บทที่ 7 ข้างกำแพง

1836 Words
“จริงด้วย มาดื่มกันดีกว่า” มือปราบทั้งกลุ่มพลันเปลี่ยนเรื่องคุยเพราะเห็นอู๋จือดูท่าจะไม่ชอบหน้าคุณชายใหญ่ฮัว พวกเขาทำงานด้วยกันย่อมเข้าข้างกันมากกว่าคนนอก จางเจิ้งจีผู้เป็นเจ้าบ่าวแอบสังเกตมาหลายคราวว่าอู๋จือลูกน้องของตนดูเหมือนจะแค้นเคืองสหายหมอจึงได้ดึงมือของฮัวหยางไปหลบมุมสอบถาม “เจ้าไปสร้างแค้นใดให้กับอู๋จือ? ทุกคราวหากมีคนพูดถึงชื่อเจ้า สีหน้าของนางดูเหมือนอยากจะชักกระบี่ออกมาสับเจ้าเป็นหมื่นๆ ชิ้น” ท่านหมอหนุ่มยกยิ้มมุมปากเอ่ยอย่างช้าๆ ชัดถ้อยชัดคำ “ข้าน่ะหรือ? ก็ไม่ได้ทำให้นางบาดเจ็บหรือมีรอยแผลสักหน่อย ก็แค่....ก็แค่จับเขามาลองยา” “ลองยา? เจ้าบ้าไปแล้วหรือ?” “ก็นางอยากบุกรุกเรือนของข้าโดยพลการ ข้าก็สมควรจะลงโทษ แค่ให้กินยาเกิดผดผื่น จากนั้นก็ให้กินยาแก้ผดผื่น ทดลองยาครึ่งชั่วยามก็เสร็จแล้ว” “นางบุกรุกเรือนเจ้าหรือ?” “ก็ใช่น่ะสิ คืนนั้นที่เจ้ามาเรือนปรุงยาของข้า นางก็ตามเจ้ามาด้วย ข้าคิดว่านางคงจะสงสัยเพราะเห็นเจ้าทำตัวลับๆ ล่อๆ” “อ้อ! คืนที่ข้าแอบนัดพบเสี่ยวหวั่นในเรือนของเจ้า” “เจ้าพลอดรักกันเสร็จ ก็แยกย้ายกันกลับ แต่นางบุกเข้ามาเหมือนกับโจร ข้าก็เลยต้องจับตัวไว้ก่อน” จางเจิ้งจีหรี่ตามองสหาย “เจ้าไม่ควรเลยจริงๆ นั่นลูกน้องของข้า คราวหน้าอย่าหาเรื่องนางอีกเล่า? ระยะนี้มีคดีฆาตกรรม นางเป็นคนเอาจริงเอาจัง เห็นข้าทำตัวแปลกๆ ก็เลยตามเข้ามา” “ข้าว่านางระแวงว่าเจ้าเป็นคนร้าย” หัวหน้ามือปราบหน่วยที่สามหัวเราะพอใจ “เอาเถอะๆ อู๋จือก็เป็นอย่างนี้ล่ะ นางไม่ยอมละวางเบาะแสสักอย่าง เรื่องเล็กน้อยก็ไม่ยอมปล่อยผ่าน นางเป็นคนขยัน ทำงานดูแลครอบครัว เจ้าไม่รู้หรอกว่าครอบครัวของนางน่าสงสาร” “ทำไมหรือ?” สายตาฮัวหยางดูอยากรู้ “อู๋จือเป็นเสาหลักของบ้าน นางมาเป็นมือปราบเพราะต้องการหาเงินไปช่วยมารดาส่งน้องชายเรียน เสี่ยวเหอตี้น้องชายคนเล็กของนางสอบเข้าเค่อเฉิงได้ มารดาของนางเปิดร้านขายอาหารเล็กๆ อยู่ละแวกคฤหาสน์ของเจ้านั่นล่ะ” กลุ่มบุรุษมือปราบที่ยังโสดชี้ชวนกันดูหญิงสาวที่มาร่วมงานแต่งครั้งนี้กันอย่างสนุกสนาน พวกเขากันกระซิบกระซาบพูดถึงหญิงงามด้วยสายตาแพรวพราว บุตรสาวของมือปราบอาวุโสหลายคนก็มาร่วมในงานนี้ หัวหน้ามือปราบหน่วยที่เจ็ดพาน้องสาวคนสวยมาด้วย ทำเอามือปราบหนุ่มลุกฮือกันมองนางตาวาว “เจ้าดูๆ แม่นางหว่าน สวยสง่าราวกับหงส์ขาว” เฉินหรงผุดขึ้นกับสหายอีกหลายคนจ้องมองไปทางโต๊ะด้านหน้า อู๋จือยิ้มน้อยๆ “แม่นางหว่านสวยจริงๆ เสื้อผ้าของนางก็งดงาม คนก็มีกิริยามารยาทเรียบร้อย หัวหน้าหว่านเป็นถึงบุตรชายของขุนนางขั้นห้าคงไม่มองมือปราบอย่างพวกท่านไปเป็นน้องเขยหรอก” “เออ จริงด้วย” บุรุษหลายคนส่งเสียงคล้ายถอนหายใจ “ใครกันจะมีวาสนาได้เป็นสามีของแม่นางหว่าน?” มือปราบผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น “หากเป็นคุณชายสกุลฮัวก็น่าจะเป็นไปได้” อู๋จือหน้าเจื่อน นึกถึงใบหน้าหล่อเหลาในยามยิ้มพราย แม้นางจะเกลียดเขาแต่ก็ไม่อาจสลัดบุรุษรูปงามที่โฉดชั่วคนนั้นออกไปจากความนึกคิดได้ เฉินหรงถอนหายใจ “เฮ้อ! ข้าเองก็เป็นแค่มือปราบตัวเล็กๆ คงไม่มีวาสนาเอื้อมถึงนาง” “ข้าไม่อยากมอง มองแล้วก็เกิดความชอบ ตอนนี้ข้าเพิ่งมีเงินเก็บไม่มาก สินสอดหน่อยนิดคงต้องรอไปก่อน ข้าไม่รีบ” มือปราบฟูรีบออกตัว “มือปราบเฉิน ท่านอยากแต่งงานแล้วหรือ?” “อือ...ก็อยากสิ เจ้าดูคนอายุเท่าข้ามีผู้ใดบ้างยังโสด? มือปราบรุ่นนี้ล้วนแต่งงานไปกันหมดแล้ว” เฉินหรงหน้าเริ่มตึงเพราะสุรา “สินสอดของท่านก็พร้อมแล้วไม่ใช่หรือ?” “พร้อมนะ แต่ถ้าจะสู่ขอแม่นางหว่านก็ถือว่าเกินตัว คงต้องเสาะหาสตรีที่เหมาะสมกับข้า” อู๋จือได้ยินก็เกิดความกระตือรือร้น “มือปราบเฉิน ท่านไม่ลองใช้ความจริงใจเข้าสู้ล่ะ บางทีหัวหน้าหว่านอาจจะเห็นใจท่านก็ได้” เฉินหรงโบกมือไปมา “ไม่มีทาง ข้าไม่อยากเป็นเขยแต่งเข้าบ้านขุนนางใหญ่ เจ้าอย่ามัวแต่สนใจเรื่องของข้า อู๋จือ เจ้าอายุสิบเก้าแล้ว ยังไม่มีบุรุษมาหมั้นหมาย ไปสำนักแม่สื่อหน่อยดีไหม?” “ไม่เอา! ข้าไม่แต่งงานหรอก เสี่ยวเหอตี้ยังเรียนไม่จบเลย” “กว่าน้องชายเจ้าจะเรียนจบเจ้าก็อายุมากเกินกว่าจะแต่งงานแล้ว อย่าเรื่องมากเลยน่า ข้ารู้นะว่ามือปราบหนุ่มๆ หลายหน่วยมาเมียงมองเจ้า แต่เจ้าเอาแต่ทำหน้าบึ้ง พวกเขาก็เลยไม่กล้าเข้ามาคุย” เฉินหรงกระเซ้า มือปราบทั้งโต๊ะหัวเราะพร้อมกัน ในหน่วยมือปราบของพวกเขาเคยมีคนคิดจะเกี้ยวพานนางอยู่เหมือนกันแต่เพราะนางตัดรอนทุกคนอย่างชัดเจน พวกเขาจึงต้องปล่อยผ่าน “เจ้าชอบคนเยี่ยงไร? เผื่อข้ารู้จักจะช่วยแนะนำให้เจ้า” เฉินหรงรีบเสนอตัว เขาเห็นว่าอู๋จือเป็นหญิงสาวที่ดีคนหนึ่ง สมควรแนะนำบุรุษดีๆ ให้นาง มือปราบหญิงกระดกสุราไปอีกสองกรึ๊บ “ข้าน่ะหรือ? ข้าชอบบุรุษสง่างาม มีความรู้ จิตใจดี มารยาทดี” เมื่อพูดแล้วเขาก็พลันนึกถึงฮัวหยางขึ้นมา อู๋จือรีบสลัดภาพคนผู้นั้นออก มือปราบคนอื่นๆ ที่ร่วมดื่มหันมามองอู๋จือแล้วยิ้มกว้าง นางเป็นสตรีแข็งแรงปานแม่วัว แต่กลับชมชอบบุรุษอ้อนแอ้น “ที่เจ้าไม่ชอบพวกเรา ที่แท้ก็ชอบพวกบัณฑิตผอมบางอ้อนแอ้นนี่เอง” สหายมือปราบอีกคนหันมายิ้ม เขาก็เคยเป็นหนึ่งในคนที่ชอบนาง “พวกเราเอาใจช่วยเจ้านะ อู๋จือ” มือปราบฟูชูจอกเหล้าขึ้น “ดีๆ เดี๋ยวพวกข้าจะช่วยเฟ้นหาบัณฑิตแถวบ้านข้ามาให้เจ้าเลือก มือปราบอู๋ คราวนี้จะได้แต่งงานเสียที ข้ารอดื่มเหล้ามงคลเจ้ามานานแล้ว” เฉินหรงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากชอบใจ คุณชายใหญ่ฮัวมองไปทางกลุ่มมือปราบที่เริ่มเมาจนลิ้นพันกัน เมื่อเห็นเป้าหมายของตน เขาก็คอยจับมองเป็นระยะๆ รอจนคนผู้นั้นเดินซวนเซออกไปจากประตูบ้านสกุลจางเพียงลำพัง ฮัวหยางจึงหันไปขอตัวกลับ “ข้าได้เวลากลับแล้ว ข้าดื่มสุราได้น้อย ไม่เหมาะจะนั่งอยู่ในงานเช่นนี้นาน เจ้าก็รู้อยู่” จางเจิ้งจีหัวเราะ “ไม่ต้องอ้างหรอก เจ้าอยากกลับก็กลับเถอะ ข้าไม่รั้งไว้ คนอย่างเจ้า การได้เฝ้าเรือนปรุงยาคงเป็นความสุขยิ่งกว่าการพบปะผู้คน” “ขอบใจสหายที่รู้ใจข้า ข้าขอให้เจ้ามีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมืองนะ มีความสุขกับชีวิตสมรสไปจนผมหงอกขาวนะ เจิ้งจี” “เออๆ ขอบใจมากที่มางานแต่งของข้า” ฮัวหยางทิ้งระยะให้อู๋จือออกไปจากประตูเรือนของจางเจิ้งจีสักพัก เขาก็ค่อยตามออกไป คุณชายใหญ่สกุลฮัวสั่งคนขับรถม้าให้ตามไปห่างๆ “อย่าให้คนผิดสังเกตเล่า ตามห่างๆ ไป” “ขอรับ” ในฐานะคุณชายใหญ่สกุลฮัว เขามียอดฝีมือคอยติดตามในยามที่ออกจากเคหสถานอยู่เสมอ ชายหนุ่มเหลือบมององครักษ์ของตนที่กระโจนบนหลังคาทั้งสองฝั่งถนนแล้วค่อยมองไปที่ร่างหญิงสาวเบื้องหน้า อู๋จือเมาซวนเซออกจากงานเลี้ยงฉลองแต่งงานของหัวหน้าหน่วยมือปราบของตน แม้นางจะมองข้างหน้าชัดอยู่แต่ไม่อาจควบคุมร่างกายได้อย่างใจ ‘ปัดโธ่! อุตส่าห์รีบหนีออกมาแล้ว แต่ดันเมากว่าที่คิด’ ในขณะที่คิดว่าตนเองเดินตรงแต่กลับเซไปเบียดกำแพงบ้านผู้อื่นอยู่เรื่อยๆ พอเดินไปไม่ได้ อู๋จือก็ยกมือขึ้นผลักกำแพง ยันร่างของตนให้ผละออกมายืนโงนเงนอยู่ถนน ด้านหลังมีเสียงฝีเท้าหนักๆ ตามนางมา “มือปราบเฉิน....ท่านตามข้ามา พวกเราต้องกลับบ้านอย่างปลอดภัย” นางคิดว่าเฉินหรงเดินตามหลังตนเองมาเพราะบ้านของพวกเขาอยู่ทางเดียวกันจึงได้ส่งเสียงบอก ครั้นเดินชนกำแพงเป็นครั้งที่สามจึงได้หันกลับไปหามือปราบรุ่นพี่ “ให้ข้าไปส่งเจ้ากลับบ้านดีหรือไม่?” บุรุษข้างหลังส่งเสียงทุ้มชวนฟัง อู๋จือหันกลับไปก็เห็นบุรุษร่างสูงตัวหนากว่าตนอยู่ยืนแทบจะชิด นางยืนโงนเงนเงยหน้าขึ้นมอง พอเห็นว่าเป็นฮัวหยางก็รีบยกมือผลักให้เขาถอยออกไป พร้อมกับยกนิ้วขึ้นชี้ “คุณชายใหญ่ฮัว แอบตามข้ามาหรือ? ท่านเอามือปราบเฉินไปซ่อนไว้ที่ใด? เอาเขาออกมาคืนข้าเดี๋ยวนี้ เขาเป็นสหายร่วมหน่วยของข้า ข้าจะไม่ให้เขาถูกคนถ่อยอย่างท่านรังแกเด็ดขาด ข้าต้องดูแลเขา” ฮัวหยางยิ้มน้อยๆ “ข้าเห็นมือปราบเฉินนั่งรถม้ากลับบ้านไปแล้ว มีแค่เจ้านี่ล่ะที่ไม่น่าจะกลับถึง หากยังเดินชนกำแพงอยู่แบบนี้” อู๋จือยืนแทบไม่อยู่ นางคิดจะชี้หน้าด่าคนตรงหน้าอีกสักหน่อยแต่ต้องหันไปใช้มือค้ำกำแพงรั้วข้างๆ เอาไว้แทน พอก้มหน้าลง นางก็รู้สึกเวียนหัว อยากจะอาเจียนออกมา “ไม่ต้องมายุ่งกับข้า เจ้าหมอถ่อย! เป็นท่านที่ชิงจูบแรกของข้าไป แค้นนี้ข้าจะไม่มีวันลืมเลย สักวันต้องหาทางเอาคืนท่านให้ได้” ฮัวหยางยิ้มกว้าง มองคนตรงหน้านิ่ง คืนนั้นนางก็เคยประกาศเช่นนี้มาแล้ว ดูท่า นางคงจะแค้นเขามากที่ชิงจูบแรกของนางไป สายตาของคุณชายใหญ่สกุลฮัวทอประกายวาววาม “เจ้าเสียดายมากเลยหรือที่เป็นข้า?” มือปราบหญิงกำหมัดชูขึ้นตรงหน้า “ก็เออสิ! ข้าอุตส่าห์จะมอบให้คนที่ข้ารัก คนที่จะเป็นสามีของข้า แต่ท่าน...ท่านมันเป็นคนเลวจอมฉวยโอกาส ข้าสมควรจะต่อยท่านให้หมอบหน้าคลุกดิน” “ไม่เป็นไร ในเมื่อเจ้าอยากจะเอาคืน ข้าก็ยินดีจะคืนให้” อู๋จือได้ยินเช่นนั้นก็เม้มปาก “ดี!” **************
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD