ภัทรดนัยต้องใช้เวลาอยู่นานกว่าเลือดที่ไหลออกมาจากจมูกของเฟญารินจะหยุด เขาพาเธอเดินไปส่งยังบ้านหลังข้างๆ หลังจากนั้นจึงกลับมานอนพักงีบใหญ่ก่อนจะถูกตามตัวให้มาดูคนไข้ฉุกเฉินในเวลาเกือบตีสอง และเข้าเวรต่อจนถึงเย็นวันนี้
“จะไปไหน” เสียงตะโกนที่ดังมาจากด้านหลังเรียกให้เฟญารินหันกลับไปมองทางรถญี่ปุ่นสภาพกลางเก่ากลางใหม่ซึ่งเลี้ยวออกมาจากประตูด้านหน้าโรงพยาบาล
“ไปซื้อชุดชั้นใน” หญิงสาวมุ่ยหน้าตะโกนตอบกลับไปส่งๆ แล้วหันไปสนใจกับการชะเง้อคอรอรถประจำทางต่อ พยายามไม่สนใจน้ำเสียงกวนอารมณ์ของคนที่ขับรถเข้ามาใกล้
“แสดงว่าไม่ได้ใส่?? แล้วนี่มันกี่โมงแล้วยัยยุ่งเหยิง คนขับรถเขากลับบ้านไปนอนกันหมดแล้ว พี่จะเข้าเมืองพอดี ไปด้วยกันไหมล่ะ”
แม้คำพูดท้ายประโยคเขาจะแสดงความมีน้ำใจออกมาอย่างล้นเหลือ แต่เธอก็ไม่คิดจะให้อภัยเขาตั้งแต่ประโยคแรกที่ได้ยิน นี่ถ้าสมมุติตอนนี้มีใครยืนอยู่ใกล้ๆ เธอคงได้อายคนทั้งจังหวัด ยังไม่รวมที่เขามาเรียกเธอว่ายัยยุ่งเหยิงอะไรนั่นอีก
“จะใส่หรือไม่ใส่มันก็เรื่องของฉัน ไม่ต้องมายุ่ง” …หรือถ้าไม่ต้องเจอกันอีกเลยจะดีมาก!!
ยิ่งได้ยินเสียงกวนอารมณ์ของเขากลั้วหัวเราะตามมาอย่างชอบใจเฟญารินยิ่งอดโมโหไม่ได้ ถ้าไม่ใช่เมื่อคืนตอนกลางดึกเธอถูกไอ้หมอโรคจิตตะโกนข้ามรั้วเล่าประวัติอันน่าสะพรึงกลัวของบ้านพักในโรงพยาบาลโดยเฉพาะหลังที่เธออยู่ ถึงรู้ว่าเขาหลอก แต่ความหลอนของมันก็มีอิทธิพลอย่างยิ่งต่ออาการขวัญผวา ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ต้องนอนคลุมโปงตาค้าง หลับไปรุ่งสาง แล้วตื่นมาโบกรถไปซื้อของใช้ที่จำเป็นในเวลาพระอาทิตย์เกือบจะตกดินแบบนี้
“ความผิดของคุณนั่นล่ะ” พอหาที่ลงไม่ได้คนตัวเล็กเลยโบ้ยความผิดไปให้ใครอีกคน เธอทำเป็นไม่สนใจคำชวนเชิงสั่งของเขา แล้วหันไปให้ความสนใจกับการโบกรถต่อ
“วู้ คุณเคินอะไร บอกว่าให้เรียกพี่ไงวะ แล้วตกลงจะไปด้วยกันหรือเปล่า คันหลังเขาปีบแตรไล่แล้วไม่ได้ยินหรือไง ขึ้นมาเร็วๆ เลย”
“ไม่ เชิญตามสบาย”
“งั้นก็ตามใจ แต่บอกไว้ก่อนว่าแถวนี้เฮี้ยนมาก ระวังมีคนมายืนโบกรถเป็นเพื่อน ล่าสุดพี่พยาบาลเพิ่งเจอมาเมื่อสองวันก่อนนี้เอง”
ภัทรดนัยทิ้งระเบิดไว้แล้วทำท่าจะขับรถผ่านไปเฉย ร้อนถึงคนกลัวสสารไม่มีชีวิตจนขึ้นสมอง สายตาหวาดระแวงหันไปมองซ้ายมองขวาแล้วไปเจอกับคุณลุงคนหนึ่งที่นั่งรออยู่ในศาลาส่งสายตามองมาทางเธอ…
“เดี๋ยว เดี๋ยว เดี๋ยวก่อน”
ลุงแก่ สายตาประหลาด กับเวลายามโพล้เพล้ เท่านี้ก็เพียงพอให้เฟญารินต้องรีบร้องห้ามรถที่กำลังเคลื่อนตัวออกไป พอเห็นเขาทำท่าจะไม่หยุด เธอจึงลงทุนเอาตัวเองเข้าไปขวาง พอรถจอดก็ไม่รอช้ารีบกระโดดขึ้นไปนั่งทันที
“คุณเห็นคุณลุงคนนั้นไหม” ภัทรดนัยหันมองตามทิศทางที่นิ้วคนข้างๆ ชี้ แล้วหันไปตอบคำถามด้วยสายตาว่างเปล่า
“ฮึ ไหน ไม่เห็นมีใครสักคน”
ท่าทางกลัวจัดเอามือปิดหูปิดตาของยัยตัวยุ่งดูแล้วน่าสงสารมาก แต่เขากลับรู้สึกว่ามัน… ตลกดี
“ออกรถเร็วๆ สิคุณ” หญิงสาวเร่ง ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะเปลี่ยนไปขับเสียเอง เธอได้ยินเขากลั้วหัวเราะในลำคอเหมือนสมใจอะไรสักอย่าง แล้วจึงยอมเคลื่อนรถออกไป
“ไหนบอกจะไม่ไปด้วยกัน” เสียงทุ้มที่พูดลอยๆ ขึ้นมาทำลายเหตุการณ์ที่เริ่มปกติให้ชักไม่ปกติขึ้นมาอีกรอบ เพราะแค่ฟังจากน้ำเสียงเธอก็สรุปได้ว่าเขาต้องการจะแกล้งเธอมากกว่า ยังไม่รวมสายตาที่เหลือบมองมานั่นอีก
“กะ… ก็ฉันกลัวไม่มีชุดชั้นในใส่” เฟญารินเชิดหน้าตอบ เธอเห็นเขายักไหล่ พอพูดออกไปแล้วคนพูดก็เริ่มไม่แน่ใจว่าเหตุผลอันไหนควรจะน่าอายกว่ากัน
เพราะหลังจากนั้นบทสนทนาระหว่างคนทั้งคู่ตลอดการเดินทาง ก็ไม่พ้นวกไปวนมากับเรื่องอะไรทำนองนี้
แล้วเมื่อไรเธอกับเขาจะหลุดพ้นเรื่องใต้เข็มขัดของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไปได้สักที!!
แต่มันคงไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะหลังจากรถสภาพกลางเก่ากลางใหม่แต่สมรรถภาพพาคนทั้งคู่มาถึงที่หมายได้อย่างปลอดภัยหยุดลงหน้าห้างสรรพสินค้าชื่อดังในตัวเมืองเชียงใหม่ เธอเอ่ยขอบคุณเขาง่ายๆ แล้วคิดว่าแต่ละคนคงต่างแยกย้าย แต่ที่ไหนได้เขากลับเดินตามเธอไปทุกหนทุกแห่งเป็นเงาตามตัว นี่เธอคิดผิดหรือเปล่าที่ตามเขามา แล้วให้เขาตามเธอไปสำรวจโลกในดงชุดชั้นในผู้หญิง!!
“นี่หลอกป่ะเนี่ย คนไม่มีจะกินทำไมใช้ของแพงขนาดนี้วะ” มือหนาหยิบบราเซียร์แบบเดียวกันกับที่เธอถือจากชั้นวางสินค้าขึ้นมาดูราคาก่อนวางกลับไปที่เดิม แม้น้ำเสียงของเขาจะเหมือนบ่นไปอย่างนั้นไม่ได้ใส่ใจ แต่แค่นี้ก็มากพอให้คนมีความผิดเป็นชนักติดหลังได้เสียวสันหลังวาบๆ
“กะ… ก็เรื่องแบบนี้ผู้หญิงเขาต้องพิถีพิถันเป็นพิเศษ” คนร้อนตัวลอบกลืนน้ำลายลงคอ ทำเป็นใจกล้าเงยหน้าขึ้นมาสบตาอีกฝ่าย แล้วแก้ตัวออกไปด้วยน้ำเสียงที่พยายามบังคับให้เป็นปกติมากที่สุด สีหน้ากวนประสาทของคนตรงหน้าบ่งบอกชัดเจนว่าเขาจับได้ว่าเธอแถ แต่เมื่อหลุดเข้ามาในดงชุดชั้นในแล้ว ต่อให้มีไอ้หมอจิตไม่ปกติตามมาจดๆ จ้องๆ ยังไงวันนี้เธอก็ต้องได้กลับไปให้สมกับความอายสักสองสามชิ้น
…เฟญารินรีบหยิบชิ้นบนและชิ้นล่างชุดหนึ่งส่งให้พนักงาน เมื่อลอบสังเกตเป็นอย่างดีแล้วว่าเขาไม่ได้ให้ความสนใจมาทางเธอ
“ว่าแต่คุณเถอะ มาเดินตามผู้หญิงเลือกชุดชั้นใน ไม่อายบ้างหรือไง” อีกชุดถูกส่งตามไปติดๆ เมื่ออีกฝ่ายแค่ตอบคำถาม แต่ไม่ได้หันกลับมามอง
…แต่เธอไม่เข้าใจว่าแค่มาเดินเลือกซื้อชุดชั้นในให้ตัวเอง ทำไมตัวเองต้องคอยระแวดระวังกลัวถูกจับได้อย่างกับกำลังขโมยสินค้าจากเจ้าของร้านแบบนี้
เพราะเขานั่นล่ะ!!
“วู้ ตามมาที่ไหน แค่โอกาสประจวบเหมาะเลยใช้เธอเป็นฉากบังหน้าต่างหากยัยยุ่งเหยิง อย่าสำคัญตัวผิด”
แม้จะดูแปลกๆ อยู่บ้าง แต่ภัทรดนัยก็สรุปว่าเขาเป็นสูตินรีแพทย์ คงไม่แปลกถ้าจะใส่ใจกับเรื่องข้าวของเครื่องใช้ที่มันมีผลระคายต่อจุดอ่อนไหวของผู้หญิงและทำให้เกิดโรค นั่นเป็นเหตุผลที่ชายหนุ่มคิดหาให้กับตัวเองและบอกเธอ ทั้งที่ความจริงตอนนี้เขากำลังรู้สึกสนุกอยู่ไม่น้อยกับการทำอะไรก็ได้เพื่อป่วนยัยตัวแสบเล่น
พูดแล้วก็รู้สึกคันไม้คันมือแบบแปลกๆ ภัทรดนัยเลยหันไป ‘ผลักหัว’ คนขาสั้นที่เดินซอยเท้าแทบไม่ทันตามหลังมาด้วยความรู้สึกเอ็นดูจากใจจริง ดูจากส่วนสูงที่แตกต่าง แม้เธอจะเขย่งเท้าถลึงตามองมาแต่ก็อยู่ได้แค่ระดับคางของเขา อยากจะสู้แต่ตัวเล็กกว่าเลยสู้ไม่ได้ จะว่าไปยัยตัวเท่าเมี่ยงนี่ก็เหมาะจะเป็นลูกไล่เขาชัดๆ
แต่เขามีสิทธิ์อะไรมาผลักหัวเธออย่างหน้าด้านๆ!! ทำร้ายร่างกายคนอื่นแล้วยังมาหัวเราะชอบใจแบบไม่รู้สึกผิด นี่แน่ใจหรือเปล่าว่าตัวเองเป็นหมอไม่ใช่ฆาตกรปลอมตัวมา เธอเคยคิดมาตลอดว่าตัวเองถูกโฉลกกับคนในเสื้อกาวน์ เพราะบุคลิกอบอุ่นอ่อนโยนแบบเฉพาะตัวของคุณหมอเป็นอะไรที่ช่างน่าเพ้อฝันมาก มากถึงขนาดเธอเอาไปเป็นต้นแบบพระเอกนิยายมาแล้วก็หลายเรื่อง จะก็มีแต่เขา!! นายแพทย์ภัทรดนัย อัศวกิจวนิชย์ (จำชื่อได้แม่น) ที่เธอสาบานว่าจะไม่มีวันให้เป็นแม้แต่ตัวประกอบ กวนโมโห มีน้องหมาอยู่ในปาก แถมชอบรังแกผู้หญิง เขาทำให้ภาพชวนฝันในหัวสมองของเธอทั้งลดทั้งหดลงเรื่อยๆ จนแทบไม่มีเหลือ
ทั้งที่อุตส่าห์แฝงตัวเข้ามาหาหมอหล่อๆ ไปเป็นต้นแบบพระเอกถึงในโรงพยาบาล แต่สวรรค์กลับกลั่นแกล้งส่งหมออย่างเขามาดับฝัน ถึงหน้าจะหล่อแต่ปากร้ายอย่างกับอสรพิษ ทำเอาจินตนาการพากันวิ่งหนีเตลิดไม่เหลืออะไรให้คิดให้จิ้นให้ฟินต่อไปอีกแล้วในตอนนี้!!
“ชิ้นก็เล็กนิดเดียว ทำไมแพงจังวะ” เสียงบ่นที่ดังมาจากด้านหลังเรียกเฟญารินออกจากภวังค์ หญิงสาวก้มมองแบงค์พันสองใบในมือที่ยังอยู่ครบ เพราะถูกใครอีกคนแย่งจ่าย แล้วก็เป็นคนออกเงินนั่นล่ะที่แย่งถุงจากพนักงานไปถือซะเอง
แต่เขากล้าดียังไงถึงได้หยิบมันขึ้นมาโชว์หลาแบบนั้น เร็วทันกันคนตัวเล็กรีบเอื้อมมือไปคว้าของในมือภัทรดนัยเก็บกลับเข้าไปในถุง ได้ยินเสียงบ่นไม่หยุดปากจากคนตัวโตกว่าว่าขนาดของมันไม่ได้สมกับราคาเลยสักนิด
แม้ว่าสีหน้าของเขาจะแสดงอารมณ์สงสัยอย่างว่าจริงๆ แต่มันสมควรแล้วหรือไงที่ผู้ชายจะมายืนพิจารณาขนาดของเสื้อชั้นในสตรีกลางห้างแบบนี้ และถ้าเป็นไปได้เฟญารินก็อยากกระโดดตะปบหน้าไอ้คนออร่าพุ่งที่หลังจากทิ้งระเบิดเอาไว้ก็เดินหน้ามึนออกไปอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว
“ไม่ต้องอายหรอกค่ะ แฟนคุณน้องออกจะดูแลใส่ใจขนาดนี้” แก้มแดงซ่านของเธอคงฟ้องใครไปทั่ว พนักงานขายสาวประเภทสองเข้ามากระเซ้าหยอกเล่นขณะสายตามองตามแผ่นหลังของเจ้าของร่างสูงในชุดเสื้อกาวสั้นที่เดินนำออกไปก่อนด้วยความชื่นชมอย่างเปิดเผย “เป็นหมอแถมล้อหล่ออีกนะคะ น้องทำบุญมาด้วยอะไรคะเนี่ย”
แต่เมื่อพิจารณาจากสายตาอีกหลายคู่รอบข้าง เฟญารินก็สรุปได้ว่าตัวเองคงทำกรรมเอาไว้มากกว่า เพราะนอกจากสาวประเภทสองผู้ใจกว้าง เธอก็ไม่เห็นใครจะมองเธอด้วยสายตาชื่นชมแบบนี้สักคน ทั้งพนักงานหญิงร้านข้างๆ เด็กวัยรุ่นกลุ่มใหญ่ที่แทบส่งเสียงกรี๊ดออกมาราวกับเจอพระเอกในฝันเมื่อภัทรดนัยเดินผ่าน เรื่องแบบนี้เธอเข้าใจดีเพราะเคยเป็นมาก่อน ความหล่อออร่าพุ่งของเขาคงเป็นที่เพ้อฝันของเด็กและสตรีทุกเพศทุกวัยไปค่อนประเทศ เขาดูดีไปเสียทุกอย่าง ทำอะไรก็น่ามองไปทุกกระเบียดนิ้ว แต่ขออย่างเดียวคืออย่าให้พูด!!
ไม่อย่างนั้นน้องหมาในปากจะออกมาเดินเพ่นพ่านและทำลายความหล่อให้มลายลงไปแค่ในพริบตา!!
เฟญารินรีบซอยเท้าเดินตามคนหล่อไปเมื่อเด็กและสตรีกลุ่มเดิมละสายตาจากหนุ่มในชุดเสื้อกาวน์มามองเธอแทนแล้วหันกลับไปซุบซิบกัน ไม่พอยังส่งสายตาประณามราวกับเธอเป็นเมียน้อยที่ไปแย่งสามีของพวกหล่อนๆ มาควง
อยู่ต่อไปไม่ได้แล้วจริงๆ
หลังจากหลุดออกจากดงชุดชั้นใน ภัทรดนัยก็เดินตรงไปที่ร้านขายกล้อง เขาขลุกตัวอยู่ในนั้นเป็นชั่วโมง จนเธอเผลอหลับไปหลายรอบ มาตกใจตื่นก็ตอนที่ถูกฝ่ามือใหญ่ดึงแก้มอย่างไม่คิดจะออมแรงเลยสักนิด
…ก็ถ้าจะทำขนาดนี้ ทำไมไม่กระชากหัวให้รู้แล้วรู้รอดไปซะเลยล่ะ