หนึ่งเดือนผ่านไป
แคว้นไท่หยวนในเวลานี้เต็มไปด้วยเสียงโห่ร้องด้วยความดีใจ ที่กองทัพต้าฮั่นถูกตีถอยร่นกลับไปไม่เป็นขบวนครั้งแล้วครั้งเล่าตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ไม่ว่าจะทำเช่นไรก็ไม่สามารถเปิดประตูเมืองขนาดยักษ์ของแคว้นได้แม้แต่น้อย เป็นไปตามแผนการของจอมมารเฟิงหยางที่ได้วางเอาไว้ทุกอย่าง
อีกทั้งชินอ๋องและเจิ้งหู่ก็ให้ความร่วมมือกันอย่างแข็งขัน โดยเฉพาะเสนาบดีคลังตั้งแต่นำราชโองการของฮั่นจิ้งตี้ฮ่องเต้มาที่ค่ายทหารของหลิวจินซาน จากวันนั้นจนถึงวันนี้คนผู้นั้นยังไม่ยอมกลับคืนเมืองหลวงฉางอานอีกเลย โดยส่งสาสน์ลับให้แก่องค์ฮ่องเต้ว่าจะอยู่ในค่ายทหารเพื่อต้องการล่วงรู้ให้ได้ว่า
โจวเฟิงหยางคือเทพสงครามมาจุติเป็นมนุษย์จริงหรือไม่ และจะสามารถนำทัพยึดครองไท่หยวนนำชัยชนะกลับไปให้ต้าฮั่นตามที่เอาหัวของตนเป็นประกันได้อย่างไร จุดประสงค์เพื่อต้องการบันทึกเหตุการณ์เอาไว้อย่างละเอียด
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ฮั่นจิ้งตี้ฮ่องเต้ทรงพระราชทานอนุญาตให้ขุนนางใหญ่ผู้นั้นอยู่ภายในกองทัพดังกล่าวต่อไปจวบจนกระทั่งเวลาแห่งการกักตนของจอมมารครบกำหนดหนึ่งเดือน
ภายในกระโจมผู้บัญชาการทัพ
พระวรกายสูงทะมึนของจอมมารเฟิงหยางประทับนั่งเข้าญาณเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บสาหัส จากการถูกแทงด้วยมีดศิลาสวรรค์เข้าที่หัวใจ การเข้ากักตนหนึ่งเดือนในดินแดนมนุษย์เทียบเท่ากับเวลาในดินแดนปีศาจคือหนึ่งชั่วยามเท่านั้น
ทั้งนี้เพื่อใช้ญาณตบะเรียกพลังเวทย์ที่เหลือเพียงหนึ่งส่วนนำมารักษาอาการบาดเจ็บให้ทุเลาลงไม่ให้ลุกลามไปมากกว่านี้อีกทั้งยังหลงเหลืออาการบาดเจ็บจากการรวมเผ่าพันธุ์ปีศาจเมื่อหนึ่งแสนปีก่อน ซึ่งรักษาใกล้จะหายแล้วหลังจากเข้ากักตนมานานกว่าหนึ่งแสนปีแต่ก็ต้องมาบาดเจ็บซ้ำรอยลงไปอีก
จอมมารหนุ่มเข้าญาณอยู่ภายในกระโจมผู้บัญชาการทัพ โดยไม่แตะต้องอาหารใดๆ ทั้งสิ้น อีกทั้งรอบๆ บริเวณภายในรัศมี 20 จั้ง ห้ามไม่ให้ผู้คนหรือสิ่งใดก็ตามผ่านเข้าไปภายในบริเวณดังกล่าว แม้จะมีผู้สอดรู้ดั่งเช่นชินอ๋องซึ่งอยากรู้ว่า ผู้บัญชาการทัพคนใหม่แห่งต้าฮั่น ในแต่ละวันนั้นทำอะไรบ้างอยู่ภายในกระโจมดังกล่าวนอกเหนือจากการกักตน
เพียงแค่ก้าวเท้าเข้าเขตแดนกระโจม ไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ สิ่งของหรืออะไรก็แล้วแต่ มีอันต้องกระเด็นกระดอนไปไกลคนละทิศละทางเลยทีเดียว ไม่เว้นแม้กระทั่งบรรดานกหลากหลายชนิดบนท้องฟ้า ยังไม่สามารถฝ่าม่านอาคมของจอมมารบินเข้ามาเกาะบนยอดกระโจมได้แต่อย่างใด
ด้วยเหตุนี้บรรดาทหารในกองทัพต่างพากันพรั่นพรึงและเกรงกลัวต่อโจวเฟิงหยาง ผู้บัญชาการทัพคนใหม่เป็นยิ่งนักด้วยเพราะเต็มไปด้วยความลึกลับ ดุดันและน่าสะพรึงกลัวจนขนทั่วกายต่างพากันลุกเกรียว หามีผู้ใดขัดคำสั่งและกฎของกองทัพหรือกระทำตนนอกรีตแต่อย่างใด
ง่ายต่อการควบคุมกองทัพกว่ากาลก่อนต่างกันลิบลับเลยทีเดียวแม้ว่าจะไม่เคยออกมาบัญชาการด้วยตัวเอง เพียงแค่คำสั่งที่ถูกถ่ายทอดออกมานั้น เหล่าทหารทุกคนต่างทำตามอย่างว่าง่าย เป็นที่พึงพอใจแก่ชินอ๋องและเจิ้งหู่ที่ได้เห็นสถานการณ์ในกองทัพแปรเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดียิ่ง
ในวันนี้กองทัพของต้าฮั่นจำนวนกว่าห้าหมื่นนาย ได้กระจายกำลังล้อมแคว้นไท่หยวนทั่วทุกทิศทางตามคำสั่งของโจวเฟิงหยาง และอีกหนึ่งหมื่นนายตรึงกำลังอยู่นอกกำแพงเมืองแคว้นไท่หยวน โดยชินอ๋องได้นำหลิวจินซานมาในสนามรบด้วยในวันนี้ เพื่ออวดโฉมกับทัพไท่หยวนเป็นครั้งแรก ตามแผนของผู้บัญชาการทัพคนใหม่
ตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ดวงจิตของลั่วจิ้งที่ฟื้นกลับมาในร่างของหลิวจินซานได้เรียนรู้และซึมซับความเป็นตัวตนรวมไปถึงฐานะอันสูงศักดิ์ของร่างใหม่ที่ดวงจิตของตนผลัดหลงเข้าไปอยู่ด้วยความบังเอิญ
ทำให้เทพนอกรีตเข้าใจว่าตนคือมนุษย์หาใช่เทพหงส์ไฟจากแดนสวรรค์ หนึ่งในแม่ทัพของจักรพรรดิสวรรค์แต่อย่างใดและกำลังเรียนรู้วิถีครองตนสำหรับก้าวขึ้นปกครองแผ่นดินต้าฮั่นในภายภาคหน้าอยู่ในขณะนี้
“เสด็จอา! แน่พระทัยแล้วนะว่านำข้ามาด้วยในการรบครั้งนี้ตามคำสั่งของท่านอาจารย์ จะได้ประโยชน์ตามแผนที่วางเอาไว้”ลั่วจิ้งในร่างของหลิวจินซานถามกลับไปด้วยความอยากรู้
“หากไม่เกิดประโยชน์มีหรือที่อาจารย์ของเจ้าจะให้ข้าทำเช่นนี้ ในเมื่อตัวเจ้าเองเพิ่งจะหายจากอาการบาดเจ็บ แม้ว่าความทรงจำในอดีตจะไม่กลับคืนมาแต่เป็นเช่นนี้แหละดีแล้ว”ชินอ๋องรับสั่งตอบหลานชายกลับไป
และนั่นทำให้ลั่วจิ้งพยักหน้าขึ้นลงด้วยพอจะเข้าใจกับสิ่งที่ชินอ๋องตอบกลับมาเช่นนั้น
“เช่นนั้นก็แสดงว่าจะต้องได้ประโยชน์อย่างแน่นอน หาไม่แล้วอาจารย์จะให้ข้ามาในสนามรบวันนี้ด้วยทำไม แต่ว่าจะไม่ทำอะไรเลยอย่างนั้นเหรอเสด็จอา ตั้งทัพอยู่หน้าประตูเมืองแบบนี้มาครึ่งค่อนวันแล้วนะ”ลั่วจิ้งถามกลับไปอย่างสงสัย
“อาจารย์ของเจ้าสั่งมาแบบนี้ก็ต้องทำตาม หากทำเกินคำสั่งชัยชนะที่จะมีต่อไท่หยวนก็ไม่ต้องคาดหวังกันแล้ว ดีนะที่เจ้าเป็นเช่นนี้ หากเป็นเมื่อก่อนแล้วละก็ป่านนี้เจ้าต้องบ้าระห่ำไม่ยอมฟังความผู้ใด และนำกองทัพเข้าโจมตีไท่หยวนถูกอู๋ฮ่าวเทียนตีทัพจนแตกกลับไปตั้งแต่หลายชั่วยามก่อนแล้วกระมัง และเป็นแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนข้าเหนื่อยใจในการกระทำของเจ้าที่ผ่านมา”
รับสั่งของชินอ๋องทำให้ลั่วจิ้งนิ่งงันไปชั่วขณะเมื่อล่วงรู้พฤติกรรมในอดีตของหลิวจินซาน
“นี่ข้าทำเรื่องโง่เง่าเช่นนั้นจริงๆ หรือนี่ ช่างเป็นการกระทำที่น่าละอายยิ่งนัก”ลั่วจิ้งบ่นพึมพำก่อนจะหันกลับไปมองชินอ๋อง
“ขอเสด็จอาได้โปรดวางใจ หลานจะไม่พฤติตนแย่ๆ ดั่งเช่นที่แล้วมาเป็นอันขาด หลานจะเชื่อฟังอาจารย์และท่านอาเพื่อจะเป็นฮ่องเต้สืบต่อราชบัลลังก์ต้าฮั่นต่อไปในภายภาคหน้าให้ได้พ่ะย่ะค่ะ”ลั่วจิ้งตอบกลับไปเสียงหนักแน่น
ท่ามกลางความพึงพอใจของชินอ๋องรวมไปถึงเจิ้งหู่ ที่นั่งอยู่บนหลังม้าซึ่งเดินทางมาด้วยเพื่อสังเกตการณ์ในสนามรบทุกครั้งเพื่อเก็บรายละเอียดทุกอย่างที่เกิดขึ้น และกลยุทธ์ในเชิงรบของจอมมารที่จะนำมาใช้ในการทำสงครามกับไท่หยวน
“ในที่สุดข้าก็ได้หลานชายคนใหม่ที่ดีกว่าคนเดิมกลับมาหลายเท่า ช่างดียิ่งนัก! ดีจริงๆ หากเป็นเช่นนี้จะได้เบาใจ”ชินอ๋องรับสั่งพร้อมหัวเราะเบาๆ อยู่ในลำคอ
ท่ามกลางสายตาของฝ่ายไท่หยวนโดยการนำของแม่ทัพใหญ่ซือโฉว ตลอดจนถึงแม่ทัพคนอื่นๆ ที่ยืนบัญชาการทัพอยู่ป้อมประตูเมือง ครั้นได้เห็นหลิวจินซานนั่งอยู่บนหลังม้าโดยมีชินอ๋องขนาบข้างอยู่ด้วยเช่นนั้น
“หลิวจินซานยังไม่ตายจริงๆ มิหนำซ้ำกลับหายเป็นปกติราวกับว่าไม่เคยได้รับบาดเจ็บสาหัสจากฝีพระหัตถ์ของฝ่าบาทจะเป็นไปได้อย่างไรกัน ในเมื่อพระองค์ทรงเชี่ยวชาญในการยิงธนูเป็นยิ่งนัก ลูกธนูเข้าจุดตายถึงสามดอกเป็นไปไม่ได้ที่จะหายจากอาการบาดเจ็บได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้”ซือโฉวยืนรำพึงด้วยไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตนเองได้เห็น
“ในเมื่อลูกธนูของข้าครั้งที่แล้วไม่สามารถทำให้หลิวจินซานจบชีวิตลงได้ แต่คราวนี้คนผู้นั้นไม่มีทางรอดไปจากน้ำมือของข้าอย่างแน่นอน”เสียงที่คุ้นหูเป็นอย่างดีดังขึ้นอยู่ทางด้านหลัง
แม่ทัพซือโฉวหันกลับไปตามเสียงดังกล่าวอย่างรวดเร็วพร้อมร่างงามระหงของเจ้าแคว้นคนงาม ปรากฏพระวรกายในชุดเกราะของจอมทัพเสด็จก้าวเข้ามาในป้อมสังเกตการณ์
“ถวายบังคมฝ่าบาท”เหล่าทหารต่างถวายความเคารพกันอย่างพร้อมเพรียง
“พวกเจ้าลุกขึ้น! ไม่ต้องมากพิธี”เจ้าแคว้นคนงามรับสั่งพลางพระดำเนินไปหยุดยืนทอดพระเนตรกองทัพต้าฮั่นที่ตั้งทัพอยู่นอกประตูเมืองไท่หยวน
“ฝ่าบาทเสด็จมาทำไมพ่ะย่ะค่ะ เหตุใดจึงไม่ประทับอยู่ภายในวังหลวงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกกระหม่อมเถิด อีกเพียงครู่เดียวกองทัพต้าฮั่นก็จะถูกตีแตกถอยร่นกลับไปดั่งเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา”ซือโฉวกราบทูลกลับไป
“เจ้าคิดเช่นนั้นนะเหรอซือโฉว! แต่ข้าไม่”เจ้าแคว้นคนงามรับสั่งสวนกลับไป
และถ้อยรับสั่งดังกล่าวทำให้ซือโฉวและแม่ทัพคนอื่นๆ ต่างพากันมองมาที่เจ้าแคว้นโดยพร้อมกัน
“เหตุใดฝ่าบาทจึงคิดเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ”ซือโฉวถามกลับไปด้วยความสงสัย
ใบหน้าสวยของเจ้าผู้ครองแคว้นภายใต้หน้ากากสีเงินปิดบังพระพักตร์กวาดสายพระเนตรไปที่แม่ทัพที่อยู่ภายในป้อมปราการบนกำแพงยักษ์อยู่เพียงครู่ พลางส่ายพระพักตร์ไปมา
“เพราะชัยชนะที่ได้รับติดต่อกันมาโดยตลอด จึงทำให้พวกเจ้าทุกคนต่างพากันชะล่าใจไปกันหมด สำหรับข้าแล้วชัยชนะของไท่หยวนตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาไม่ได้มาอย่างแท้จริง แต่เป็นเพราะต้าฮั่นแกล้งพ่ายแพ้ต่างหากเล่า”
“หา! แกล้งแพ้อย่างนั้นเหรอพ่ะย่ะค่ะ”บรรดาแม่ทัพกล่าวออกมาเป็นเสียงเดียวกัน”
เจ้าแคว้นคนงามพยักพระพักตร์ขึ้นลงพร้อมชี้พระหัตถ์ไปที่ร่างขององค์ไท่จื่อแห่งต้าฮั่น
“หลิวจินซานเป็นสิ่งที่ทำให้ข้าล่วงรู้ว่า ไท่หยวนกำลังตกหลุมพรางที่ต้าฮั่นกำลังขุดล่อหลอกเอาไว้ สายข่าวที่ถูกส่งไปสืบความเคลื่อนไหวภายในกองทัพต้าฮั่นเพิ่งส่งข่าวกลับมารายงานข้าเมื่อช่วงเช้า บอกว่านี่คือแผนการของโจวเฟิงหยาง ผู้บัญชาการทัพคนใหม่ของต้าฮั่นที่มีคำสั่งให้จัดทัพหลอกล่อเพื่อทำให้ไท่หยวนตกหลุมพรางเพราะกำลังหลงใหลในชัยชนะ จนหลงกลศึกของต้าฮั่น”
และนั่นทำให้เหล่าแม่ทัพของไท่หยวนต่างพากันยืนนิ่งงันไปตามๆ กันครั้นได้ยินเจ้าแคว้นมีรับสั่งเช่นนั้นออกมา
“แต่เหตุใดสายลับของไท่หยวนเพิ่งจะกลับมาส่งข่าวให้ล่วงรู้เอาตอนนี้ด้วยเล่าพ่ะย่ะค่ะ แทนที่จะส่งข่าวเสียตั้งแต่แรกที่ล่วงรู้แผนการอันแยบยลของต้าฮั่น”ซือโฉวถามกลับไปด้วยความสงสัย
รอยแสยะยิ้มเหยียดปรากฎขึ้นมุมปากของเจ้าแคว้นคนงาม ไม่ใช่รอยหยามเหยียดให้แก่อีกฝ่ายแต่เป็นของฝ่ายตัวเองที่เสียรู้กลศึกของต้าฮั่นเข้าให้แล้ว
“นั่นก็เพราะว่าสายลับของเราเพิ่งจะหาทางออกจากค่ายทหารของต้าฮั่นได้นะสิ”
รับสั่งของเจ้าแคว้นช่างสร้างความงุนงงและสงสัยให้แก่เหล่าแม่ทัพของไท่หยวนเป็นยิ่งนักเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“หาทางออกจากค่ายทหารอย่างนั้นเหรอพ่ะย่ะค่ะ สายลับของเราที่ส่งไปมีด้วยหรือนี่ที่จะหาทางเข้าออกของค่ายทหารต้าฮั่นไม่พบจนต้องถูกกักตัวเอาไว้ถึงหนึ่งเดือน และจู่ๆ ก็หลุดออกมาส่งข่าวให้ไท่หยวนล่วงรู้วันนี้”ซือโฉวเอ่ยขึ้นด้วยไม่อยากเชื่อว่าจะมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น
“แต่มันเป็นไปแล้ว!”เจ้าแคว้นรับสั่งออกมาเพียงสั้นๆ
พร้อมหันกลับไปทอดพระเนตรกองทัพต้าฮั่นที่ตั้งเรียงรายอยู่นอกกำแพงยักษ์ที่เป็นปราการชั้นดี ยากนักที่จะมีผู้ใดสามารถทะลวงเข้าไปได้
“ดูท่าข้าจะประเมินโจวเฟิงหยางผู้นี้ต่ำไปเสียแล้ว คนผู้นี้ฉลาดแกมโกง อีกทั้งเต็มไปด้วยเล่ห์กลมากมายยิ่งนัก และดูเหมือนว่าจะมีมนตราคู่กายเสียด้วย หาไม่แล้วจะล่วงรู้ได้อย่างไงว่าสายข่าวที่ไท่หยวนส่งไปเป็นผู้ใด”รับสั่งพลางครุ่นคิดตาม
“มิหนำซ้ำยังทำให้คนของเราหลงวนเวียนอยู่ในค่ายทหารหาทางออกจากค่ายไม่พบตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา จนกระทั่งวันนื้ที่ทัพใหญ่นำหลิวจินซานมาปรากฏตัวตรงหน้ากำแพงเมืองอยู่ในเวลานี้”เจ้าแคว้นคนงามรับสั่งพร้อมหันกลับไปทอดพระเนตรแม่ทัพของพระองค์
“เตรียมตัวกันได้แล้ว!!! ศึกอันแท้จริงกำลังเริ่มขึ้น!”สุรเสียงมีพระบัญชาดังกึกก้อง
“พ่ะย่ะค่ะ!”บรรดาแม่ทัพและเหล่าทหารหาญต่างขานรับเสียงดังกระหึ่ม พร้อมเสียงของเจ้าแคว้นดังสวนขึ้น
“เอาธนูมาให้ข้า!”รับสั่งหาธนูคู่พระทัยที่ทรงใช้ในสนามรบ
เพียงครู่ธนูประจำพระองค์พร้อมด้วยถุงหนังสัตว์ที่เต็มไปด้วยลูกธนูมากมายอัดแน่นอยู่ภายในนั้น รีบนำมาถวายให้แก่เจ้าแคว้นคนงามเพื่อใช้เป็นอาวุธในการทำสงครามครั้งนี้
เจ้าแคว้นหันกลับไปหยิบคันธนูพร้อมสะพายถุงหนังที่เต็มไปด้วยลูกศรอัดแน่นอยู่ภายในนั้นไว้ทางด้านหลังของพระวรกาย พร้อมดึงลูกธนูออกมาสามดอกขึ้นสายคันธนูง้างออกจนสุดแขน เล็งเป้าหมายไปที่ร่างของหลิวจินซาน
“ครั้งที่แล้วเจ้าถูกคมธนูของข้าแทบสิ้นชีพ แต่กลับรอดตายมาได้อย่างไม่น่าจะเป็นไปได้ ทว่าครั้งนี้ข้าจะไม่มีวันพลาดเป็นอันขาดชีวิตของเจ้าจะต้องเซ่นสังเวยให้แก่เสด็จพ่อเสด็จแม่ของข้า หลิวจินซาน!!!”สุรเสียงเกรี้ยวกราดลอดไรพระทนต์
เจ้าแคว้นคนงามง้างลูกธนูจนสุดแขนอยู่เพียงครู่ก่อนจะปล่อยออกไปอย่างรวดเร็ว ลูกธนูทั้งสามดอกพุ่งตรงเข้าไปที่ร่างขององค์ไทจื่อแห่งต้าฮั่นอย่างรวดเร็ว
ฟิ้ววววว!!! ลูกธนูทั้งสามดอกพุ่งตัวออกจากคันธนู วิ่งตรงเข้าหาเป้าหมายอย่างแม่นยำไม่คลาดเคลื่อนแม้แต่น้อย ท่ามกลางอาการตื่นตะลึงของทุกสายตาที่เห็นเหตุการณ์ดังกล่าวกันอย่างถ้วนหน้าภายในสนามรบ
ทันใดนั้นเอง
ร่างสูงใหญ่ของบุรุษอาภรณ์สีดำทะมึนปรากฏกายขึ้นมาทันทีไม่รู้ว่ามาจากทิศทางใด ลอยละลิ่วพร้อมตวัดลูกธนูทั้งสามดอกที่พุ่งเข้าหาหลิวจินซานที่ทุกสายตามองก็ล่วงรู้ว่า ลูกธนูทั้งสามนั้นพุ่งตรงเข้าหาตำแหน่งจุดตายด้วยกันทั้งสิ้น
หมับ!!! พระหัตถ์ของจอมปีศาจตรงเข้าคว้าลูกธนูทั้งสามดอกเอาไว้อย่างรวดเร็ว ที่กำลังพุ่งเข้าหารัชทายาทแห่งต้าฮั่นเอาไว้อย่างง่ายดาย พระวรกายใหญ่หมุนคว้างดั่งลูกข่างก่อนจะลงสู่พื้นดินหยุดยืนสูงทะมึนอยู่เพียงลำพัง
โดยมีกองทัพของต้าฮั่นตั้งแถวเรียงรายอยู่ทางด้านหลังของพระองค์ ท่ามกลางสายตาของทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ดังกล่าวกันอย่างถ้วนหน้า โดยเฉพาะเจ้าผู้ครองแคว้นไท่หยวนที่จดจำบุรุษอาภรณ์ดำได้เป็นอย่างดี
“เจ้าคนผู้นั้น!”เจ้าแคว้นคนงามรับสั่งออกมาทันที เมื่อได้ทอดพระเนตรบุรุษอาภรณ์ดำ
“ผู้ใดกันเล่าเหตุใดจู่ๆ จึงปรากฏกายออกมาเช่นนั้น อีกทั้งยังสามารถรับลูกธนูของฝ่าบาทเอาไว้ได้อย่างแม่นยำ สวมอาภรณ์ดำเสียด้วย หรือว่าคนผู้นี้จะเป็นผู้บัญชาการทัพคนใหม่ของต้าฮั่นที่เพิ่งจะถูกแต่งตั้งเข้ามาแทนที่หลิวจินซาน ใช่! ต้องใช่อย่างแน่นอนเลยพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”แม่ทัพซือโฉวกล่าวออกมาทันที
ในขณะที่เจ้าแคว้นคนงามบัดนี้ดวงตาแข็งกร้าวยิ่งนัก เมื่อได้ยินแม่ทัพคนสนิทกล่าวออกมาเช่นนั้น
“ที่แท้คนผู้นั้นเป็นผู้บัญชาการทัพคนใหม่ของต้าฮั่นหรือนี่”รับสั่งสุรเสียงลอดไรพระทนต์พร้อมขบเข้าหากันจนแน่น พระเนตรคู่สวยแข็งกร้าวลุกโชนดุจเปลวเพลิงแห่งโลกันตร์