ที่นัดลูกค้าเข่าก็ระบมไปหมดแล้ว แต่ไม่พอ...ชีวิตสาวน้อยมหัศจรรย์อย่างทิชาต้องระเห็จวิ่งไปที่ร้านกาแฟในห้างต่อ
หนำซ้ำยังต้องถอดส้นสูงยิบแซงคู่ละสามหมื่นห้าขึ้นมาถือทำเวลาด้วย
ฉันอุตส่าห์ตั้งใจเปิดตัวสวยๆ ให้สมกับเป็นของรักของหวงของบ้านอนันธารากุล แต่กลายเป็นอีเพิ้งหัวยุ่ง วิ่งถอดรองเท้าส้นสูงกลางห้างได้ยังไง!
เอ๊ะ! ว่าแต่นั่นคุณศักดิ์ชายลูกค้าฉันนี่ เขาอยู่ที่ร้านกาแฟ และกำลังลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้ว
พอเห็นแบบนั้นฉันก็ลุกลี้ลุกลนวิ่งไปหาลูกค้าทันที ก่อนที่จะถือรองเท้า และหอบกระเป๋าไปหยุดอยู่ตรงหน้าเขาอย่างเหนื่อยหอบ
"คุณ....คะ คุณศักดิ์ชาย ฉัันทิชาพัชร์จากเมย์ลินไทม์ค่ะ "
ฉันแนะนำตัวแล้วกำลังจะยกมือไหว้ แต่เมื่อเห็นว่าตัวเองถือรองเท้าอยู่ก็รีบลดมือลงทันที แต่ไม่ทัน...คุณศักดิ์ชายเขามองฉันหัวจรดเท้าอย่างพินิจ
"คุณ...ลูกสาวคุณที ผมเข้าใจถูกใช่มั้ย?" ฉันพยักหน้ารัวๆ ขอให้อานิสงค์ผลบุญของคุณพ่อยื้อให้ลูกค้านั่งต่อด้วยเถอะ
"ผมขอตัวนะ ผมติดธุระ"
อ้าว!?
"เดี๋ยวสิคะคุณชายศักดิ์ เอ๊ย คุณศักดิ์ชาย ทิชายังไม่เสนอเรื่องดูแลการเงินให้คุณเลยนะคะ"
ฉันถลาไปยืนขวาง แล้วยกมือที่ถือรองเท้าขอร้องให้ลูกค้าฟัง แต่มันกลับทำให้ฉันถูกมองในแง่ลบมากขึ้นไปอีก
เพราะคุณศักดิ์ชายเขาชะงัก และจ้องมาที่รองเท้าฉันด้วยสีหน้าไม่พอใจ
"ขอโทษค่ะ แต่เรานัดกันแล้ว...อยากให้ลองฟัง ฟังสักนิดนะคะ ถึงทิชาจะเป็นแบบนี้ แต่ทิชาสามารถดูแลการเงินให้คุณศักดิ์ชายได้ตลอดการลงทุนนะคะ"
ฉันพยายามอธิบาย อ้อนวอน จนคนมองทั้งร้าน แต่ลูกค้ากลับชักสีหน้ารำคาญกลับมาแทน
"คุณช้าสิบห้านาที ไม่มีบริษัทโบรกเกอร์ที่ไหนไม่ตรงต่อเวลาแบบนี้ ผมไม่อยากหยาบคาย...แต่คุณมันพูดจาไม่รู้เรื่อง ล่อกแล่กเหมือนคนสมาธิสั้น ผมมองปราดเดียวผมก็ไม่ไว้ใจการทำงานของคุณแล้ว พ่อคุณสร้างมาอย่างดี แต่มันจะพังเพราะคุณนี่แหละ"
"...."
"ผมขอพูดในฐานะที่เป็นผู้บริหาร บริหารคนนับพันนะ คุณควรไปทำตัวเองให้ดีกว่านี้ เพราะภาพลักษณ์ของคุณ จะทำให้บริษัทขาดความน่าเชื่อถือ"
"...."
ฉันยืนนิ่งอยู่สักพัก ก่อนจะทรุดนั่งที่เก้าอี้เมื่อลูกค้าพูดจบแล้วเดินเลี่ยงออกไป หน้าฉันชาไปหมดแล้ว อยากอธิบายแต่ก็อธิบายไม่ได้ เพราะเจอคำว่าสมาธิสั้นเข้าไป ฉันก็พูดอะไรไม่ออกเลย
ใครอยากเป็นแบบนี้กัน... แล้วที่พูดออกมานั่นปากเหรอ ว่ากันขนาดนี้ฉันไม่ด่ากลับว่าไอ้สัสก็บุญเท่าไหร่แล้ว ถึงทิชาจะเรียบร้อยน่ารักไม่สู้คน แต่ลูกค้าก็ไม่ใช่พระเจ้าทุกคนนะคะ
_____________________
❤️
คอมเมนท์ = กำลังใจนะเจ้าคะ