เตรียมย้ายโรงบาล

1199 Words
มื้อเที่ยงของวันนั้น เจ้าของบ้านคือหมอจิณณ์และแฟนสาวงามวิไลตั้งโต๊ะทานข้าว อาหารที่ถูกนำมาวางนั้นเป็นอาหารพื้นบ้าน ของอีสาน ซึ่งมันก็ไม่ใช่ปัญหาในการทานของหมอติณณ์เท่าไหร่เพราะหมอ เดินทางมาบ่อย จนคุ้นชินกับอาหารเหล่านี้ไปแล้ว "พี่ติณณ์ อาหารถูกปากไหมค่ะ" งามวิไลถามพี่ชายของสามี "อร่อยนะ" คำตอบสั้นๆของหมอใหญ่ที่นั่งก้มหน้าทาน อย่างที่เรียกว่าเอาจริงเอาจัง "วิ อร่อยไหม นานๆทีจะได้กินข้าวกับแก" "เจ้านี้ส้มตำเขาอร่อยนะ ลาบก็นัว" สาวสวยตรงหน้าหมอติณณ์พูดเสียงหวาน จนหมอใหญ่ อดที่จะเงยหน้าขึ้นมามองไม่ได้ "วิลาวัลย์ได้ยินข่าวว่าจะเตรียมย้ายโรงบาลนี่" ประโยคของหมอจิณณ์ทำเอา วิลาวัลย์ชะงักไปสักพักคงไม่ต้องบอกว่าใครเป็นคนเล่าถ้าไม่ใช่เพื่อนสาว "ค่ะ คือหนูใช้ทุนครบตามสัญญาแล้ว อยากย้ายไปเอกชนดู เผื่อจะได้เงินเพิ่มบ้าง" อย่างที่บอก วิลาวัลย์เธอไม่ได้โชคดีมีสามีเป็นหมอเหมือนเพื่อน รายได้ของพยาบาลรัฐนั้นก็ไม่ได้มากเท่าที่ควร อีกอย่างเธอไม่ได้บรรจุ ต้องรอตามคิวแต่ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ ในเมื่อมีโอกาสเลือกก็อยากจะเลือกที่ ที่ทำรายได้เพิ่มมากกว่า งามวิไลหันหน้ามามองเพื่อนที่กำลังพูด แต่ความคิดในหัวก็เกิดขึ้น "นี่ไง พี่ติณณ์ก็เป็นหมอที่เอกชน ที่นั้นไม่มีตำแหน่งว่างหรือค่ะ คุณหมอใหญ่" ไม่รู้อะไรโดนใจให้ถามพี่ชายสามี หมอติณณ์ที่นั่งก้มหน้าทานก็เงยขึ้นมองสาวตรงหน้า "มันก็พอมี แต่มันไกลนะไม่ได้อยู่ต่างจังหวัด" เพียงเท่านั้น งามวิไล เธอก็ยิ้มแป้นขึ้นทันที เชื่อเถอะว่าในหัวนั้นไม่ได้มีเรื่องดีอะไร "วิ แกได้ยินไหม" เธอหันมาถามเพื่อน "ได้ยิน ก็คุณหมอบอกอยู่ว่ามันไกล ฉันต้องการใกล้บ้านที่สุด" ประโยคของเพื่อนทำเอาเธอต้องทำหน้าบึ้ง "แต่ถ้าไกลแล้วรายได้ดี จะไปไหม" อยู่ๆคุณหมอหนุ่มใหญ่ก็ถามขึ้น สายตาคุณหมอนั้นนิ่งมาก จะว่าไปอายุคุณหมอก็พอควร การพูดจามันเลยทำเอาเด็กวัยรุ่นเกรงไม่น้อย "มันก็ดีค่ะ แต่มันจะลำบากที่พัก" วิลาวัลย์เธอตอบเสียงอ่อย เธอไม่อยากไปที่ไหนไกลๆเนื่องจาก ค่าใช้จ่าย ค่าครองชีพก็ต้องเพิ่มขึ้น ทุกคนเงียบ ไม่ได้พูดต่ออะไร จนกระทั่ง "น้าวิขา เมื่อไหร่น้าวิ จะพาเพื่อนผู้ชายมาด้วยละค่ะ" "หือ" สิ่งที่ได้ยินทำเอาวิลาวัลย์ ต้องหันไปหาหลานสาวตัวน้อย แปลกใจทำไมถึงรู้ว่าเพื่อนผู้ชายคืออะไรกัน "แหม ลูกไปถามน้าวิแบบนั้น น้าวิเขินแย่ แฮ่" คงไม่ต้องบอกเลยว่าใครเป็นคนเล่าเรื่องเพื่อนชายให้หลานสาวฟัง งามวิไลรีบแก้ต่าง "ฉันไม่ได้พูดอะไร ฉันบอกแค่ว่า เดี๋ยวน้าวิมารอบหน้าอาจจะ ไง อาจจะมีเพื่อนผู้ชายของน้าวิมาด้วย" "ไม่ใช่ แม่บอกว่า เป็นแฟนน้าวิต่างหาก" คราวนี้ม่านเมฆจอมแก่นเป็นคนพูด วิลาวัลย์ยิ้มแห้ง ก่อนจะพูด "คราวหลังอย่าฟังแม่มากนะ น้าจะบอก ฟังพ่อดีกว่าเยอะ" หมอจิณณ์ยิ้มพร้อมส่ายหัว คงจริงอย่างที่วิลาวัลย์บอก ส่วนคนที่นั่งเงียบแทบจะไม่สนใจคนอื่นเลยนั้นคงเป็นคุณหมอใหญ่วัยเกือบจะ40คนนี้ หลังจากที่ทานอาหารอิ่มกันหมดแล้ว วิลาวัลย์และงามวิไลก็ช่วยกันเก็บ คงเหลือแต่คุณหมอทั้งสองที่นั่งเล่นกับลูกและหลาน พลางคุยกัน "คลินิกที่นี่เป็นไงบ้าง" เสียงทุ้มที่ดูอบอุ่นไม่น้อย เอ่ยถามน้องชาย "ดีครับ ตอนเย็นผมก็จะเข้าไป ช่วงกลางวันให้ไอ้ณัฐมันอยู่" หมอจิณณ์ตอบพี่ชาย แต่สายตาของคุณหมอติณณ์นั้นก็แอบชำเรื่องดูสาวๆบ่อยครั้ง เพราะ หมอยังจำวิลาวัลย์ไม่ได้ "เพื่อนงามวิไล คนนี้พี่เคยเห็นจริงหรอ" พี่ชายถามขึ้น หมอจิณณ์ก็หันไปมองหน้าของ วิลาวัลย์ พร้อมคำตอบ และรอยยิ้ม "เมื่อก่อน วิลาวัลย์ผอมๆ ดูเหมือนเด็ก แต่เวลาผ่านไป ดูสวยขึ้นจนผิดตา อย่างว่าแหละครับคนมีความรักย่อมสวยขึ้นแน่นอน" คราวนี้หมอติณณ์คิดตามน้องชาย ความอยากรู้ก็เกิดขึ้นทำให้ คุณหมออดถามต่อไม่ได้ "มีแฟนแล้วหรอ" "ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ก็เห็นงามเล่าให้ลูกๆฟังตามที่ได้ยินนั้นแหละครับ" หมอจิณณ์พูดพร้อมยกมือถือขึ้นมากดดูรูปเก่าๆที่บันทึกไว้ แล้วในนั้นก็มีของภรรยาและผองเพื่อน "นี่ไงวิลาวัลย์ตอนนั้น" พูดแล้วก้ยื่นให้พี่ชายดู ขนาดหมอจิณณ์ยังทึ่งกับการพัฒนาความสวยของวิลาวัลย์ หมอติณณ์ เอื้อมมือรับ ก่อนจะ "อ๋อ จำได้แล้ว" พูดแล้วก็เงยหน้าขึ้นมองดูคนที่กำลังจัดเก็บข้าวของตรงหน้า "สมัยเป็นนักศึกษา วิลาวัลย์ถือว่าพูดน้อยที่สุด ถ้าเทียบกับเมียผม" หมอจิณณ์ยิ้ม แต่หมอติณณ์ก็พูดต่อ "ก็น่าจะใช่" มันก็ต้องใช่อยู่แล้ว อยู่มาขนาดนี้มีหรือจะไม่รู้จักน้องสะใภ้ตัวเอง ไม่เพียงแค่พูดเก่ง ยังส่งผลเผื่อแผ่มายังลูกๆอีก หมอยังพูดไม่ทันขาดคำ สิ่งที่เห็นก็คือ "มาแล้วลูกจ๋า อโกวาที่หนูอยากได้ อโกวาที่หนูอยากใส่..." งามวิไลพาลูกๆเต้นตามเพลงในติ๊กต๊อก สองหมอถึงกับมองหน้ากันก่อนที่หมอติณณ์จะพูดต่อ "สนุกดีนะพี่ว่า ชีวิตแกไม่น่าเบื่อดี" "ครับ สนุกดี" ก็ทำไงได้ ในเมื่อหมอจิณณ์เลือกแล้ว รู้ว่าเมียไม่เหมือนใครแต่นั้นมันคือความสุข จนกระทั่ง "แล้วเมื่อไหร่หลานๆจะมีคุณป้าบ้างละครับ" ประโยคคำถามของน้องชายทำเอาหมอติณณ์ ชะงัก ไม่รู้เป็นเพราะอะไร หมอถึงไม่ถูกใจใครสักคน และยังครองโสด จนจะหมดวัยหาคู่แล้ว "คงไม่มีหรอกมังเนื้อคู่ แก่จนป่านนี้แล้วใครจะเอา" "พี่ติณณ์ไม่แก่สักนิด ถ้าหากเดินไปกับผมเขาหาว่ารุ่นเดียวกันด้วยซ้ำ" พี่น้องต่างชมกัน พูดแล้วสองหมอก็ยิ่มร่า แต่สายตาคุณหมอใหญ่ยังไม่วายมองมาที่สาวสวยที่ยืนร้องเล่นเต้นคู่งามวิไล *ทุกคอมเม้นคือกำลังใจของนักเขียน แจ้งก่อนนะคะว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องต่อจาก คุณหมอขาอย่าใจร้าย เรื่องนี้เป็นเรื่องสาวของพี่ชายหมอจิณณ์ ใครที่เป็นแฟนคลับเรื่องที่แล้ว ห้ามพลาดเรื่องนี้เด็ดขาด
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD