บทที่5
ขอเป็นแฟน
หลังจากวันนั้นเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ข้าวปั้นก็เริ่มติดโทรศัพท์โทรคุยกับรุ่นพี่ทุกวี่ทุกวันขนาดกวาดบ้านทำงานบ้านเธอก็ยังคุยโทรศัพท์ตลอดคีตะกลายเป็นส่วนเกินเขาเดินออกมาจากห้องข้าวปั้นก็ไม่ได้สนใจเพราะว่าเธอกำลังทำตัวเป็นคนมีความรัก ขนาดคีตะยืนขวางเธอยังไม่บ่นไม่ด่าเขาสักคำถ้าเป็นเมื่อก่อนคงจะบ่นจนหูชา
"ข้าววันนี้ทำอะไรกินบ้างอ่ะ" คนหิวโหยเดินออกมาถามถึงเมนูในวันนี้ข้าวปั้นเงยหน้าขึ้นมามองจากนั้นก็ชี้ไปยังผัดพริกแกงหมูบนโต๊ะทานข้าว "เธอกินแล้วใช่ไหม?"
"อืม"
คีตะเดินมานั่งทานข้าวสายตาก็มองพฤติกรรมของเพื่อนช่วงนี้ติดโทรศัพท์ขนาดอาบน้ำก็ยังพกโทรศัพท์เข้าไปด้วยทำตัวเหมือนคนเพิ่งเคยมีความรัก
ด้านข้าวปั้นหลังจากทำงานบ้านเสร็จเธอก็เดินเข้ามาคุยโทรศัพท์ต่อในห้องโดยไม่ได้สนใจหรือพูดคุยกับคีตะเหมือนเมื่อก่อนจึงทำให้ความสัมพันธ์ของเขาทั้งสองค่อย ๆ ถอยห่างกันไปทีละนิดคีตะก็ติดเพื่อนเขาออกเที่ยวทุกคืนบางวันก็กลับเช้าบางวันก็กลับเร็วส่วนข้าวปั้นก็มีสังคมของเธอมีกลุ่มเพื่อนและรุ่นพี่ไปเที่ยว hang out ด้วยกันบ่อยๆ
จนวันที่ข้าวปั้นถูกขอเป็นแฟนที่ร้านประจำของคีตะ วันนี้เป็นวันที่คีตามาฉลองวันเกิดของรุ่นพี่แต่เขาไม่คิดว่ารุ่นพี่จะอยู่กลุ่มเดียวกันกับกลุ่มของข้าวปั้นทำให้เขาและเธอได้นั่งข้างกันโดยบังเอิญ
"น้องข้าวปั้นครับเราก็คุยกันมาจะสองเดือนแล้วนะ พี่ว่าเราลองพัฒนาความสัมพันธ์กันดีไหมพี่อยากใช้สถานะแฟนกับข้าวปั้นแล้ว" พี่ต้นเอ่ยขึ้นกลางงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของเพื่อน ข้าวปั้นนั่งตกตะลึงเพราะไม่คิดว่าเขาจะพูดออกมาต่อหน้าคนเป็นสิบ คีตะเองก็ตกใจเหมือนกันเขาหันไปมองหน้าข้าวปั้นที่กำลังนั่งยิ้มจนแก้มห้อยเป็นพวงมือที่จับแก้วแอลกอฮอล์จึงยกขึ้นกระดกจนหมดแก้วจากนั้นเขาก็วางแก้วลงแล้วเดินออกไปสูบบุหรี่ด้านนอก
ปกติแล้วคีตะไม่ใช่คนชอบสูบบุหรี่สักเท่าไหร่เขาจะสูบบุหรี่ก็ต่อเมื่อมีเรื่องไม่สบายใจอย่างเช่นตอนนี้แม้จะพยายามเฉยเมยกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นแต่ดูเหมือนว่ามันจะยากเขาจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหารุ่นพี่ที่เคยแอบแซ่บด้วยกันอย่างพี่ขวัญเพื่อนัดเจอกันหลังเลี้ยงฉลองงานวันเกิดในคืนนี้
"เย้!!!!!"
เสียงร้องพร้อมกับเสียงปรบมือทำให้คีตะรู้ได้ทันทีว่าข้าวปั้นน่าจะตกลงปลงใจที่จะคบกับพี่ต้น เขาโยนก้นบุหรี่ลงพื้นแล้วใช้ปลายเท้าเหยียบขยี้จากนั้นก็สูดลมหายใจเข้าปอดแล้วเดินกลับเข้ามาในงานพอเห็นข้าวปั้นถูกถ่ายรูปคู่กับพี่ต้น เขาก็ฝืนยิ้มให้เธอพร้อมแสดงความยินดีกับทั้งสองด้วยการเติมแอลกอฮอล์แล้วชนแก้วข้าวปั้นมองหน้าคีตะด้วยความสงสัยเพราะความสนิทกันของเธอกับคีตะทำให้เธอสังเกตแววตาคู่นั้นที่ไม่ได้ดีใจเหมือนที่ปากของเขาพูดเลย
"เออข้าวคืนนี้ฉันไม่กลับคอนโดนะพอดีมีนัดอะ"
"โอเคจะได้หมดห่วง" เธอหันไปสนใจแฟนหนุ่มที่กำลังพูดคุยกับเพื่อนพอเธอหันไปเขาก็รีบหันมาจับมือเธอแล้วดึงลงไปกุมมืออยู่ใต้โต๊ะ
ทุกการกระทำของทั้งสองอยู่ในสายตาของคีตะแต่เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะห้ามอะไรเธอทั้งนั้นจึงปล่อยทุกอย่างให้เป็นเรื่องของเธอเขาจะไม่เอาตัวเข้าไปยุ่งให้เกิดปัญหา
วันต่อมาคีตะขับรถมาจอดที่คอนโดสายตาของเขามองไปยังร้านสะดวกซื้อจนเห็นพี่ต้นเดินซื้อของแล้วขึ้นรถไปหรือว่าเมื่อคืนเธอพาผู้ชายมานอนด้วย
กลับมาถึงห้องข้าวปั้นทิ้งตัวลงนอนบนโซฟาเหมือนคนหมดแรงคีตะจึงหย่อนแก้วกาแฟวางบนหน้าผากของข้าวปั้น ความเย็นของแก้วทำให้ข้าวปั้นสะดุ้งตื่นเธอลุกขึ้นมาตวัดสายตามองคีตะด้วยความโมโห
"หนักไปหรือไงถึงได้มานอนหมดแรงอยู่ตรงนี้ทำไมไม่เข้าไปนอนในห้องดีๆ"
"ฉันซักผ้าปูที่นอนอยู่"
มือที่กำลังแกะถุงขนมหยุดชะงักทันทีถึงกลับต้องซักผ้าปูที่นอนแบบนี้คงไม่ธรรมดา เขาไม่อยากจินตนาการเรื่องที่ไม่ควรคิดเพราะกลัวว่าจะทนความคิดของตัวเองไม่ได้เท่าที่รู้จักกับข้าวปั้นมาเธอไม่เคยมีแฟนและไม่เคยคบกับใคร ตั้งแต่เด็กจนโตพ่อแม่ของเขาและเธอก็พยายามให้ลูกทั้งสองเล่นด้วยกันหวังว่าโตขึ้นจะได้ช่วยกันดูแลกิจการของครอบครัว
"อ๋อ อืมๆ"
"แล้วนี่ทำไมนายมาสายจังปกติจะมาตั้งแต่แปดโมงรอบนี้มาเกือบเที่ยงเลย"
"เมื่อคืนหนักไปหน่อยเลยตื่นสาย ช่างเถอะเธอหิวหรือยังฉันจะได้สั่งข้าวขึ้นมา"
"ฉันกินแล้วตามสบายเถอะขอนอนต่ออีกสักพักนะอย่ากวนล่ะ-__-!"
ข้าวปั้นทิ้งตัวลงนอนพร้อมดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มคีตะจึงเดินกลับเข้ามาในห้องแล้วทิ้งตัวลงบนที่นอนอย่างคนหมดแรง
"แล้วทำไมกูต้องรู้สึกไม่ดีด้วยวะ" เขายอมรับว่าตอนนี้เขารู้สึกไม่ดีเอามาก ๆ ทั้งที่ควรจะดีใจที่เพื่อนมีแฟนแต่กลับหงุดหงิดจนไม่อยากกลับมาคอนโดนี้เลย
--------------------
ยังไงคะคุณคีตะ โบ้แล้วไหมล่ะ