ตอนที่ 8 คราแรกที่พานพบ/2

2754 Words
ท่ามกลางฝุ่นตลบฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณเมื่อกองทัพของต้าฮั่นต้องถอยร่นเพื่อกลับมาตั้งหลัก ในขณะที่รัชทายาทต้าฮั่นหลิวจินซานต้องหยุดม้าอย่างกระทันหัน เมื่อทัพหลวงที่เป็นกำลังเสริมตามมาสมทบเข้าให้พอดี และทันทีที่ทรงทอดพระเนตรเช่นนั้นสรุเสียงรับสั่งตวาดดังกระหึ่มกึกก้องออกมาทันใด “เหตุใดทัพเสริมจึงมาล่าช้าเช่นนี้ รู้หรือไม่ว่าทัพหลวงต้องถอยร่นออกมาอย่างหมดรูปเพราะกำลังเสริมมาไม่ทันทำให้กำลังทหารไม่เพียงพอที่จะต้านทัพหลวงของไท่หยวนเอาไว้ได้! หรือว่าพวกเจ้าขลาดกลัวทัพศัตรูอย่างนั้นหรอกเหรอจึงได้ถ่วงเวลามาล่าช้า! ไอ้พวกลูกเต่า!”รัชทายาทต้าฮั่นรับสั่งก่นด่าด้วยความพิโรธ ในขณะที่แม่ทัพซึ่งเป็นหน่วยกำลังเสริมได้แต่กลืนน้ำลายลงคอครั้นได้ยินเช่นนั้น “หาไม่ได้พ่ะย่ะค่ะไทจื่อ แต่เหตุที่ทัพเสริมตามมาสมทบช้า ด้วยเพราะทัพของกระหม่อมบังเอิญผ่านไปพบเจ้าผู้ครองแคว้นและฮองเฮาของไท่หยวนประทับอยู่โรงเตี๋ยมก่อนจะถึงเทือกเขากันหลง จึงพากันล้อมจับอ๋องไท่หยวนและฮองเฮาเอาไว้ได้ จึงเป็นเหตุให้นำทัพเสริมตามมาสมทบล่าช้าพ่ะยะค่ะ ครั้นรัชทายาทต้าฮั่นได้ยินเช่นนั้นจากพระพักตร์ถมึงทึงแปรเปลี่ยนไป “จริงหรือนี่! พวกเจ้าจับอ๋องไท่หยวนให้ข้าได้แล้วอย่างนั้นเหรอ! ดี! ทำได้ดี! ถ้าเช่นนั้นไปนำตัวมาให้ข้าเดี๋ยวนี้! อยากจะรู้ยิ่งนักว่าอู๋ฮ่าวเทียนได้เห็นหน้าพ่อและแม่ของตนเองถูกข้าจับเอาไว้เช่นนี้จะทำหน้าเช่นไร! พาตัวออกมา!”รับสั่งสุรเสียงดังกระหึ่มได้ยินไปทั่วทั้งกองทัพ สิ้นพระสุรเสียง ทหารหลวงของต้าฮั่นกว่าสิบนายเดินนำหน้าร่างชายหญิงสวมอาภรณ์ชนชั้นคหบดี เพื่อความปลอดภัยในการเดินทางว่าไม่ใช่เชื้อพระวงศ์ ทั้งสองถูกเชือกมัดมือไพล่หลังเอาไว้อย่างแน่นหนา อ๋องไท่หยวนและฮองเฮาซือฉีถูกลากออกมาอย่างไม่ปราณีก่อนจะผลักลงให้นั่งคุกเข่าลงกับพื้น “ต่อหน้าองค์ไทจื่อแห่งต้าฮั่นคุกเข่าลงเดี๋ยวนี้!”เสียงทหารคำรามลั่น ทว่าอ๋องไท่หยวนและฮองเฮาซือฉี กลับยังคงยืนเผชิญหน้ากับรัชทายาทต้าฮั่นอย่างไม่หวั่นเกรงแต่อย่างใด ยังคงยืนหยัดไม่ยอมคุกเข่าให้อีกฝ่าย เป็นเหตุให้พระพักตร์คมคายสั่นไหวระริกด้วยความพิโรธขึ้นมาทันทีครั้นทอดพระเนตรท่าทีที่แสดงออกมาเช่นนั้น “เจ้าทั้งสองเหิมเกริมยิ่งนักต่อหน้าข้าผู้ซึ่งมีฐานะสูงส่งเป็นถึงรัชทายาทแห่งต้าฮั่น เจ้าของผืนแผ่นดินนี้ทั้งหมดยังหาญกล้าแสดงท่าทีไม่ให้ความเคารพจ้าวชีวิตของพวกเจ้าอย่างนั้นอีกเหรอ!!!”รัชทายาทหนุ่มรับสั่งตวาดกลับไป ครั้นอ๋องไท่หยวนและฮองเฮาซือฉีได้ยินเช่นนั้น ทั้งสองพระองค์ตะเบ็งเสียงพระสรวลออกมาพร้อมกันด้วยความรู้สึกขบขันเสียเต็มประดาในความลุ่มหลงของเด็กหนุ่มตรงหน้า “เจ้ามันก็เพียงแค่เด็กเมื่อวานซืน รากเหง้าสกุลหลิวพื้นเพเป็นเช่นไรทั่วแคว้นในใต้หล้านี้ต่างล่วงรู้ดี เสด็จปู่ของเจ้าแม้เป็นเพียงสามัญชนถือกำเนิดจากชนชั้นชาวนาแต่กลับตระหนักถึงตัวตนที่ถือกำเนิดมาอยู่เสมอไม่เคยเปรียบเปรยกับผู้ใด จึงทำให้พวกเจ้าก่อตั้งราชวงศ์ฮั่นขึ้นมาได้ ทว่าไม่อยากเชื่อเลยว่าลูกหลานสกุลหลิวจะมีผู้สืบทอดบัลลังก์ที่โง่เขลาและหลงลืมกำพืดอันต้อยต่ำของตนเองไปได้เสียนี่” รับสั่งของอ๋องไท่หยวนเช่นนั้นเล่นเอารัชทายาทหนุ่มจากต้าฮั่นเดือดดาลขึ้นมาอย่างสุดกำลังครั้นทรงได้ยินเช่นนั้น “ช่างตีฝีปากกล้าเสียจริง ดี! ให้ปากกล้าเช่นนี้ตลอดไปเถอะ ข้าอยากจะรู้เช่นกันว่าทันทีที่อู๋ฮ่าวเทียนล่วงรู้ว่าเจ้าทั้งสองตกอยู่ในกำมือข้า รัชทายาทเพียงหนึ่งเดียวของไท่หยวนจะทำเช่นไร หากข้าต้องการหัวอู๋ฮ่าวเทียนแลกกับชีวิตเจ้าทั้งสอง” สิ้นพระสุรเสียงรัชทายาทต้าฮั่นเปล่งเสียงพระสรวลกึกก้องออกมาด้วยความสะใจที่ได้มีโอกาสพลิกสถานการณ์กลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบหลังจากที่ได้รับความพ่ายแพ้มาโดยตลอด ครั้นอ๋องไท่หยวนและฮองเฮาซือฉีได้ยินเช่นนั้น ทั้งสองพระองค์ต่างหันกลับมามองหน้ากันทันที “ชีวิตของเราทั้งสองกลายเป็นข้อต่อรองให้เฟ่ยเฟ่ยเสียเปรียบจนได้ เมื่อเป็นเช่นนี้คงถึงเวลาของข้าและเจ้าแล้วซือซือ”อ๋องไท่หยวนรับสั่งเบาๆ กับฮองเฮาของพระองค์ ท่ามกลางสายพระเนตรของฮองเฮาคู่ทุกข์คู่ยากซึ่งครองคู่ด้วยกันมาอย่างยาวนาน ทอดพระเนตรพระสวามีผ่านม่านน้ำตาที่กำลังเอ่อล้นคลอเบ้าอยู่ในขณะนี้ “เฟ่ยเฟ่ยจะต้องเข้าใจที่ฝ่าบาทและหม่อมฉันตัดสินใจทำเช่นนี้ เพื่อไม่ให้เป็นตัวถ่วงในการทำศึกและให้ไท่หยวนดำรงอยู่ได้ต่อไป เราสองจะต้องไม่ทำให้ลูกต้องเป็นห่วงไม่ว่าพระองค์จะเสด็จไปที่ใดหม่อมฉันจะติดตามพระองค์ไปทุกหนแห่งเพคะ”ฮองเฮาคู่ทุกข์คู่ยากตอบพระสวามีกลับมา ไม่ต้องมีถ้อยเจรจายืดยาวเพียงแค่สายพระเนตรต่างล่วงรู้ว่าจะต้องทำเช่นไรต่อไป ทันใดนั้นเอง “กราบทูลองค์ไท่จื่อทัพหลวงของไท่หยวนติดตามมาทันแล้วพ่ะย่ะค่ะ”เสียงของเหล่าทหารในกองทัพตะโกนก้องถวายรายงานพร้อมชี้มือไปทางฝุ่นคละคลุ้งขนาดมหึมาบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่า ม้าศึกเหล่านั้นถูกควบมาเต็มฝีเท้า “จับตัวประกันของไท่หยวนให้ลุกขึ้นมา! ข้าจะต้องใช้ประโยชน์เพื่อเด็ดหัวอู๋ฮ่าวเทียนให้จงได้ หาอะไรอุดปากเอาไว้ด้วยจะได้ไม่ต้องร้องตะโกนให้ได้ยินเสียงน่ารำคาญ”รัชทายาทหนุ่มมีพระบัญชาทันที สิ้นเสียงพระบัญชาเชือกที่ทำจากหนังวัวร้อยผ่านท่อนไม้ไผ่นำมาคาดไว้ที่ปากจนแน่นเพื่อไม่ให้พูดหรือร้องตะโกนขอความช่วยเหลือใดๆ ได้ อู้ววว!อู้ววว! อ๋องไท่หยวนพร้อมด้วยซือฉีฮองเฮาได้แต่ส่งเสียงเอ็ดอึงอยู่ในลำคอ ก่อนจะถูกฉุดกระชากให้ลุกขึ้นจากพื้นอย่างไม่ปรานี ท่ามกลางกำลังทหารที่คอยระแวดระวังหลักประกันอันมีค่าเพื่อใช้เป็นข้อต่อรองกับอีกฝ่าย โดยที่ฮองเฮาซือฉีไม่สามารถใช้วรยุทธ์ที่นางมีอยู่พอตัวปกป้องตนเองและพาพระสวามีหลบหนีออกจากทัพหลวงของต้าฮั่นไปได้เลย ตุบ! ตุบ! ร่างของชายหญิงสูงวัยซึ่งมีฐานันดรศักดิ์เป็นเจ้าผู้ครองแคว้นและฮองเฮาของไท่หยวนถูกแตะเข้าที่ข้อพับจนทรุดกายลงนั่งคุกเข่ากับพื้นดิน มองตรงไปเบื้องหน้าเห็นทัพหลวงไท่หยวนกำลังควบม้าห้อตะบึงมาอย่างสุดฝีเท้าและแน่นอนว่า ผู้ที่อยู่บนหลังม้าตัวแรกก็คือรัชทายาทอู๋ฮ่าวเทียน ทันทีที่เห็นสองร่างถูกทำให้ทรุดกายลงนั่งคุกเข่ากับพื้นดิน แม้จะเห็นในระยะไกลก็ล่วงรู้ว่าเป็นผู้ใด “เสด็จพ่อ! เสด็จแม่!”รับสั่งเพรียกหาครั้นทอดพระเนตรร่างชายหญิงสูงวัยนั่งคุกเข่าอยู่กับพื้นดิน รัชทายาทหน้าสวยรีบควบม้าเร่งฝีเท้าให้เร็วยิ่งขึ้น จนม้าศึกที่ประทับนั่งอยู่ในขณะนั้นโจนทะยานวิ่งนำหน้าไปเพียงลำพัง ไร้กองทหารอารักขาติดตาม ในขณะที่ทางฝ่ายทัพต้าฮั่นครั้นรัชทายาทหลิวจินซานทอดพระเนตรศัตรูวิ่งนำหน้ามาเช่นนั่นพระองค์บังคับม้าออกเดินมาหยุดอยู่แถวหน้าสุด รอยแสยะยิ้มเหยียดปรากฏอยู่บนพระพักตร์เมื่อสถานการณ์ต้าฮั่นเป็นฝ่ายได้เปรียบอยู่ในเวลานี้ “ถึงเวลาแล้วที่ข้าจะได้หัวรัชทายาทผู้นี้กลับไปถวายเสด็จพ่อเสียที ร่างที่ไร้หัวของมันจะต้องถูกข้าแขวนประจานหน้าประตูเมืองฉางอาน ส่วนหัวจะเสียบประจานบนยอดกำแพงเมืองให้ฝูงนกแร้งกาจิกกิน โทษฐานที่คิดต่อต้านต้าฮั่นจะต้องพบกับจุดจบเช่นนี้ทุกราย!”สุรเสียงรับสั่งลอดไรพระทนต์อย่างแค้นเคืองไม่รู้วาย ทว่าสิ่งที่คิดใช่ว่าจะเป็นดั่งหวังครั้นม้าศึกของรัชทายาทจากไท่หยวนเริ่มมาอยู่ในระยะที่สามารถใช้อาวุธสังหารได้อย่างประจวบเหมาะและแน่นอนว่าไม่มีทางพลาดเป้าอย่างแน่นอน “ข้าไม่มีวันที่จะให้พวกต้าฮั่นใช้เสด็จพ่อเสด็จแม่ มาเป็นเครื่องต่อรองของสงครามอย่างเด็ดขาดทั้งสองพระองค์ต้องยินยอมปลิดชีพตนเองดีกว่าจะถูกใช้ให้เป็นประโยชน์ เช่นนั้นก็มีเพียงวิธีนี้เท่านั้น”สิ้นเสียงคำรามในลำคอ อู๋ฮ่าวเทียนยกคันธนูคู่กายพร้อมดึงลูกธนูจากทางด้านหลังจำนวนสามดอกขึ้นสายพร้อมง้างจนสุดแขน เล็งเป้าหมายไปที่ร่างของรัชทายาทต้าฮั่นโดยไม่รอให้อีกฝ่ายนำสองผู้ให้กำเนิดทำการเจรจาต่อรองแต่อย่างใด “ถึงเวลาตายของเจ้าแล้วหลิวจินซาน!!!”รัชทายาทหน้าสวยคำรามลั่น ฉับพลันท้องฟ้าเบื้องบนปรากฏมีลำแสงขนาดใหญ่พุ่งหลาวตกลงมายังเบื้องล่างบริเวณที่ทัพหลวงของต้าฮั่นและไท่หยวนกำลังเผชิญหน้ากัน เป็นเหตุให้ทุกชีวิตของมนุษย์ที่อยู่เบื้องล่างต่างแหงนหน้าขึ้นมองบนฟ้าด้วยความแปลกใจกันอย่างถ้วนหน้า ที่เห็นแสงสว่างคล้ายดาวตกในเวลากลางวันเช่นนั้นกำลังพุ่งตกลงมาเบื้องล่าง ใบหน้าสวยของรัชทายาทสาวแหงนขึ้นมองท้องฟ้าโดยพลัน “เกิดเหตุดาวตกลงมาจากฟากฟ้าเบื้องบนหรือนี่”รับสั่งแปลกพระทัย ในขณะเดียวกันลำแสงที่สายตาของมนุษย์เบื้องล่างเห็นอยู่ในขณะนั้น แท้จริงแล้วคือพระวรกายของจอมมารเฟิงหยางซึ่งร่วงหล่นมาจากดินแดนปีศาจ ในขณะที่หงส์หนุ่มจากแดนสวรรค์นามว่าลั่วจิ้งร่วงหล่นตามลงมาติดๆ เช่นกัน เทพสวรรค์ซึ่งมีเชื้อสายของราชามาร 1 ใน 11 เผ่าที่ถูกจอมมารเฟิงหยางสังหาร โดยไม่ล่วงรู้ว่าในขณะนั้นหนึ่งในราชามารได้ผูกวาสนากับเซียนสาวที่อยู่ในเผ่าหงส์จนตั้งครรภ์ ฝากสายเลือดของราชามารที่หลงเหลืออยู่เพียงหนึ่งเดียวเอาไว้ ซึ่งไม่มีผู้ใดล่วงรู้แม้กระทั่งราชามารผู้เป็นบิดาก็ไม่ล่วงรู้เช่นกัน ทว่าหงส์สาวผู้นั้นด้วยความรักและผูกจิตเสน่หาอย่างสุดซึ้งกับราชามารผู้นั้น ได้คอยพร่ำบอกบุตรชายของตนอยู่ทุกทิวาและราตรีว่าแท้จริงแล้วบิดาคือผู้ใด และเหตุใดดวงจิตต้องแตกดับเมื่อครั้งเกิดสงครามรวมเผ่าพันธุ์ของดินแดนปีศาจ จึงทำให้ลั่วจิ้งผูกจิตอาฆาตหวังชำระแค้นให้ราชามารซึ่งเป็นบิดาของตน พยายามฝึกฝนญาณตบะจนสำเร็จขั้นที่ 6 จึงสามารถฝ่าด่านเข้าไปถึงเทือกเขาหลงฉิงของดินแดนปีศาจได้เป็นผลสำเร็จ จุดมุ่งหมายเพื่อต้องการครอบครองหินสามภพ ซึ่งรวบรวมพลังเวทย์ของราชาปีศาจเพื่อบรรลุญาณระดับ 8 และกลับมายึดครองดินแดนปีศาจกลับคืนมาเป็นของตน ก้าวขึ้นแทนที่ราชาปีศาจเฟิงหยางนั่นเอง เทพลั่วจิ้งซึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสเริ่มรู้สึกตัวสะลึมสะลือและต้องเบิกตากว้างอย่างตื่นตระหนกครั้นเห็นราชาปีศาจตามติดมาอย่างกระชั้นชิด โดยมิทันสังเกตว่าราชาปีศาจทรงหมดพระสติอยู่ในขณะนั้นเช่นกัน พระวรกายใหญ่ร่วงหล่นมาอย่างรวดเร็วและกระแทกเข้ากับร่างที่ไหม้เกรียมไปครึ่งซีกของลั่วจิ้งเพราะถูกพลังเวทย์ของจอมมารเผาทำลาย พลั่ก!!! พระวรกายใหญ่ของจอมมารกระแทกถูกร่างของหงส์หนุ่มอย่างแรง จนหินสามภพที่ถูกดึงออกจากร่างแต่ยังติดอยู่กับกายบางส่วน จนกระเด็นออกจากร่างของหงส์หนุ่มผู้นั้นตกลงไปแดนมนุษย์ทันที และแรงกระแทกดังกล่าวเป็นเหตุให้เจ้าหนุ่มหงส์หัวขโมยหมดสติไปอีกครั้ง ร่างร่วงหล่นลอยละลิ่วตามจอมมารไปติดๆ เช่นกัน ฟิ้วววว!!!! ลำแสงสีเงินยวงคล้ายดาวตกร่วงหล่นลงมากลางสนามรบเป็นจังหวะเดียวกับที่รัชทายาทจากไท่หยวนปล่อยลูกธนูเล็งไปยังร่างของรัชทายาทจากต้าฮั่นเข้าให้พอดี ฟิ้ว! ลูกธนูพุ่งตรงดิ่งไปที่ร่างของรัชทายาทหลิวจินซานอย่างรวดเร็ว ฉึก! ฉึก! ฉึก! ลูกธนูทั้งสามดอกปักเข้ากลางอกอย่างแม่นยำและดอกสุดท้ายเสียบทะลุใต้ราวนมซ้ายจนร่างรัชทายาทของต้าฮั่นผงะหงายหลังกระเด็นตกลงจากหลังม้าทันที ตุบ! ร่างของรัชทายาทต้าฮั่นนอนแน่นิ่งไม่ไหวติง ท่ามกลางสายตาของทหารในกองทัพทั้งสองฝ่ายต่างเห็นเหตุการณ์ในขณะที่ทางฝ่ายต้าฮั่นเต็มไปด้วยอาการตื่นตระหนกครั้นผู้นำทัพของตนพบกับจุดจบเช่นนั้น ทันใดนั้นเอง แสงสีเงินยวงสองสายตกลงตรงหน้าคั่นระหว่างกลางของทัพทั้งสองฝ่าย ซึ่งทุกสายตาได้แต่พากันยืนนิ่งงันไปตามๆ กันไม่ทันได้ทำหรือเคลื่อนไหวเสียด้วยซ้ำด้วยเหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ตูม!!! หินสามภพตกกระแทกลงแดนมนุษย์ พลังเวทย์ของจอมมารที่อยู่ภายในนั้นทำลายล้างกองทัพของทั้งสองฝ่ายไปชั่วพริบตา พร้อมรอยแยกปริแตกจนแบ่งออกเป็นสองส่วนกระเด็นไปอย่างไร้ทิศทาง ชิ้นส่วนใหญ่ที่สุดซึ่งมีหัวใจของจอมมารเฟิงหยาง ลอยละลิ่วกระเด็นเข้าไปอยู่ในร่างของรัชทายาทคนงามทันทีเพราะอยู่ในวิถีใกล้ที่สุด พรึบ!!! หินสามภพเลือนหายเข้าไปในร่างของอู๋ฮ่าวเทียนโดยพลัน ก่อนจะปรากฏเกราะคุ้มภัยของจอมมารลุกวาบพุ่งออกมาจากกายครอบร่างของนางเอาไว้อย่างรวดเร็ว พร้อมร่างของรัชทายาทจากไท่หยวนกระเด็นลอยละลิ่วไปอย่างไร้จุดหมายโดยมีหินสามภพซีกที่เป็นหัวใจของจอมมารซึ่งมีพลังเวทย์ถึง 9 ส่วนสถิตอยู่ในร่างของนางอยู่ภายในนั้น ในขณะที่อีกครึ่งซีกซึ่งมีพลังเวทย์ของจอมมาร 3 ส่วนกระเด็นหายเข้าไปอยู่ในร่างไร้วิญญาณของรัชทายาทต้าฮั่น พระองค์สิ้นพระชนม์คาที่ตั้งแต่อยู่บนหลังม้าด้วยลูกธนูที่ปักเข้าตรงบริเวณหัวใจ ในขณะเดียวกันเพราะลิขิตสวรรค์ก็ไม่อาจรู้ได้ ร่างที่หมดสติของเทพลั่วจิ้ง หงส์หนุ่มผู้ก่อเหตุในครั้งนี้ ร่วงหล่นจากแดนสวรรค์ตามมาติดๆ ลอยละลิ่วกระเด็นเข้าไปสวมร่างอันไร้วิญญาณของรัชทายาทต้าฮั่น ซึ่งหินสามภพเพิ่งเข้าไปสถิตอยู่เมื่อครู่ที่ผ่านมาด้วยความบังเอิญ เฮือกก! ร่างไร้วิญญาณที่มีดวงจิตของเทพลั่วจิ้งสะดุ้งจนสุดตัวขึ้นมาทันทีก่อนจะสิ้นสติคอพับไปอีกรอบ ในขณะที่พระวรกายของจอมมารซึ่งหมดสติอยู่ในขณะนั้น ร่วงหล่นตกลงไปในหลุมขนาดใหญ่ที่หินสามภพของพระองค์ทำลายล้างกองทัพของไท่หยวนและต้าฮั่น จนกองทัพของทั้งสองฝ่ายกระเด็นกระจัดกระจายไปอย่างไร้ทิศทางและล้มตายประหนึ่งใบไม้ปลิดปลิว ภายในหลุมดังกล่าวนอกจากจะมีจอมมารเฟิงหยางนอนหมดสติอยู่ภายในนั้น ยังมีร่างไร้วิญญาณของอ๋องไท่หยวนและฮองเฮาซือฉีนอนเคียงคู่อยู่ด้วยกันในสภาพยังถูกมัดมือไพล่หลังและยังถูกปิดปากอยู่เช่นนั้น ถัดไปไม่ไกลเท่าใดนักร่างของรัชทายาทหลิวจินซานซึ่งมีดวงจิตของเทพลั่วจิ้งและหินสามภพกระเด็นเข้าไปสถิตอยู่ภายในนั้น ทั่วบริเวณแม้กระทั่งนกกระจอกก็ไม่มีเสียง ร่างเหล่าทหารและแม่ทัพนายกองของทั้งสองฝ่ายต่างนอนตายเกลื่อนกลาดกระจัดกระจายเต็มไปหมดทุกพื้นที่ พลังทำลายล้างของหินสามภพช่างน่าสะพรึงกลัวเป็นยิ่งนัก ทันทีที่ตกจากสวรรค์เบื้องบนลงสู่เมืองมนุษย์ก็คร่าชีวิตของผู้คนนับหลายหมื่นไปชั่วพริบตา ในขณะที่จอมมารหนุ่มผู้เป็นเจ้าของยังคงนอนหมดสติอยู่ภายในหลุมอยู่เช่นนั้น ไม่ล่วงรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด สงครามในครั้งนี้จบลงด้วยการสังเวยชีวิตของผู้คนที่ไม่ใช่ฝีมือของมนุษย์
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD