ให้ข้าช่วย 2

1371 Words
“ท่านคงโดดเดี่ยวและเหน็บหนาวมาเนิ่นนาน ท่านควรปล่อยวางอดีตที่ขมขื่นและมาเริ่มต้นใหม่อย่างเข้มข้นกับข้าเสีย” เจินเจินเอ่ยเรื่อยๆด้วยน้ำเสียงจริงจังดวงตาเป็นประกายมือไม้ซุกซน หลี่เซียวเหยากล้ามเนื้อพลันกระตุกลำตัวชะงักเกร็งแข็งค้างกับประโยคคำว่า อดีตขมขื่น โดดเดี่ยวและเหน็บหนาว ใช่! เขายังไม่เคยลืม เขาไม่คิดจะลืม อดีตที่ขมขื่นนั่น เขาทั้งโดดเดี่ยวและเหน็บหนาวจนต้องเอาธรรมะเข้าช่วยเก็บข่ม มีเพียงธรรมะเท่านั้นที่ช่วยเยียวยาบาดแผลภายในใจของเขาได้ มิใช่สตรีเจ้ามารยาน่ารังเกียจ เหล่าสตรีล้วนน่ารังเกียจ โดยเฉพาะสตรีที่กำลังจะขืนใจเขาอยู่ขณะนี้ แล้วนี่! นางจับเขากดนอนราบกับพื้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน บัดซบ! “ท่าน!” เสียงเจินเจินดังอยู่เหนือร่างของหลี่เซียวเหยา “ยังมีชีวิตอยู่ใช่หรือไม่ ใยถึงตัวแข็งเป็นรูปปั้นปานนี้” “ปล่อย!” หลี่เซียวเหยาเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ เขาอยากจะระเบิดอารมณ์ของตัวเองเต็มที ความสุขุม ความนิ่งเฉย และกิริยาอันแสนจะสุขุมนุ่มลึกของเขากำลังจะหมดไปเพราะสตรีเจ้าเล่ห์นางนี้ที่กำลังขึ้นคร่อมเขาอยู่ “เจ้าอยากตาย ใช่หรือไม่” เขากัดฟันคำราม “ท่านพูดได้” เจินเจินเริ่มตื่นเต้นกับการโต้ตอบของชายหนุ่มใต้ร่าง นางรีบเอ่ยต่อ “ข้ามิได้อยากตาย ข้าอยากช่วยท่าน” “ข้าเป็นองค์ชาย เจ้ากำลังล่วงเกินองค์ชาย เจ้ามีโทษสมควรตาย ลุกออกไป” “ท่านจะเป็นองค์ชายหรือไม่ใช่องค์ชายมิได้สำคัญ ขอเพียงท่านหลุดออกจากอดีตที่ท่านกำลังจมปลักอยู่ ให้ข้าช่วย” "มันไม่ใช่เรื่องของเจ้า" "ข้าอยากช่วยท่าน" “ไม่จำเป็น ข้าไม่ต้องการ” เขาตอบตามสัตย์ “ท่านชอบช่วยตัวเองรึ” นางถามตามตรง “.....” “......” และภายในห้องอันรโหฐานแห่งนี้ที่อดีตไม่เคยได้ปรากฎร่างของสตรีนางใดได้ย่างกรายเข้าไปมาก่อนเลย แต่บัดนี้กลับมีหญิงสาวนางหนึ่งผู้ซึ่งกำลังอยู่บนตัวขององค์ชายสี่หลี่เซียวเหยา ทั้งสองชายหญิงคู่นั้นกำลังคุยกันอย่างออกรสออกชาติในท่วงท่าหมิ่นเหม่ชวนวาบหวิว และภาพนั้นกำลังปรากฎอยู่ในสายตาของสตรีอีกนางหนึ่ง นางที่ซึ่งมักจะชอบแอบมององค์ชายสี่อยู่โดยตลอดในเวลาเนิ่นนานปีที่ผ่านมา “นั่นเจ้ากำลังทำอะไร” เสียงบุรุษผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นจากด้านหลังของสตรีที่แอบมองหลี่เซียวเหยากับเจินเจินอยู่ตรงประตูหน้าห้อง “เจ้าคือ เซียงอวี๋” ชายผู้นั้นเอ่ยทักทายเมื่อเห็นและจำได้ว่านางเป็นใคร นางเป็นน้องสาวของอดีตชายาขององค์ชายสี่หลี่เซียวเหยาที่ตายไป นางคอยติดตามดูแลองค์ชายสี่มาตลอดเวลาหลายปีด้วยเหตุผลเพื่อชดเชยความผิดให้พี่สาวที่สร้างความอัปยศไว้ให้กับองค์ชายสี่พี่ชายของเขา “เอ่อ! องค์ชายห้า” เซียงอวี๋เห็นบุรุษผู้มาใหม่จึงหันไปทำความเคารพอย่างตระหนกตกใจ “ถะ ถวายบังคมองค์ชายห้า เพคะ” “เจ้ายังติดตามองค์ชายสี่อีกหรือ ติดตามมาถึงที่นี่เชียว” หลี่จื้อเฉิงหรือองค์ชายห้าพระอนุชาอีกคนของฮ่องเต้แห่งแคว้นต้าหลี่ขมวดคิ้วคมขึ้นพลางถามอย่างสงสัย “เอ่อ! เพคะ องค์ชายห้า” เซียงอวี๋ก้มหน้าหลบสายตาก่อนตอบรับเสียงเบา นางเคยถูกห้ามไม่ให้ติดตามแต่นางฝืนจนได้มา “เอาล่ะๆ ช่างเถอะ” หลี่จื้อเฉิงไม่อยากต่อความจึงทำท่าเดินเข้าห้องตรงหน้า “เสด็จพี่ของข้าอยู่หรือไม่ อ่ะ!” ชายหนุ่มถึงกับหยุดชะงักกับภาพตรงหน้าที่อยู่ภายในห้องแห่งนี้ เขาจึงเข้าใจได้ในทันที ว่าทำไมเซียงอวี๋จึงต้องยืนเกาะประตูแน่นเยี่ยงนั้น และภาพนั้น ภาพนั้น... หลี่จื้อเฉิงตาโตตกใจ พลันหันหลังกลับไปแล้วออกวิ่งอย่างเร็ว เปลี่ยนเป้าหมายไปอีกตำหนักหนึ่งทันที ซึ่งแต่เดิมนั้น หลี่จื้อเฉิงต้องการมาชวนหลี่เซียวเหยาเล่นหมากล้อม แต่ภาพที่เขาได้ประสพพบเจอทำให้เขาไม่อยากเล่นหมากล้อมอีกต่อไป เพราะภาพนั้น เรื่องนั้น ต้องขยาย.... ณ ห้องทรงอักษรของฮ่องเต้หลี่ซื่อหมินของแคว้นต้าหลี่ “ทูลฮ่องเต้ องค์ชายห้าหลี่จื้อเฉิงขอเข้าเฝ้าพะย่ะค่ะ” สิ้นเสียงขันทีหน้าประตูห้องเสียงหนึ่งพลันดังตามมาพร้อมร่างสูงสง่าของบุรุษที่ชื่อหลี่จื้อเฉิงพุ่งพรวดเข้ามา “เสด็จพี่...” องค์ชายห้าหลี่จื้อเฉิงเป็นพระอนุชาอีกคนหนึ่งของฮ่องเต้หลี่ซื่อหมิน ทั้งองค์ชายสี่หลี่เซียวเหยาและองค์ชายห้าหลี่จื้อเฉิงเป็นพระอนุชาที่ฮ่องเต้หลี่ซื่อหมินทรงสนิทสนมทั้งยังไว้วางใจให้มาช่วยงานที่แคว้นต้าหลี่ซึ่งได้แยกขยายอาณาเขตออกจากแคว้นหลี่ดั้งเดิม และเหตุที่พวกเขาค่อนข้างสนิทสนมกันจึงไม่คำนึงถึงพิธีรีตองอะไรมากนักในเขตส่วนบุคคลแห่งนี้ “เสด็จพี่ ข้ามีเรื่องของพี่สี่มากราบทูล” หลี่จื้อเฉิงเริ่มต้นบทความที่ต้องการขยายจากภาพที่เห็นภายในตำหนักของหลี่เซียวเหยาทันทีโดยไม่สนใจสิ่งอื่นใด ด้วยใจยังคงติดภาพของหลี่เซียวเหยาอยู่ เขายังคงกล่าวขึ้นอย่างต่อเนื่อง “ข้าต้องการให้เสด็จพี่จัดงานอภิเษกสมรสให้พี่สี่โดยเร็ว พี่สี่จะได้ตื่นจากฝันร้ายที่พยายามกลบเอาไว้ด้วยธรรมะเสียที” ประโยคนี้ของหลี่จื้อเฉิงทำเอาฮ่องเต้หลี่ซื่อหมินเจ้าของห้องต้องมองอย่างฉงน “มีเรื่องอันใดหรือ น้องพี่” หลี่ซื่อหมินลุกขึ้นเดินมาที่พระอนุชาของตนพร้อมเอ่ยถามอย่างใคร่รู้ “เฮ้อ! เสด็จพี่ไม่ทรงทราบหรอกว่ากระหม่อมเห็นอะไรมา ภาพนั้นมันทำให้กระหม่อมน้ำตาแทบไหล ในที่สุดพี่สี่ก็ได้หลุดพ้นจากความอัปยศอดสูในอดีตเสียที” หลี่จื้อเฉิงกล่าวขึ้นพร้อมกับทำท่าปาดน้ำตาที่ไม่มีสักหยด พลางเอ่ยต่อเนื่อง “เพราะข้าเป็นหนุ่มเจ้าสำราญ ข้าจึงเข้าใจอารมณ์บุรุษเพศเป็นอย่างดี พี่สี่ของข้าคงเก็บกดมานานปี พระองค์ต้องช่วยพี่สี่ของข้านะ” หลี่จื้อเฉิงยังคงย้ำด้วยสีหน้าจริงจัง “พระองค์ต้องทรงช่วยจัดงานอภิเษกสมรสให้องค์ชายสี่นะ พะย่ะค่ะ” และเมื่อข่าวการขอพระราชทานสมรสแพร่ออกไป… “ข้าไม่รู้เรื่องนะ” เจินเจินสาวงามที่สุดในปฐพีกำลังวิ่งหนีการไล่ล่าฆ่าฟันจากหลี่เซียวเหยาอย่างต่อเนื่อง “ท่านช่วยฟังข้าก่อนได้หรือไม่” หลี่เซียวเหยายังคงก้าวย่างอย่างสุขุมงามสง่าด้วยท่วงท่าเย็นชาแฝงความอำมหิตแผ่กลิ่นอายสังหารมาทางเจินเจินโดยไม่คิดจะสนใจคำแก้ตัวใดๆ “ข้าแค่อยากช่วยท่าน มิได้คาดหวังถึงขั้นแต่งงานเลยจริงๆนะ” เจินเจินยังคงอธิบายพลางกระโดดตัวลอยหลบคมดาบที่อยู่ในมือของหลี่เซียวเหยา ในขณะที่หลี่เซียวเหยากำลังถือดาบคมกริบแวววาวไล่บี้ตามติดร่างงามของเจินเจิน “เจ้ามันนางจิ้งจอกร้อยเล่ห์มารยา” หลี่เซียวเหยาเอ่ยเสียงทุ้มต่ำทรงอำนาจ ดวงตาคมปลาบดำดิ่งไร้ก้นบึ้งลึกล้ำของเขาที่เดิมทีไม่เคยได้ปรากฎเงาของใครในดวงตานั้นมาก่อน บัดนี้ ได้ปรากฎเงาของสตรีนางหนึ่ง ผู้ซึ่งทำให้เขา ตบะแตก! เกินควบคุมอารมณ์ใดๆอยู่ในขณะนี้ “ข้าเป็นนางจิ้งจอกจริง แต่ข้าบริสุทธิ์ใจนะ” เจินเจินเอ่ยด้วยน้ำเสียงโอดครวญ “ข้าจะขวักใจของเจ้าออกมาดู ว่าบริสุทธิ์จริงหรือไม่” หลี่เซียวเหยาเอ่ยด้วยน้ำเสียงดุดันพลางชี้ดาบหมายคาดโทษไปทางเจินเจิน “ไม่ดีหรอกนะ ฮือ...” และการไล่ล่าก็ยังคงดำเนิ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD