ตอนที่ 1
“โอ๊ย...” เสียงครางงึมงำแผ่วเบาและร่างกายเริ่มขยับทำให้สาวสวยกำลังยืนดื่มน้ำอยู่ใกล้ๆ แทบจะสำลัก ก่อนที่เจ้าตัวรีบวางแก้วแล้วเข้าไปดูคนบนเตียงด้วยสีหน้าตื่นๆ ปนดีใจ
“ยัยรุ้ง! เขารู้สึกตัวแล้ว มาดูเร็ว” จิรันธรหันไปเรียกเพื่อนให้รีบมาดูอาการชายหนุ่มที่นอนไม่ได้สติมานาน
“แกก็กดปุ่มเรียกพยาบาลสิ” รุ้งตะวัน กรรณนิทัศน์ โคโยตี้สาวแสนสวยพูดขึ้น ก่อนจะเดินมาหยุดอยู่ข้างเตียง พลางเพ่งมองชายหนุ่มที่นอนไม่รู้สึกตัวมานานด้วยแววตาดีใจแต่ก็ต้องเก็บอาการเอาไว้ เพราะไม่อยากจะให้แม่เพื่อนตัวดีแซวข้ามวันข้ามคืน
“จริงด้วย ฉันก็ลืมไปเลย มัวแต่ตื่นเต้นที่คนป่วยรู้สึกตัว” พูดจบจิรันธรก็หันไปกดปุ่มเรียกพยาบาล
“เขาฟื้นแล้ว อีกหน่อยก็หมดหน้าที่ของเราแล้ว” รุ้งตะวันพูดคล้ายจะพึมพำกับตัวเองเสียมากกว่า ดวงตากลมสวยหันมองใบหน้าคนนอนบนเตียงด้วยสีหน้าครุ่นคิด เพราะทุกวันนี้เธอก็ยังสงสัยว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับผู้ชายที่นอนไม่รู้สึกตัวมาเกือบสามเดือนกันแน่ แล้วทำไมเรื่องที่เกิดขึ้นถึงได้เงียบหายเหมือนไม่เคยเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้น แล้วทำไมวิศวกรหนุ่มคนนั้นถึงได้สั่งห้ามไม่ให้บอกใครด้วย
‘มันเกิดอะไรขึ้นกับคุณกันนะ’
“ยัยรุ้ง ยัยรุ้ง เฮ้ย! เป็นอะไรไปเนี่ย”
“อะ...อะไร” คนถูกเรียกหันมาถามหน้าตาเหลอหลา
“ยังจะมาอะไรอีก แกเป็นอะไร เรียกตั้งหลายครั้งก็ไม่ได้ยิน แล้วก็หลีกมานี่” จิรันธรจับแขนเพื่อนพาออกไปจากห้องเพื่อให้หมอเข้ามาดูอาการของคนป่วย
“จีจี้ แกว่าเราติดต่อไปทางรีสอร์ทดีไหม เพราะไหนๆ เขาก็รู้สึกตัวแล้ว เราก็แจ้งให้คนทางนั้นรับรู้ไปเลย” รุ้งตะวันพูดขึ้นเมื่อเดินออกมายืนอยู่หน้าห้อง
“เฮ้ย! ไม่ได้เด็ดขาด” จิรันธรปฏิเสธที่จะทำตามความคิดเห็นของเพื่อนรัก เพราะเธอห่วงความปลอดภัยของชายหนุ่ม อีกทั้งวิศวกรที่ชื่ออนนก็สั่งไว้แล้วว่าอย่าติดต่อใครด้วย และเธอก็เชื่อว่าคนที่นอนไม่ได้สติมาเกือบสามเดือนคนนี้คงจะโดนใครตามล่าหมายเอาชีวิตแน่นอน
“แต่พวกเราดูแลเขาต่อไม่ได้แล้วนะ” รุ้งตะวันแย้งเพื่อน ทว่าเธอไม่ได้หมายถึงค่ารักษาของชายหนุ่ม แต่เธอเป็นห่วงชีวิตคนรอบข้างมากกว่า เพราะหากมีการตามมาฆ่ากันอย่างที่เธอคาดเดาแล้วละก็ มีหวังได้พากันซวยหมดแน่
“แล้วแกจะปล่อยเขาไว้แบบนี้เหรอ อีกอย่างตอนนี้คุณอนนก็ไปต่างประเทศ กว่าจะกลับมาก็เดือนหน้าเลยนะ บอกตามตรงว่าฉันอยากให้แกดูแลเขา”
“จะบ้าเหรอจีจี้ เรื่องอะไรฉันต้องไปดูแลด้วยล่ะ ญาติก็ไม่ใช่เสียหน่อย” รุ้งตะวันโต้กลับตาโต แต่ลึกๆ แล้วเธอก็ทิ้งเขาไว้แบบนี้ไม่ได้เหมือนกัน เพราะอย่างน้อยๆ ก็เคยเห็นหน้าค่ากันมาก่อน ครั้นจะทิ้งไปในขณะที่อีกฝ่ายกำลังมีอันตรายก็ใจดำเกินไป แต่จะให้ดูแลต่อก็กลัวภัยที่ไม่คาดฝันไปถึงคนในครอบครัว
“มันไม่บ้าหรอกน่าเพื่อนรัก เอาเป็นว่าแกรับเขาไปดูแลแล้วกัน ถ้าหากหมอให้กลับไปพักฟื้นที่บ้านได้ ส่วนพวกเรื่องค่ารักษาฉันช่วยเต็มที่”
“ทำไมต้องเป็นฉันที่ต้องพาเขาไปอยู่ด้วย” รุ้งตะวันถามกลับหน้าบึ้งเล็กน้อย เมื่อแม่เพื่อนตัวดีโยนภาระมาให้ แต่ใช่ว่าเธอจะไม่เต็มใจให้ไปอยู่นะ ทว่ามันรู้สึกแปลกๆ ก็แค่นั้นเองที่จะต้องอยู่ร่วมชายคาเดียวกับผู้ชายที่เธอไม่รู้ประวัติอะไรของเขาเลย นอกจากรู้แค่ว่าเคยทำงานเป็นผู้จัดการรีสอร์ทที่เธอเคยไปเที่ยวมาแค่ไม่กี่ครั้ง
“ก็เพราะคอนโดฯ ของฉันมีผู้ชายไปหาบ่อยไงล่ะ เพื่อนรัก” จิรันธรฉีกยิ้มหน้าเป็น
“กรรมเลยตกมาที่ฉันเนี่ยนะ แกนะแก ทำไมจะต้องโยนมาให้ฉันด้วย” คนถูกโยนภาระมาให้ตียักษ์ใส่
“ไม่มีกรรมหรอกน่าเพื่อน เพราะถ้าหากเขาหายดี บางทีแกกับเขาอาจจะได้สานสัมพันธ์กันก็ได้นะ”
“บ้า!” ปากบอกบ้าแต่สองแก้มกลับออกสีระเรื่อจนต้องหาทางหนีด้วยการบอกจะไปซื้อกาแฟ “จีจี้ แกรอฟังข่าวอยู่นี่แหละนะ เดี๋ยวฉันมา”
“แหม...สั่งฉันรอที่นี่ เพราะกลัวฉันเห็นพิรุธของแกละสิ แต่ถึงแกจะหาเรื่องหนียังไงแกก็หนีสายตาจับผิดของฉันไม่ได้หรอกยัยรุ้ง” จิรันธรพูดตามหลังเพื่อนรัก
ไม่ถึงเกือบสิบนาทีรุ้งตะวันก็เดินถือกาแฟมาสองแก้ว เจ้าตัวส่งให้กับเพื่อนรักที่นั่งรอฟังข่าวจากหมออยู่หน้าห้องด้วยใจร้อนรนเพราะอยากรู้จะแย่แล้วว่าอาการคนป่วยเป็นอย่างไรบ้าง และท่าทางนั่นไม่ได้รอดพ้นสายตาของรุ้งตะวัน
“จีจี้”
“อะไรเหรอ” จิรันธรทำหน้างง เมื่อจู่ๆ เพื่อนรักก็ขานเรียกแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
“แกชอบเขาเหรอ” เพราะท่าทีของเพื่อนรักดูเป็นห่วงเป็นใยชายหนุ่มไม่น้อยเลย ส่วนเธอรู้สึกแค่ห่วงเท่านั้น แต่ความห่วงของเธอมีมากขึ้นทุกวันหลังจากได้ตกปากรับคำจะมาดูแลในวันที่วิศวกรหนุ่มเข้าไปขอพบเธอที่ผับ ซึ่งก็ทำเอาเธองงกันอยู่พักใหญ่ว่าวิศวกรหนุ่มจะมาแจ้งข่าวให้เธอทราบทำไม เรื่องที่เขาประสบอุบัติเหตุบาดเจ็บสาหัส โดยเกิดจากน้ำมือของคนกลุ่มหนึ่ง ไม่ใช่เกิดจากความประมาทอย่างที่ตำรวจสรุป
“ยัยรุ้ง แกถามบ้าอะไรเนี่ย” จิรันธรแทบจะสำลักกาแฟ พลางหันมาจ้องหน้าเพื่อนรักอย่างสงสัยว่าเป็นเพราะอะไรทำไมถึงได้มาตั้งคำถามแบบนี้
“ฉันถามตรงไปหรือไง” รุ้งตะวันแทบจะกลั้นขำไม่ไหว เมื่อเพื่อนทำหน้าราวกับโดนผีหลอกกลางวัน
“ตรงมาก แต่ฉันบอกไว้ตรงนี้เลยว่าฉันไม่เคยคิดชอบคุณเอโด้ สักนิดก็ไม่เคย” จิรันธรยืนยันเสียงหนักแน่น เพราะหนุ่มต่างชาติไม่ใช่สเปกของเธอ
“แต่ท่าทางของแกมันไม่ใช่” รุ้งตะวันแย้งเสียงเรียบ
“ฉันแค่ห่วง กลัวเขาจะตายต่างหากยัยรุ้ง แล้วถ้าเขาตายขึ้นมาแกก็ต้องขึ้นคานต่อนะ”