#1

1613 Words
เสียงดนตรีจังหวะครื้นเครงทำให้ผู้คนที่ได้ยินอดไม่ได้ที่จะต้องโยกตัวไปตามจังหวะอย่างเพลิดเพลินใจ คนที่มาที่นี่ร้อยทั้งร้อยคือความสนุกสนาน รวมถึงเอกรินทร์ที่โยกตัวไปมาเหมือนกับคนอื่นๆเป็นส่วนใหญ่ จำต้องหยุดเมื่อหันมามองเพื่อนที่ตาเอาแต่จ้องมองแก้วใส่เครื่องดื่มที่ไม่เหมาะต่อผู้เยาว์ “แกจะเสกคาถาให้คุณธมนลอยออกมาจากแก้วหรือไงว๊ะ”  “พูดอะไรของแกว๊ะ” “โถ่ววววว...คุณเพื่อนยังไม่รู้ตัวเหรอ...” เอกรินทร์เหล่ตามองจับผิดโดยไม่ปิดบัง “ผ่านมาหนึ่งปีแล้ว ตอนนี้แกน่าจะรู้ใจตัวเองได้แล้วนะว่าจริงๆ แล้วแกชอบคุณธมนจริงๆ” “แกแน่ใจเหรอว่าคนอย่างฉันจะชอบผู้หญิงที่เห็นแก่เงินแบบนั้น” “เห็นแก่เงิน...แกบ้าหรือฉันหูฝาดกันแน่ที่ได้ยินแกพูดแบบนี้” วิลไม่ตอบคำถามเพื่อน เขากลับมาสนใจของเหลวในแก้วต่อ  หนึ่งปีแล้วเหรอทำไมเขาเหมือนรู้สึกผ่านไปแล้วสักสิบปี เวลาช่างเดินช้านัก แต่จะหนึ่งปีหรือสิบปีเขาก็ยังลืมเธอไม่ได้ นั่นเป็นความจริงที่เกิดขึ้นที่เขาไม่อยากยอมรับ  เธอก็น่ารักดี (แค่หน้าตา) แต่คนระดับอย่างเขาหาน่ารักกว่าเธอได้ร้อยเท่าพันเท่า สิ่งที่วิลย้ำบอกตัวเอง ตั้งแต่ที่เขาจากเมืองไทยมาอีก ครั้งเมื่อหนึ่งปีก่อน เขาก็ปฎิเสธเพื่อนในเรื่องการเดินทางกลับไปอีกมาตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา  “ฉันเจอเธอเมื่อสามสี่เดือนก่อน” เสียงที่ดังแทรกคลื่นเสียงดนตรี แม้จะไม่ดังมาก แต่คนที่ตกอยู่ในภวังค์ก็ยังได้ยิน วิลหันไปมองเพื่อนทันที “อยากฟังต่อ...” เอกรินทร์กระเซ้าแหย่คนปากแข็ง  “ถ้าลำบากใจมาก เพื่อนก็ไม่ต้องเล่าก็ได้ อย่างไรแล้วฉันก็จ่ายค่าเหล้าให้แกอยู่ดี” ฮาฮาฮา “ค่าเหล้าแกต้องจ่ายอยู่แล้วฉันถูกแกเชิญมานะครับ ค่าเหล้ายังถูกกว่าหลายเท่าถ้าเทียบกับค่าตั๋วเครื่องบินไทย-นิวยอร์กนะเพื่อน” “งั้นค่าที่พักแกก็จ่ายเองแล้วกัน” อ้าวเฮ้ย!!! “เล่าแล้วๆ โว้ย!!!...จะว่าเธอเปลี่ยนไปก็พูดยาก แต่ตอนนั้นฉันที่คิดว่าต้องทักทายเธอเสียหน่อยก็เกือบหน้าแตก เพราะแม้จะมองเห็นกัน เธอก็มองผ่านฉันเหมือนมนุษย์ร่วมโลกกันเท่านั้นว๊ะ” “ไงต่อ” “ฉันก็เกือบลืมเรื่องของแกกับเธอไปเลยจนได้มาเจอกับเธอตอนนั้น ฉันเลยสืบต่อนิดหน่อย ในวันนั้นบริษัทที่เธอทำงานอยู่มาเช่าห้องจัดงานสัมมนาเลยทำให้ฉันรู้ว่าเธอทำงานที่ไหนนะสิ” “แกรู้เรื่องนี้มาตั้งแต่เมื่อสี่เดือนก่อน แต่พึ่งจะเปิดปากบอกฉันเนี่ยนะ” เฮ้ย! “คุณเพื่อน...ก่อนจะด่าทางอ้อมช่วยยั้งคิดพิจารณาหน่อยได้มั้ยว๊ะ ว่าทำไมฉันต้องรีบแจ้นมาบอกแกด้วยละครับ ผมไม่ใช่บุรุษไปรษณีย์ที่มีหน้าที่ส่งข่าวที่คุณเพื่อนที่ไม่ได้ต้องการจะรู้...ไม่ใช่หรือ ครับ” “งั้นโปรเจตงานของแกก็ขนกลับเมืองไทยไปเลย”  “สัมพันธภาพความเป็นเพื่อนขาดสะบั้นลงเพียงแค่หนึ่งนารี...เออๆ เล่าต่อยังไม่หมด นอกจากจะทำงานในตำแหน่งผู้ช่วยเลขาของบริษัทนั้นแล้วเธอยังเรียนต่อด้วยนะ ประมาณว่ากลางวันทำงานกลางคืนก็ไปเรียน ตอนนั้นเธอต้องเดินทางกลับไทยแบบเร่งด่วนเลยยังไม่มีวุฒิปริญญาตรีเลย เงินเดือนตอนนี้ก็ไม่น่าจะได้เยอะ” “มีแค่นี้” “เจ้านายของเธอเป็นผู้หญิง” “บอกฉันทำไมว๊ะ” “ก็ตอนที่ฉันเจอเธอ บอกเลยว่าสวยขึ้นมาก ตอนเห็นครั้งแรกตอนนั้นจำเธอไม่ได้ ยังคิดเลยว่าอยากจะเข้าไปทำความรู้จักให้มากขึ้น แต่พอเข้าไปใกล้ อ๋ายหย้า!!! ผู้หญิงของเพื่อนนี่หว่า” “แกจะบอกว่า...เธอยังไม่มีใคร” “แปลไทยเป็นไทยก็แบบนั้นแหละ เอาไงละ! รู้ขนาดนี้แล้วแกจะตัดสินใจว่ายังไง” “ทำไมต้องตัดสินใจว๊ะ เรื่องระหว่างฉันกับเธอก็จบไปแล้ว ระหว่างเราสองคนไม่มีอะไรติดค้างกัน” “แน่ใจเหรอว๊ะ เท่าที่ฉันได้ยินจากเพื่อนๆมา เขาว่าแกเก็บตัวอย่างหนักตั้งแต่กลับมาจากเมืองไทยเมื่อหนึ่งปีก่อน ใครๆก็ว่าแกเปลี่ยนไป เหมือนแวมไพร์ที่หัวใจหยุดเต้น” “ฉันทั้งรวยทั้งหล่อ หาผู้หญิงที่ดีที่เพียบพร้อมได้ไม่ยาก ทำไมฉันจะต้องไปสนใจผู้หญิงแบบนั้นด้วย” “เพียบพร้อม อืม...ก็จริง อย่างแกหาได้สบาย ก็โอเค๊! ถ้าแกรักผู้หญิงคนที่แกคิดว่าเพียบพร้อม เอาเถอะ! อีกนาน และอย่างแกไม่จำเป็นต้องรีบหาเมียมีลูก ไม่เหมือนกับคุณธมนหน้าตาอย่างเธอคงมีหนุ่มๆที่เพียบพร้อมมาเห็นและขายขนมจีบกับเธอเข้าสักคนสองคน ถึงตอนนั้นเธอก็ไม่จำเป็นต้องเหนื่อยแบบนี้ แกคิดดูต้องตื่นเช้ามาโหนรถเมย์เพื่อไปทำงาน เลิกงานแทนที่จะได้ไปแฮงค์เอ้าท์เหมือนคนอื่นๆ กลับต้องไปเรียนหนังสืออับเกรดตัวเอง เพื่อรายได้ที่มากขึ้นจากการทำงานอีกนิดหน่อย” วิล นั่งเงียบคิ้วหนาขมวดเข้าหากันทันที ก็ตอนนั้นเขาผิดหวังกับเธอจริงๆ ถ้าเธอไม่ตอบตกลงรับเงินจำนวนนั้นของเขา เรื่องก็คงไม่เป็นแบบนี้ ตอนนั้นเขาคงจะมีข้ออ้างตามตอแยเธอเพื่อเรียนรู้เธอ เขาผิดเหรอที่จะคาดหวังผู้หญิงที่รักเขาที่ตัวเขามากกว่าทรัพย์สินเงินทองของเขา แม้เรื่องระหว่างเขากับเธอจะเป็นอุบัติเหตุก็ตามที “แกรู้ได้ไงว่าเธอไม่มีใครจริงๆ การที่เจ้านายเธอเป็นผู้หญิงก็ไม่ได้เป็นการตอบโจทย์เรื่องนี้ บ้านเธอแกรู้หรือไงว่าเธอไม่ได้อยู่กับผู้ชายคนไหนสักคน” มือกำยำกอบกุมแก้วในมือแน่นขึ้นอย่างไม่รู้ตัว เมื่อจู่ๆเกิดมโนภาพของเธอกับผู้ชายคนอื่นขึ้น ความโกรธเกรี้ยวอย่างไร้เหตุผลก็เกิดขึ้นอย่างไม่รู้ตัว กรามแกร่งขบกัดกันจนซีกแก้มปูนโนนขึ้น “นั่นสินะ เพราะบ้านทาวเฮ้าส์สองชั้นที่มีแค่สองห้องนอนผู้ชายฐานะระดับไหนกันที่เธอเลือก” แสดงว่ารู้จักบ้านของธมน ไอ้เพื่อนรัก...วิลคิดต่อในใจ “ฉันกำลังคิดว่าถ้าจู่ๆ ฉันลุกขึ้นและเตะแกกลางร้าน การ์ดคุมร้านจะคิดว่าเกิดเหตุทะเลาะวิวาทกันหรือเปล่า” “เป็นแบบนั้นไป...ทีแกยังลำใยฉันเลย แล้วแกไม่ลองมาเป็นฉันบ้างว่าจะลำใยแกมากแค่ไหน ไอ้คนปากแข็ง ชอบเขามาตลอดทำไมถึงไม่ไปจัดการให้เธอมาเป็นของแกอย่างถูกต้อง...อ๊ะอ๊ะ! ถ้าแกจะอ้างเรื่องเงิน  ห้าล้านที่เธอรับไป ฉันว่ามันไม่แฟร์กับเธอ ทำไมแกไม่คิดบ้างว่าที่เธอรับเงินเพราะต้องการจบเรื่องราวระหว่างแก...คิดง่ายๆนะครับคุณเพื่อนที่ทั้งหล่อและรวย บางทีคุณเพื่อนอาจจะไม่ใช่ผู้ชายที่คุณธมนต้องการ แล้วใครจะมาการันตีว่าถ้าวันนั้นเธอไม่รับเงินแก แกหรือใครที่รู้เรื่องระหว่างแกกับเธอเข้าจะต้องคิดว่าเธอต้องการจับแก ในเมื่อแกมีจ่ายห้าล้านได้ถ้ายื้อกันต่อไปเธอก็อาจจะได้มากกว่านั้น การได้ใช้นามสกุลแกสบายไปทั้งชาติ แกว่ามั้ย” วิลเงียบอีกครั้ง การที่มีบุคคลที่สามที่รู้เรื่องราวความจริงที่ถูกต้องให้เหตุผลอย่างเป็นกลางมันก็ไม่ต่างกับการเปิดทางสว่างให้กัน ทำไมเขาถึงคิดเหตุผลนี้ไม่ได้ ทำให้เขาอดย้อนคิดถึงเหตุการณ์วันนั้นไม่ได้ เขาไม่ได้ไปด้วยตัวเอง แต่ทุกการพูดคุยเจรจากันตอนนั้นก็เหมือนกับเขาร่วมอยู่ด้วยซึ่งถ้าคิดไตร่ตรองให้ดีๆ วันนั้นจบลงอย่างง่ายดายใช้เวลาไม่ถึงยี่สิบนาทีด้วยซ้ำ ต่างก็แยกย้ายกันกลับ  “ห้าล้าน ผมจ่ายให้คุณห้าล้านกับหนังสือสัญญาหนึ่งฉบับว่าต่อจากนี้ไปเราสองคนไม่รู้จักกัน เดินผ่านก็เป็นเพียงแค่คนแปลกหน้า” วิล เสนอเงื่อนไขซึ่งเธอต้องกระโดดคว้าไว้แน่นอน เพราะหลังจากนี้อีกไม่นานเมื่อเรื่องทางบ้านของเธอเปิดเผยต่อสังคม เธอก็จะเหลือแต่ตัว เงินห้าล้านเป็นการต่อลมหายใจให้กับเธอในการตั้งหลักกับการเปลี่ยนแปลงของชีวิตครั้งยิ่งใหญ่ เธอต้องตกลง...ตกลงอย่างแน่นอน “ตกลง” เสียงตอบกลับทันทีดังเข้าสู่ปลายสาย คำตอบเป็นไปตามที่วิลคาดหวังไว้ แต่ทำไมหัวใจของเขากลับบีบรัดเบาโหวงอย่างแปลกประหลาด วิลที่อยู่ปลายสายเงียบทันทีเขาไม่ได้ไปพบเธอด้วยตัว เอง เขาส่งทนายไปโดยเปิดสปีกเกอร์โฟนพูดคุยผ่านทางโทรศัพท์  “ตรงไหนคะที่ฉันต้องเซ็น และพวกคุณเตรียมแคชเชียร์เช็คมาแล้วใช่มั้ยคะ” ประโยคแข็งกร้าวดังสะท้อนสู่โสตประสาทของคนที่อยู่ปลายสาย  วิลได้แต่ยกยิ้มมุมปาก ไม่รู้ว่ารอยยิ้มเยียดหยามที่เกิดขึ้นนี้เพื่อตัวเขาหรือเพื่อเธอ หญิงสาวได้มาโดยไม่ตั้งใจของเขา
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD