ในขณะเดียวกัน
ผืนแผ่นดินเบื้องล่างของดินแดนมนุษย์ในขณะนี้ สงครามระหว่างต้าฮั่นและแคว้นไท่หยวนกำลังเข้าปะทะกันอย่างดุเดือด ตลอดระยะเวลาเกือบสามปีที่ผ่านมา กองทัพจากต้าฮั่นซึ่งนำทัพโดยรัชทายาทหลิวจินซาน โหมกระหน่ำเข้าโจมตีแคว้นไท่หยวนอย่างบ้าคลั่ง
ทว่าจนแล้วจนรอดแทนที่จะได้เปรียบกลับต้องตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เป็นเพราะผลจากความดื้อรั้นไม่ยอมฟังแม่ทัพนายกองคนอื่นๆ เป็นเหตุให้พ่ายแพ้ต่อทัพไท่หยวนอย่างหมดรูป เป็นไปตามแผนการของรัชทายาทอู๋ฮ่าวเทียน ซึ่งเป็นผู้นำทัพด้วยตัวเองจนสามารถตีทัพต้าฮั่นถอยร่นกลับไปไม่เป็นขบวน
ท่ามกลางสายพระเนตรของรัชทายาทหน้าสวยอู๋ฮ่าวเทียน ทรงยืนทอดพระเนตรอยู่บนกำแพงเมืองในขณะนั้น สายพระเนตรมองไปโดยรอบทิศทางอย่างพึงพอพระทัย เมื่อสงครามในครั้งนี้ใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว
“ไทจื่อทรงทอดพระเนตร! ทัพต้าฮั่นกำลังถอยร่นกลับไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ซือโฉวกราบทูลด้วยความดีใจครั้นเห็นกองทัพของฝ่ายต้าฮั่นถอยร่นไม่เป็นขบวนเช่นนั้น
ในขณะที่รัชทายาทอู๋ฮ่าวเทียนทรงพยักพระพักตร์ขึ้นลงอย่างพึงพอพระทัยกับสภาพของต้าฮั่นในขณะนี้
“กองทัพต้าฮั่นพ่ายแพ้ติดต่อกันจนขวัญกำลังใจไม่เหลือสิ้น นี่เป็นโอกาสอันดีของไท่หยวนแล้ว ที่จะเผด็จศึกครั้งนี้ให้จบสิ้นอย่างราบคาบเสียที ส่งสัญญาณให้เคลื่อนทัพทางใต้และทิศเหนือบุกโจมตีทัพหน้า ทัพตะวันออกเข้าโจมตีทัพเสริม!!!”
“พ่ะย่ะค่ะ!”เหล่าทหารขานรับพระบัญชาอย่างพร้อมเพรียง
“แล้วทัพหลวงจะรั้งอยู่ที่นี่อย่างนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ”เสียงของซือโฉวกราบทูลถามทำลายความเงียบ
รัชทายาทคนงามในคราบบุรุษหันพระพักตร์กลับไปทอดพระเนตรองครักษ์คนสนิทพลางยกยิ้มออกมาน้อยๆ หากแต่ยังไม่ทันจะมีรับสั่งออกมาพลันเสียงหนึ่งตะโกนขึ้นมาทันที
“แย่แล้วองค์ไทจื่อพ่ะย่ะค่ะ! ไทจื่อ!!!”เสียงเอะอะโวยวายของมหาเสนาบดีฟูซื่อผู้เป็นลุงแท้ๆ ดังขึ้นอยู่ทางด้านหลังขึ้นมาทันใด เรียกหาองค์รัชทายาทซึ่งเป็นหลานของตนด้วยความร้อนรน
และนั่นทำให้รัชทายาทหน้าสวยหันกลับไปทอดพระเนตรตามเสียงดังกล่าวทันใด
“เสียงของท่านลุงไม่ใช่เหรอ เกิดอะไรขึ้นเหตุใดจึงหวนคืนกลับวังหลวงก่อนเวลาอันควร!!!”รับสั่งพร้อมหันพระวรกายกลับรีบเดินออกจากบริเวณดังกล่าวก่อนจะหยุดยืน ครั้นมหาเสนาบดีฟูซื่อเดินทางมาถึงพอดี
“ท่านลุงกลับมาเมืองหลวงทำไม! เหตุใดจึงไม่หลบภัยอยู่พระตำหนักบนเทือกเขากันหลง ท่านกลับมาเช่นนี้ แล้วเสด็จพ่อและเสด็จแม่ของข้าเล่า..หรือว่าเกิดอะไรขึ้น!”รับสั่งถามด้วยความเป็นห่วงครั้นทอดพระเนตรสีหน้าของคนเป็นลุงไม่สู้ดีเอาเสียเลย
“กระหม่อมสมควรตายยิ่งนักที่ไม่อาจปกป้องฝ่าบาทและฮองเฮาเอาไว้ได้ ตอนนี้ทั้งสองพระองค์ถูกทางฝ่ายต้าฮั่นจับตัวไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“อะไรนะ! เสด็จพ่อและเสด็จแม่ของข้าถูกต้าฮั่นจับตัวไปแล้วอย่างนั้นเหรอ!!!!”รัชทายาทคนงามตกพระทัยเป็นยิ่งนักครั้นทรงได้ยินรายงานเช่นนั้น หากแต่เพียงครู่ทรงประคองสติรีบถามกลับไปทันที
“เป็นไปได้อย่างไรที่ต้าฮั่นล่วงรู้สถานที่พำนักของเสด็จพ่อและเสด็จแม่มีเกลือเป็นหนอนในขบวนเสด็จอย่างนั้นเหรอ”
“เรื่องนี้กระหม่อมไม่รู้เช่นกันพ่ะย่ะค่ะ ระหว่างทางขณะเสด็จขึ้นเทือกเขากันหลง ต้าฮั่นเดินทัพหลวงผ่านมาทางโรงเตี๋ยมอันเป็นสถานที่ประทับของเจ้าผู้ครองแคว้นซึ่งกำลังแวะพักระหว่างทางเข้าให้พอดี และโชคร้ายเป็นยิ่งนักที่มีคนในทัพจดจำฝ่าบาทและฮองเฮาได้ จึงเข้าล้อมจับทั้งสองพระองค์ไปให้รัชทายาทจินซาน กระหม่อมกำลังนั่งเฝ้าหม้อต้มยาลดไข้ เพื่อนำมาบรรเทาอาการพระประชวรอยู่ในครัวของโรงเตี๋ยมถวายต่อฝ่าบาทจึงรอดมาได้อย่างหวุดหวิดพ่ะย่ะค่ะ”
สิ้นเสียงรายงานของฟูซื่อซึ่งเป็นลุงแท้ๆ รัชทายาทคนงามกำฝ่ามือของตนเองเอาไว้จนแน่น เล็บจิกเข้าไปในอุ้งมือจนโลหิตไหลซึมออกมาด้วยความเจ็บใจเป็นยิ่งนักระคนเป็นห่วงพระบิดาและพระมารดาอย่างยิ่งยวด
“สถานการณ์แปรเปลี่ยนไปเสียแล้วจากที่ได้เปรียบทุกด้านกลับตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างสิ้นเชิง เสด็จพ่อเสด็จแม่ถูกจับตัวไปพร้อมกันทั้งสองพระองค์เช่นนี้ หากข่าวแพร่ออกไปจนล่วงรู้ไปถึงหูของเหล่าทหารในกองทัพจะต้องเสียขวัญและกำลังใจเป็นแน่เพราะฉะนั้น”รับสั่งเพียงเท่านั้นกลับเงียบงัน ก่อนจะได้ยินเสียงของแม่ทัพแดนใต้ดังแทรกขึ้น
“ไทจื่อได้โปรดรับสั่งเถิดพ่ะย่ะค่ะ พวกกระหม่อมทั้งหมดพร้อมตามเสด็จพระองค์ไปทุกที่ต่อให้แม้นต้องตายก็ไม่เสียดายเพื่อฝ่าบาทและฮองเฮา แล้วต่อให้ต้องบุกไปถึงปรโลกพวกกระหม่อมก็จะขอตามเสด็จไปด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
“พวกกระหม่อมทั้งหมดก็ขอตามเสด็จไปด้วยพ่ะย่ะค่ะ”เสียงแม่ทัพคนอื่นๆ เอ่ยตามติดมา
พระพักตร์สวยพยักขึ้นลงติดๆ กันครั้นได้ยินเหล่าแม่ทัพเอ่ยออกมาเช่นนั้น
“ขอบใจพวกท่านยิ่งนักที่จะติดตามข้าไปทุกที่”รัชทายาทคนงามรับสั่งออกมาจากส่วนลึกในพระทัยดวงตาคู่สวยลุกโชนอย่างแรงกล้าขึ้นมาทันที
“เช่นนั้นแล้วเหตุใดจะต้องรั้งอยู่ที่นี่กันเล่า ข้าจะยกทัพหลวงไปช่วยเสด็จพ่อและเสด็จแม่ออกมาให้ได้ และจะเด็ดหัวของหลิวจินซานส่งกลับไปให้ฮ่องเต้ต้าฮั่น ดูผลของการรุกล้ำที่คิดจะตีแคว้นไท่หยวนของข้า ทัพหลวงตามข้ามา!!!”สุรเสียงรับสั่งดังกระหึ่ม
พระวรกายระหงขององค์รัชทายาทในชุดเกราะของจอมทัพเดินนำหน้าเหล่าแม่ทัพนายกองทั้งหมดเตรียมเคลื่อนทัพหลวงออกจากประตูเมือง
ประตูเมืองของแคว้นไท่หยวนที่ปิดสนิทมานานกว่าสามปีนับตั้งแต่ต้าฮั่นยกทัพใหญ่มาตีแคว้น บานประตูขนาดใหญ่ทั้งสองข้างซึ่งมีความสูงกว่า 500 จั้ง ถึงกับต้องแหงนมองจนคอตั้งบ่า
ประตูเมืองของแคว้นไท่หยวนขึ้นชื่อถึงความใหญ่โตอลังการและแข็งแกร่งดุจเดียวกับประตูของเมืองหลวงฉางอานแห่งต้าฮั่นเรียกได้ว่าต่างไม่น้อยหน้ากันเลยทีเดียว และดูเหมือนว่าไท่หยวนจะแข็งแกร่งกว่ามากเสียด้วยซ้ำ
หากจะวัดกันว่าแคว้นใดมั่งคั่งแล้วละก็ ให้สังเกตจากประตูของแคว้นว่ายิ่งใหญ่และแข็งแกร่งเพียงใด และเพราะด้วยเหตุนี้เอง ฮั่นจิ้งตี้ฮ่องเต้แห่งต้าฮั่นจึงไม่อาจวางใจลงได้ ด้วยเพราะไท่หยวนแข็งแกร่งเกินไปนั่นเอง จำต้องยึดครองแคว้นอันมั่งคั่งแห่งนี้เอาไว้ใต้อาณัติให้จงได้
บานประตูขนาดมหึมาทั้งสองข้างกำลังค่อยๆ ถูกเปิดออกอย่างช้าๆ ด้วยกำลังทหารกว่าหนึ่งร้อยนายพร้อมเสียงของเหล่าทหารผู้กล้าส่งเสียงดังกระหึ่มกึกก้องได้ยินไปทั่วทั้งนครไท่เยวี๋ยน
แอดดดดด!!!! เสียงประตูเมืองเปิดออกพร้อมกันทั้งสองข้าง เผยให้เห็นรัชทายาทรูปงามอู๋ฮ่าวเทียน ของไท่หยวนผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่างดงามราวอิสตรี และเพื่อป้องกันความลับสุดยอดไม่ให้ผู้ใดเห็นโฉมหน้าอันงดงามดั่งเช่นสตรีขององค์ไทจื่อ
คนงามในร่างบุรุษจึงสวมหน้ากากปิดบังพระพักตร์เอาไว้อยู่ตลอดเวลาในขณะทำสงคราม ประทับอยู่บนหลังม้าศึกกำลังควบอาชาตัวมหึมาห้อตะบึง นำหน้าทัพหลวงมุ่งหน้าตามติดกองทัพของต้าฮั่นที่กำลังถอยร่นจนหมดรูปไม่เป็นขบวนอยู่ในขณะนั้นไปอย่างกระชั้นชิด
ท่ามกลางความความฮึกเหิมของทัพไท่หยวนที่มีขวัญและกำลังใจซึ่งผู้นำทัพสามารถตีทัพใหญ่ของต้าฮั่นที่ขึ้นชื่อได้ว่ามีขุมพลังทางทหารที่ยิ่งใหญ่และน่าหวั่นเกรงอย่างยิ่งยวดกลับเสียท่าจนเป็นที่กล่าวขานอยู่ในขณะนี้
ทว่าเหล่าทหารไม่รู้เลยว่าสถานการณ์ที่เหนือกว่าในทุกๆ ด้านกลับเสียเปรียบไปอย่างสิ้นเชิง เมื่ออ๋องไท่หยวนเจ้าผู้ครองแคว้นและฮองเฮาซือฉีถูกจับตัวไปพร้อมกันสองพระองค์
มีเพียงรัชทายาทอู๋ฮ่าวเทียนและบรรดาแม่ทัพใหญ่เท่านั้นที่ล่วงรู้เรื่องนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ตามจุดจบของสงครามในครั้งนี้นั้นก็คือหัวของผู้นำทัพอีกฝ่ายเท่านั้น หากผู้กำชัยชนะคือไท่หยวนแน่นอนว่าพระชนม์ชีพของเจ้าผู้ครองแคว้นและฮองเฮาย่อมปลอดภัยอย่างแน่นอน