ยัยเด็กแสบ100%

2201 Words
โครม!! เพราะอีกคนยื้อกับอีกคนกำลังขาคู่ลอยอยู่ในอากาศอย่างเมามัน ผลสรุปทั้งสองเลยเสียหลักล้มลงไปกองบนพื้นให้ได้เจ็บไปตามๆ กัน “เรื่องเก่ายังไม่ได้คิดบัญชี นี่จะสร้างเรื่องใหม่อีกแล้วเหรอยัยตัวแสบ” เจ้าของร่างกายเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อซึ่งใช้ตัวเองเป็นเบาะให้คนคิดประทุษร้ายล้มลงมาทับบนตัวบอกเสียงขุ่น สายตาเอาเรื่องที่มองมาไม่ได้มีผลต่อเฟญารินเท่ากับระยะห่างของใบหน้าเธอที่อยู่ใกล้กับเขาแค่เอื้อม เป็นรอบที่เท่าไรไม่รู้ที่หญิงสาวสั่งตัวเองว่าอย่ามอง แต่สายตาดื้อดึงกลับทำตรงกันข้ามคือมองเขาตาไม่กระพริบ ดวงตาเรียวคมหรี่ลง สารที่เขาส่งมาบอกชัดเจนว่ากำลังโมโหและถ้าเป็นไปได้ก็คงอยากเบิร์ดกะโหลกเธออยู่ไม่น้อย มันน่าเจ็บใจที่ดวงตาคู่นั้นรับพอดีกับจมูกโด่งและริมฝีปากได้รูป นี่ใครก็ได้ช่วยบอกเธอทีว่าทำไมริมฝีปากอมชมพูบางเฉียบพระเจ้าถึงได้เอาไปแปะไว้บนใบหน้าผู้ชายอย่างเขา แทนที่จะเป็นผู้หญิงเพศที่น่าทะนุถนอมอย่างเธอ “นี่จะจ้องกันอีกนานไหมยัยตัวยุ่ง” ชายหนุ่มหน้ายุ่ง พอถูกจับได้ เฟญารินจึงรีบปฏิเสธ “ไม่ต้องมาเรียกชื่อฉัน ฉันไม่ได้จ้องหน้าคุณ” “รู้ว่าทำผิดแล้วไม่ยอมขอโทษ ไหนบอกดิ้ ว่าจะให้ทำยังไง” ภัทรดนัยผงกหัวขึ้นมาถาม ระยะห่างซึ่งถูกกระชับเข้ามาใกล้ทำให้เจ้าของแก้มซับสีเลือดเริ่มใจสั่น ความอุ่นยามลมหายใจร้อนปัดผ่านแก้ม เขาอาจไม่ได้ตั้งใจ แต่ไม่รู้หรือไงว่ามันกำลังทำให้เธอหายใจไม่ออก “เอาเป็นว่าฉันขอโทษ” “แล้วก็ให้จบๆ ไปว่างั้น เป็นคำขอโทษที่ไม่มีความจริงใจเอาซะเลย” …แล้วเขาจะเอายังไงกันแน่!! ช่วยปล่อยเธอออกไปซะทีเถอะ อาการผิดปกติของร่างกายเริ่มประท้วง ถ้าขืนอยู่ใกล้เขานานกว่านี้อีกหน่อย มีหวังมันได้ประจานให้เธออับอายไปมากกว่านี้แน่ๆ “แล้วจะให้ทำยังไง” หญิงสาวต่อรอง เธอเห็นเขากระตุกยิ้มร้ายๆ มองมาอย่างผู้กำชัยชนะ เฟญารินหลับตาปี๋เมื่อจมูกโด่งเฉียดผ่านแก้ม “พี่สอง” “ฝัน” ภัทรดนัยเลิกคิ้วสั่ง แต่ไม่นำพาให้คนตัวเล็กทำตาม แถมคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวยังทำใจกล้าเถียงกลับมาอีก เธอเห็นเขาถอนหายใจยาว แล้วอยู่ๆ ก็ปล่อยข้อมือของเธอที่ตรึงไว้ออก พอถูกปล่อยให้เป็นอิสระเฟญารินจึงรีบขยับตัวลุกขึ้น แต่เพียงชั่วครู่เท่านั้น คนเจ้าเล่ห์ก็ตวัดทั้งตัวเธอให้ลงไปอยู่ใต้ร่างของเขาแทน “ฝันก็ฝัน ลองสักยกไหมล่ะว่าใครจะแน่กว่ากัน พยศมากๆ อย่างนี้คงได้เวลาชำระหนี้แค้นกันแล้วสินะ” ภัทรดนัยขู่ออกไปอย่างนึกสนุก เขาแกล้งทำเสียงเข้ม ส่งสายตาขรึมมองลึกเข้าไปในตาใครอีกคน ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้โดดเด่นอะไร ผิวขาว ปากนิดจมูกหน่อย ดูจิ้มลิ้มเหมือนเด็กสาวทั่วไปที่พบเจอได้บนท้องถนน ถ้าจะมีเด่นขึ้นมาหน่อยก็คงเป็นนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนเหมือนอัลมอนด์ที่ทำให้เขา ‘พอจะ’ จำเธอได้ ตอนเห็นสายตาคู่นั้นมองผ่านนิ้วมือออกมา ภัทรดนัยรู้สึกถึงจังหวะการหายใจกระชั้นและการเต้นของหัวใจที่ทำงานหนักเกินไปของคนใต้ร่าง ดวงตาของเธอเบิกกว้าง สีหน้าแววตาทุกอย่างกำลังฟ้องถึงอาการประหม่า และเขาก็เข้าใจได้ดี เธอไม่ใช่เด็กแก่แดด แถมยังดูอ่อนต่อโลกเกินไปเสียด้วยซ้ำ แต่ก็นะ เด็กมันกำลังโตเลยคงอยากรู้อยากเห็นอะไรไปเสียหมด แล้วเขาก็ชักสนุกกับการแกล้งคนอ่อนประสบการณ์แต่ทำตัวเก่งไปซะทุกอย่างคลายเครียด “คะ… คุณจะทำอะไร” “ก็อย่างที่เธอคิดนั่นล่ะสาวน้อย” ภัทรดนัยนึกรังเกียจตัวเองชะมัด ที่ต้องมาพูดมาทำอะไรอย่างกับตาแก่ตัณหากลับอยากงาบอีหนูวัยละอ่อน สาบานได้ว่าทั้งหน้าตาทั้งน้ำเสียงแบบนี้เพิ่งลองใช้กับเธอเป็นคนแรก แต่มันก็… สนุกดี “ไอ้หมอโรคจิต” “จิตกว่านี้ได้อีกจะลองไหมล่ะ” เขาแกล้งก้มลงมากระซิบข้างหูเจ้าของแก้มแดงซ่าน ใบหน้าของเธอในตอนนี้อยู่ในระยะห่างกับเขาแค่คืบ “อะ… ไอ้หมอหื่น ฉันจะฟ้องผู้อำนวยการให้ไล่คุณออก” “โห เล่นแรงซะด้วย แต่จะบอกให้ว่าพี่ไม่เดือดร้อน อยากไปฟ้องใครก็เชิญ” “อะ… ไอ้หมอปากหมา เอาเวลาพาหมาในปากไปฉีดวัคซีนเถอะไป้ จะได้ไม่ต้องบ้าแบบนี้” “แต่มันก็บ้าไปแล้ว อยากโดนกัดสักทีไหมล่ะ หน้าก็หล่อ หุ่นก็บาดใจซะขนาดนี้” คนรู้จุดแข็งของตัวเองและกำลังสนุกอย่างเต็มที่ว่าพลางยื่นหน้าเข้าไปหา เฟญารินรีบหลับตาปี๋ หัวคิดตาม แต่ก็ส่ายหน้าให้วุ่น กลิ่นเหงื่อผสมโคโลนบวกกับกลิ่นหอมสะอาดของโรงพยาบาลจากตัวเขาที่ลอยมาแตะจมูกในระยะใกล้มากขึ้น ขึ้นเรื่อยๆ กำลังทำให้เธอหายใจติดขัด “ไอ ไอ ไอ….” ….ไอ้หมอบ้า หมอปากเสีย หื่นกาม ตัณหากลับ “อ่าวๆ ไออะไร วู้ ไม่สนุกเลย ไม่ต้องไอแล้วน้อง พี่ขี้เกียจรักษา” ตัวสั่นๆ กับน้ำที่ไหลซึมหางตาทำให้ภัทรดนัยรู้ว่าคนใต้ร่างคงกำลังจิตตกเต็มที่ เขาขยับตัวออกมา แล้วปล่อยคนตัวเล็กให้เป็นอิสระ เฟญารินรีบกระเด้งตัวลุกขึ้นมา ใบหน้าแดงซ่าน กำมือแน่น “ฉันขอแช่งให้คุณเป็นหมันตลอดชาติ” สายตาเอาเรื่องมองตามร่างสูงที่ไหวไหล่ไม่ยี่หระอย่างสุดแค้น “เสียใจด้วยเพราะพี่เก็บสเปิร์มฝากธนาคารไว้เรียบร้อยแล้ว” เขาพูดส่งๆ ไปอย่างนั้น ก่อนหันหลังไปหยิบขวดเทน้ำใส่แก้วดื่ม เพราะไม่อยากให้สถานการณ์ชวนให้อีกฝ่ายตื่นกลัวจนเกินไปชายหนุ่มจึงชวนเปลี่ยนเรื่อง “ชื่ออะไรนะเรา ตัวยุ่ง??” เขาถามอย่างไม่ต้องการคำตอบ “เห็นบอกว่าจะมาอยู่บ้านมิ้นท์ใช่ไหม คงเป็นญาติกันสินะ พี่กับมิ้นท์เป็นเพื่อนกัน ถ้าอย่างนั้นเราควรเรียกพี่ว่าพี่” เขาออกตัวให้คนอ่อนอาวุโสกว่านับญาติ จากนั้นจึงเท้าความให้ฟังต่อเรื่อยๆ ถึงเรื่องที่มินตราโทรมาฝากฝังเธอไว้กับเขาตั้งแต่เมื่อเช้า แต่พอหันกลับมาอีกครั้ง…. “เฮ้ย นี่หื่นจัดจนเลือดกำเดาไหลเลยเหรอเนี่ย” ทั้งที่ควรตกใจ แต่พอเห็นคนเลือดหยดจากจมูกมองตาขุ่นกลับมาภัทรดนัยก็อดไม่ได้ที่จะขำ ชายหนุ่มหันไปหยิบกระดาษทิชชู่ส่งให้ รีบห้ามเสียงดุเมื่อเห็นคนตัวเล็กกำลังจะเงยหน้าขึ้น “ก้มหน้าเอาไว้แล้วกดแบบนี้ ใครสั่งใครสอนให้เงยหน้ากันตัวยุ่ง เลือดได้ไหลลงคอกันพอดี” มันเป็นวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น เขาบอกขณะใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้บีบปีกจมูกทั้งสองข้างของคนเจ็บเข้าหากันในแนวกลาง แล้วให้เธอทำตาม แม้เป็นตามหลักวิชาการ แต่ก็ไม่ได้อ่อนโยนเหมือนน้ำเสียงที่หมอควรใช้พูดกับคนไข้เลยสักนิด “ก็คุณทำให้ฉันตกใจ” พูดไปหญิงสาวก็รู้ดีว่าตัวเองกำลังแก้ตัวน้ำขุ่นๆ “ไม่ตกใจเฉยๆ แล้วมั้งเป็นขนาดนี้ สมกับเป็นนางสาวหื่นศรีจริงๆ นี่อย่าเพิ่งเถียง อยู่เฉยๆ หายใจทางปากเอาไว้ก่อน” คุณหมอหันกลับมาสั่ง แล้วจึงเดินดุ่มๆ ลงไปด้านล่าง เพราะร่างกายไม่เอื้ออำนวย เฟญารินจึงจำต้องทำตามคำสั่งของเขาอย่างไม่อาจเลี่ยง แม้จะเกิดอาการหวิวๆ เวลาเห็นเลือด แต่เธอก็ต้องจำใจยกมือขึ้นไปกดดั้งเอาไว้เพื่อให้มันหยุดไหล พออาการดีขึ้น หญิงสาวจึงก้มหน้าก้มตาบีบจมูกเดินลงมาชั้นล่าง สอดส่ายสายตามองไปรอบๆ เห็นเจ้าของร่างสูงในสภาพเปลือยท่อนบนถือผ้าห่อน้ำแข็งเดินออกมาจากในครัวพอดี “แล้วนี่เดินลงมาทำไม” ภัทรดนัยเดินมาทรุดตัวลงนั่งข้างๆ เขาถามอย่างไม่ชอบใจเท่าไรนัก “ก็ข้างบนอึดอัด” …แล้วถ้าอยู่ในห้องของเขานานไปมีหวังเลือดเธอได้ไหลออกหมดตัวแน่ “อ๊ะ ก็บอกว่าอย่าพูด” คุณหมอที่เวลานี้กลายร่างเป็นบุรุษพยาบาลจำเป็นถลึงตาดุ เธอจึงจำต้องสงบปากสงบคำเอาไว้ เฟญารินลอบมองมือแข็งแรงที่หยิบจับทำทุกอย่างได้อย่างคล่องแคล่ว เสียงทุ้มของเขาคอยไถ่ถามอยู่เป็นระยะ สายตาจริงจังแบบนี้เธอเพิ่งเคยเห็นปรากฏในแววตาคู่นี้เป็นครั้งแรก “ขอบคุณนะ” หญิงสาวก้มหน้าก้มตาเอ่ยขอบคุณเสียงแผ่วเมื่อเขาอนุญาตให้พูดได้ เธอได้ยินเขาอือออรับคำในลำคอแบบไม่ใส่ใจระหว่างลุกขึ้นเดินเอาน้ำแข็งที่เหลือไปเก็บไว้ในตู้เย็น “แล้ววันหลังถ้ารู้ตัวว่าหื่นก็อย่าไปจ้องใครเขาไม่วางตาอีกล่ะ” …แต่ก็ไม่วายโดนเหน็บกลับมาอีกดอก “ฉันแค่เป็นไซนัสอักเสบ” คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมาอุบอิบหาข้อแก้ตัวไปเรื่อย เอาจริงๆ เธอเพิ่งรู้ว่าตัวเองมีอาการแบบนี้ตอนอยู่ใกล้เพศตรงข้าม ก็กับเขาเป็นคนแรกนี่ล่ะ “รุนแรงจังเนอะ” น้ำเสียงของเขาบอกชัดเจนว่าไม่คิดเชื่อกันเลยสักนิด “ว่าแต่เราเถอะ เซ่อๆ อย่างนี้อยู่คนเดียวได้ใช่ไหม เห็นมิ้นท์เพิ่งบอกว่าเพิ่งโดนโจรขึ้นห้อง” ชายหนุ่มถามอย่างไม่ต้องการคำตอบก่อนทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ “แต่เอาเถอะ ติดเสาร์อาทิตย์พอดี เดี๋ยววันจันทร์จะไปดูๆ แล้วช่วยฝากงานให้” ภัทรดนัยว่าเรื่อยๆ ถึงเขาจะรู้สึกว่าเรื่องราวชีวิตของผู้หญิงตรงหน้าตามที่เพื่อนเล่ามันขัดไม่น้อยกับหลายๆ อย่างที่เห็นและรู้สึก แต่ถ้านั่นเป็นเรื่องจริงก็ถือว่าเฟญารินเป็นเด็กน่าสงสาร เธอเป็นญาติห่างๆ ของมินตรา พ่อแม่แยกทาง ฐานะทางบ้านยากจน จบการศึกษาแค่มอหกก็ต้องออกมาหางานทำ ใช้ชีวิตปากกัดตีนถีบทำงานหาเงินเลี้ยงดูตัวเอง เฟญารินหลบสายตาวูบเมื่อคนตัวโตกว่ามองมา ทั้งที่อยากอมยิ้มเพราะความใจดีที่เขามีให้แต่เธอก็ละอายใจที่ต้องโกหกเขาไปอย่างนั้น “แล้วนี่มีเงินติดตัวบ้างหรือเปล่า กินอยู่ยังไง” “ฉันเพิ่งโดนไล่ออก โดนโจรขโมยชุดชั้นในไม่เหลือสักชิ้น แล้วก็ไม่มีเงินแม้แต่จะกินข้าว” แต่เธอก็ทำไปแล้ว เมื่อเขาโยนบทมา เธอจึงจำเป็นต้องเล่นต่อไปให้สมบทบาท ตากลมแอบเหลือบช้อนขึ้นไปมอง เธอเห็นเขาฟังแล้วก็พ่นลมหายใจเฮือกใหญ่ ภัทรดนัยส่ายหน้าแต่ก็ไม่พูดอะไร เขาเดินขึ้นไปข้างบน แล้วกลับลงมาอีกครั้งพร้อมกระเป๋าสตางค์ แล้วยื่นแบงค์พันสองใบมาให้เธอ “ถือเป็นค่าที่ทำให้เธอต้องโดนไล่ออก มิ้นท์ฝากให้ช่วยดู มีอะไรก็บอกพี่” คำพูดห้วนๆ สั้นๆ แต่เธอก็ชักเริ่มชินและเข้าใจว่ามันเป็นบุคลิกของเขา เฟญารินแสร้งทำหน้าตาให้น่าสงสารเงยหน้าขึ้นมอง เธอจำต้องยื่นมือไปรับเงินมาอย่างไม่มีทางเลือก “แล้วถ้าฉันทำงานได้จะรีบเอาเงินมาใช้คุณ” หญิงสาวยกมือไหว้ แต่กลับถูกคนโบกมือรับส่งๆ ตอบกลับมาในอีกอย่าง “เปลี่ยนเป็นเรียกพี่ดีกว่าไหม ฉันอย่างนั้น ฉันอย่างนี้ ดูเหมือนโดนเทียบรุ่นยังไงไม่รู้” …ต่อให้อายุยี่สิบสาม แต่เขามองยังไงยัยเด็กแสบก็หน้าอำนวยให้ไม่เกินอายุสิบเจ็ดสิบแปดอยู่ดี “ก็มันยังไม่ชิน” คนตัวเล็กอุบอิบบอก แค่คิดว่าต้องนับญาติกับเขา เฟญารินไม่เข้าใจว่าทำไมหัวใจถึงเริ่มเต้นแรง รู้สึกเหมือนหายใจไม่ออกขึ้นมาอีกอย่างไม่มีเหตุผล “อ่าว แล้วนั่นเป็นอะไร เธอเป็นพวกเกล็ดเลือดต่ำป่ะเนี่ย ทำไมมันไม่ยอมหยุดสักที” คนเลือดกำเดาไหลออกมาทางจมูกอีกรอบมองคุณหมอในสภาพบ๊อกเซอร์ตัวเดียวทำหน้ายุ่งเดินเข้าไปหาน้ำแข็งในครัว… นี่เขาต้องรอให้เธอบอกหรือไง ว่าเลือดมันจะหยุดไหลได้ ก็ตอนที่เขาไปเอาเสื้อผ้ามาใส่นั่นล่ะ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD