“พบแล้ว...เอ๋ แม่พี่ ให้พี่หาอะไรเหรอคะ” ต้าเซียนไม่ตอบ และสายตาไม่ได้มองไปทางอื่นนอกจากใบหน้าของนาเดียร์ที่จ้องมองเขาอยู่เช่นกัน ด้วยใบหน้าที่รอคำตอบจากเขาอยู่
“ถ้าเป็นสิ่งของ ก็จะบอกแม่ว่า เจอแล้ว...” ต้าเซียนพูดจบ ก็เดินต่อ นาเดียร์ยืนนิ่งและได้แต่มองตามอย่างไม่เข้าใจ เจอแล้ว กับ พบแล้ว มันต่างกันเหรอ งงแฮะ
นาเดียร์เร่งรีบเริ่มขยับทันที เมื่อต้าเซียนหยุดเดินและหันกลับมา สีหน้าของเขาแสดงให้เธอรู้ว่า เธอต้องเดินต่อได้แล้ว...
การเดินทางเริ่มอีกครั้ง เมื่อทั้งสองกลับเข้าไปในรถ และจุดหมายคือบ้านของเธอ บ้านของพ่อก็ต้องใช้เส้นทางเดียวกับขากลับ เพราะบ้านอยู่ไม่ไกลจากใจกลางเมืองชิคาโกมากนัก แต่มันต้องไปอีกเส้นทางที่อยู่กันคนละทางกับแมนชั่นของต้าเซียนก็เท่านั้น
ต้าเซียนหันมามองนาเดียร์ เมื่อรถเข้ามาจอดที่หน้าบ้านนาเดียร์เงียบลงไปทันที แม้แต่หายใจเธอยังแทบจะไม่หายใจ ครั้งที่สองที่เธอและเขากลับมาที่นี่ตั้งแต่ย้ายออกไป
“เข้าไปกันเถอะ” เขาพูดเบาๆ พร้อมกับวางมือตัวเองบนหลังมือของเธอที่วางไว้บนต้นขาของตัวเอง เขายิ้มออกมาเล็กน้อย เมื่อมองดวงตาที่เริ่มจะแดงของเธอ “พี่อยู่ตรงนี้”
นาเดียร์ยิ้มและพยักหน้าทั้งน้ำตา ทำให้น้ำตาหยดลงไปบนมือนั้น มือของต้าเซียน แต่เขากลับยิ้มให้เธอ ทำไมนะ ทำไมเขาถึงรู้ได้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ “พี่อยู่ตรงนี้” ประโยคนี้เหมือนเป็นน้ำทิพย์รดลงบนหัวใจของเธอ เพราะวินาทีก่อนหน้านี้จู่ๆความรู้สึกเดียวดายก็เข้าจู่โจมเธออย่างไม่ทันตั้งตัว ไปสุสานไม่ทุกข์เท่าที่กลับมาบ้าน บ้านที่มีความทรงจำของพ่อเต็มไปหมด พ่อที่ประตู พ่อที่ถือแก้วน้ำ พ่อที่สวมแว่นผมเผ้ายุ่งเหยิงยามที่ท่านกำลังอ่านและทำงานวิจัย รวมแม้กระทั่งพ่อที่กำลังรดน้ำต้นไม้ที่หน้าบ้าน
เราสองคนลงจากรถ ต้าเซียนถือกุญแจบ้านไว้ด้วย ซึ่งที่นี่ต้าเซียนจ้างบริษัททำความสะอาด เดือนละสองครั้งให้มาทำความสะอาด
เกร็ก เสียงไขกุญแจประตูบ้านค่อยๆแย้มเปิดกว้างทีละน้อย เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ถูกคลุมไว้ด้วยผ้า แต่โดยรวมแล้วที่นี่ก็สะอาด ทุกอย่างได้รับการดูแลเป็นอย่างดี นาเดียร์หันไปยิ้มกับต้าเซียน เขาทำได้ยังไงกันนะ เขาสามารถจัดการทุกอย่างได้เป็นอย่างดี
“เอกสารของคุณหมออยู่ในห้องสมุด” ต้าเซียนบอก เธอพยักหน้าและเดินเข้าไปยังห้องสมุด เขายืนมอง มองจนเธอหายเข้าไปในห้องสมุดแล้ว เขาจึงขยับเดินออกมา เดินไปยังตามทางเดินของสนามหญ้าที่หญ้าเริ่มสูงขึ้นเล็กน้อย และเลือกกุญแจออกมาหนึ่งดอกจากพวงกุญแจในมือ เป็นกุญแจไขตู้จดหมายนั้นเอง ใบหน้างดงามดั่งเทพ เคร่งเครียดขึ้นมาทันทีเมื่อในกล่องจดหมายมีเอกสารที่ตีตราว่ามาจากเซี่ยงไฮ้อยู่สามฉบับ ต้าเซียนรีบเก็บและแยกเอกสารพวกนั้นออกมา และเดินไปที่รถ เอาเอกสารนั้นใส่เข้า
ไปในเก้รถและล็อคเก้อย่างเรียบร้อย
และต่อจากนั้นเขาก็เดินกลับเข้าบ้านเหมือนไม่เคยมีซองจดหมายมาจากเซี่ยงไฮ้มาก่อนเลย เขาขึ้นชั้นสองเพื่อไปยังห้องนอนของเขา เขามาอยู่ที่นี่ได้เพียงแค่สองอาทิตย์เท่านั้นก่อนที่เรื่องร้ายๆนั้นจะเกิดขึ้น และอยู่ต่ออีกแค่สองอาทิตย์ เพื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยก่อนที่เขาจะพานาเดียร์ย้ายออก ต้าเซียนที่กำลังจะเดินไปยังห้องนอนของตัวเอง เขามองไปที่ประตูสีขาวห้องของนาเดียร์ วันนั้นเธอปิดประตูไม่สนิท เสียงร้องไห้ที่เหมือนเธอพยายามจะไม่ร้องแต่ก็ไม่อาจกักมันไว้ได้ดังเล็ดรอดออกมา วันนั้นเป็นวันที่สามที่พ่อของเธอและแม่ของเขาเสีย เธอแทบไม่พูดกับใครเลย เวลาที่ต้องออกไปข้างนอกเธอก็เอาแต่เงียบและพยักหน้าตามคำบอกของผู้ใหญ่
เขาเองก็ไม่ได้ดีนัก แต่เขาเป็นผู้ชายและเป็นผู้ใหญ่คนเดียวที่เหลืออยู่สำหรับเธอ และเสียงนั้นทำให้เขาตัดสินใจบางอย่าง...
โครม! เสียงห้องด้านล่างเรียกสติของต้าเซียนกลับมา เขาขยับหมุนตัวก้าวลงบันไดอย่างรวดเร็ว
“สุ่ยถิง!!” ต้าเซียนเสียงดัง เสียงดังเป็นครั้งแรกในชีวิตเขาเลยก็ว่าได้ เมื่อผลักประตูห้องสมุดเข้าไป ลังหนังสือคว่ำหน้ากระจัดกระจายเกลื่อนไปหมด ส่วนนาเดียร์เธอนั่งกองอยู่กับพื้น ข้างกายมีเก้าอี้ที่ล้มอยู่
ต้าเซียนพุ่งตัวไปที่นาเดียร์ทันที
“น่าสงสัยจริงๆ คนที่เก็บหนังสือใส่กล่องไว้ตั้งเยอะแยะแบบนี้ เขาเอามันไปวางไว้บนนั้นได้อย่างไรกัน”
ต้าเซียนไม่ได้ตอบคำบ่นนั้นของเธอแต่ช่วยพยุงเธอให้เธอค่อยๆลุกขึ้น
“เจ็บตรงไหนบ้าง?”
“ไม่มีค่ะ” เธอขยับและหมุนหนึ่งรอบสำรวจร่างกายตัวเอง
“อย่าปีนขึ้นไปเองแบบนี้อีกนะ เพราะหนังสือพวกนี้คงเป็นพนักงานที่เข้ามาทำความสะอาดน่าจะช่วยกันหลายคนถึงสามารถเอามันไปวางบนนั้นได้ และนั่นก็ต้องใช้คนมากกว่าหนึ่งในการขนลงมา...ไม่ต้องขนไปตอนนี้ ที่เหลือข้างบนเดี๋ยวฉันสั่งพนักงานขนลงมาไว้ในคราวหน้าที่พวกเขาเข้ามาทำความสะอาด...”
“ถ้างั้นเดี๋ยวฉันเก็บตรงนี้เอง” ต้าเซียนพยักหน้า และเดินไปยังชั้นด้านใน เพราะมีหนังสือหลายเล่มเหมือนกันที่เขาเองก็อยากได้ไปอ่านเพิ่มเติม หนังสือที่นี่แปดสิบเปอร์เซ็นต์เกี่ยวกับวงการแพทย์ หลายเล่มมาจากเซี่ยงไฮ้ แน่นอนว่าเป็นภาษาจีน
กริ้งงงง เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง เสียงกริ่งประตูดังขึ้น ต้าเซียนที่อยู่ชั้นสองเดินลงมา เขาเปิดประตูพร้อมกับส่งธนบัตรและรับกล่องขนาดใหญ่มา
“พิซซ่า” นาเดียร์ที่ออกมาจากห้องสมุด ร้องออกมาด้วยความดีใจ เมื่อเห็นพิซซ่า เพราะเธอก็รู้สึกหิวขึ้นมาทันที
“มากินก่อน” ต้าเซียนพูดพร้อมกับเดินไปที่ห้องครัว วางกล่องพิซซ่าไว้บนโต๊ะ และเดินไปหยิบน้ำสองขวดในตู้เย็น
นาเดียร์เดินไปล้างมือก่อน และกลับมานั่งที่เก้าอี้ที่โต๊ะ ต้าเซียนเองก็เดินมานั่งข้างๆเธอ ที่กำลังเปิดกล่องพิซซ่าอยู่ และเวลาผ่านไปสักพัก กล่องพิซซ่าก็เหลือแต่กล่องเปล่า
“ยังอีกเยอะมั้ยกว่าจะเสร็จ” ต้าเซียนถาม ขณะปิดกล่องพิซซ่า
“ไม่ค่ะ อีกครึ่งชั่วโมงก็น่าจะเรียบร้อย ฉันขนไปไว้ในรถหมดแล้ว แต่จะเข้าไปเอาของในห้องนอนอีกหน่อย” ต้าเซียนยิ้มบางๆและพยักหน้า มองนาเดียร์ยกปากขวดน้ำกรอกน้ำเข้าปาก ภาพนั้นทำให้ต้าเซียนมองจนเกือบลืมตัว เขาจ้องเธอนานไปแล้ว...เขารีบลุกออกจากเก้าอี้
“เดี๋ยวเอากล่องไปทิ้งก่อน” เขาพูดจบก็เดินออกไปจากตรงนั้นพร้อมกับกล่องพิซซ่าอย่างรวดเร็ว นาเดียร์มองตามคิ้วขมวดกัน ด้วยความรู้สึกว่าเมื่อกี้ต้าเซียนแปลกๆ อยู่นะ!
เมื่อได้เวลาการเดินทางก็เริ่มอีกครั้ง เมื่อทั้งสองเข้าไปในรถ ต้าเซียนสตาร์ทรถและหันมาทางนาเดียร์ “ปรับเบาะลงอีกหน่อย” เขาเอื้อมไปด้านหลัง หยิบหมอนรองคอส่งให้นาเดียร์ “สวมไว้เลย”
“ต้าเซียน พี่รู้ได้ไงว่าฉันต้องหลับ” ต้าเซียนแค่ยิ้มมุมปาก และยักคิ้วให้นาเดียร์ เป็นพฤติกรรมที่ไม่เกิดขึ้นบ่อยนักเวลาที่เธอได้มองและเห็นเขาแบบนี้แล้วรู้สึกว่าเขาก็เป็นเด็กหนุ่มที่โตขึ้นตามวัย แต่นาเดียร์กลับหน้าบึ้งตอบกลับแม้เขาจะทำหน้าทะเล้นให้ แต่เขาก็มักจะนำหน้าเธอไปหนึ่งก้าวเสมอ แต่เธอก็ทำตามที่เขาบอกไว้ทุกอย่างอย่างไม่มีปากเสียงอะไร
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ต้าเซียนก็ค่อยๆเคลื่อนรถออกจากบ้านของพ่อไปทีละน้อยอย่างช้าๆ นาเดียร์มองบ้านจากกระจกข้างจนมันลับตาไปในที่สุด ดวงตาย้ายมามองเส้นทางที่คุ้นเคยมานาน รถเลื่อนไปอย่างช้าๆ ตามระดับความเร็วที่เพิ่มขึ้นตามสมควร ความมืดปกคลุมเส้นทางยามบ่ายของชิคาโกเข้าแล้วสิ
ต้าเซียนเอื้อมไปเปิดเพลงเบาๆ ทำให้เจ้าหญิงที่เข้าสู่นิทราไปแล้วยิ้มออกมาเล็กน้อย เมื่อคิดว่าเธอกำลังฝันดีอยู่ เพลงสบายๆสำหรับกล่อมนอน
“ขอบคุณครับคุณหมอ” ต้าเซียนพึมพำออกมาเบาๆ สายตายังมองไปข้างหน้า ทำหน้าที่ของตนหลังพวงมาลัยต่อไป
...ในความฝันของนาเดียร์
“นาเดียร์” เสียงแสนอบอุ่น ที่ดังจากที่ไหนสักแห่ง ทำให้เธอหันไปมองและเพ่งมองเพื่อหาต้นเสียงนั้น
“พ่อ!…พ่อจ๋า” นาเดียร์โผเข้าหาร่างที่คุ้นเคย พ่อที่แสนจะอบอุ่น พ่อเธอหล่อเหลาอย่าบอกใครเลย
“หนึ่งปีผ่านไปแล้วนะ...ลูกสาวพ่อโตขึ้นมาก และงดงามมาก”
“แหมมม...พ่อก็พูดเกินไป ในสายตาพ่อ หนูก็ต้องสวยอยู่แล้ว”
“พูดแบบนี้ เหมือนอยากให้ใครชมอีกเหรอ ลูกสาวพ่อ”
“เปล่าเสียหน่อย...หนูก็พูดเรื่อยเปื่อย” นาเดียร์มองพ่อ ที่ยิ้มให้อย่างอบอุ่น
“พ่อสบายใจที่เห็นว่านาเดียร์ไม่เป็นไรแล้ว พ่อก็หมดห่วงแล้ว”
“พ่อ พ่อ พ่อจะไม่มาอีกแล้วใช่มั้ย?”
“พ่อจะอยู่ในใจลูกตลอดไป เป็นคนที่ดีพร้อมสำหรับเขานะ...ลาก่อนนาเดียร์ลูกสาวของพ่อ” นาเดียร์มองพ่อที่ค่อยจางไปทีละน้อย เธอไม่ตื่นตกใจ แต่มองและยิ้มพร้อมกับยกมือขึ้นมาโบกลาพ่อ พ่อที่โบกมือลาตอบกลับเธอ เธอต้องเข้มแข็ง “สุ่ยถิง”