ตฤณเดินทางกลับมาที่บ้านพร้อมกับเอกภพ ทั้งสองคนกำลังคุยงานกันอยู่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดมาก
"ส่งให้ทันนะไม่งั้นเราจะโดนปรับ"
"ครับนาย ผมจะเร่งให้ทางฝ่ายผลิตรีบทำให้เสร็จโดยเร็วครับ"
"อืม... ดีมากเอาตามนี้แหละ"
ทั้งสองคนเดินเข้ามาในบ้านด้วยกัน ตฤณมองหาดาหวันไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนโดยปกติจะต้องออกมาหาเขาในช่วงที่กลับจากทำงานแล้ว หลายวันมานี้ไม่ค่อยได้ดูแลเธอเท่าที่ควรเพราะงานยุ่งมาก อีกอย่างเขาโกรธที่ดาหวันแอบโทรศัพท์ไปหาเบบี๋เพื่อหางานทำ ทั้งที่เขาเตรียมทุกอย่างไว้ให้แต่ยังไม่ได้คุยเพราะว่าจะรอให้เธอสารภาพออกมาเอง
"วันนี้หนูน้อยดาหวันไม่มารับนายเหรอครับ"
"นั่นสิหายไปไหนของเค้า"
ตฤณมองไปโดยรอบแต่ว่าไม่เจอเธอจริงๆ คุณแม่เดินออกมาจากห้องรับแขกพร้อมกับใครคนหนึ่ง เขาเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงเรียบ
"น้ำชา... คุณมาได้ยังไง"
"ตฤณ! น้ำชาคิดถึงคุณจังเลยค่ะ"
น้ำชาเดินเข้ามาหาชายหนุ่มกอดแขนเขาเอาไว้แน่นก่อนจะซบใบหน้ากับไหล่กว้าง เขาค่อยๆดึงมือของเธอออกแต่ดูเหมือนว่ามันจะเหนียวแน่นกว่ามือตุ๊กแกอีก
"คุณกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่"
"เพิ่งกลับมาเลยค่ะ ทำไมคุณไม่ตอบน้ำชาเลยอ่ะอุตส่าห์ทักหาบ่อยแต่คุณเงียบไปเลยนะน้ำชาก็เลยต้องมาตามถึงที่นี่"
"กลับมาก็ดีแล้วจะได้อยู่กับครอบครัวไง แม่ครับดาหวันล่ะผมยังไม่เห็นเลยนะ"
เขาหันไปเอ่ยถามคุณแม่ ท่านมองลูกชายอย่างรู้สึกสงสาร ท่าทางคงจะไม่ได้อาลัยอาวรณ์ผู้หญิงคนนี้แล้วแหละเพราะน่าจะสนใจผู้หญิงอีกคนมากกว่า ตลอดเวลาหลายเดือนมานี้เธอจับสังเกตลูกชายได้บ่อยครั้ง การโกหกแบบไม่เนียนมันฉายชัดขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้เธอมั่นใจแล้วว่าตฤณต้องมีอะไรบางอย่างกับดาหวันแน่นอนเธอมองออก
"น้องไปอ่านหนังสือในห้องนอนแล้วจ้ะ"
"ถึงว่าไม่ออกมารอรับผมเลย"
"เราเคลียร์เรื่องของเราก่อนเถอะ แม่ไปก่อนนะยังไงตามสบายนะจ้ะ"
คุณแม่ยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะเดินออกไปทันที เธอน่าจะเป็นคนเดียวที่รู้เรื่องนี้แม้กระทั่งนาดาวก็ไม่สงสัยในตัวของลูกสาวหรือลูกชายของเธอเลย ความมองโลกในแง่ดีจนเกินไปมันก็เป็นแบบนี้แหละไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมคน
ตฤณดึงมือน้ำชาออกพาเธอไปนั่งตรงโซฟาก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"คุณมาหาผมทำไม"
"ทำไมพูดจาห่างเหินแบบนี้ล่ะคะ น้ำชาดีใจมากเลยนะที่ได้เจอคุณ คุณยังไม่มีใครไม่ใช่เหรอคะเราลองกลับมาคบกันอีกครั้งได้มั้ย"
"ไม่อ่ะผมไม่ได้รักคุณแล้ว เราสองคนเลิกกันไปนานมากแล้วผมว่าเราเป็นเพื่อนกันจะดีกว่า"
เขาตัดเยื่อใยแบบไม่ให้เธอได้ติดต่อ น้ำชาส่ายหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ เขาคงจะโกรธที่เธอเลือกที่จะไปเรียนต่อต่างประเทศแทนที่จะอยู่ที่นี่กับเขา
"คุณยังไม่หายโกรธเหรอคะ"
"ผมไม่ได้โกรธ... ผมยินดีกับคุณด้วยซ้ำเพราะมันคืออนาคตของคุณ"
"แต่ว่า..."
"คุณกลับไปก่อนเถอะผมมีธุระต่อ"
เขาเอ่ยออกมาเพียงแค่นั้นก่อนจะเดินออกจากห้องรับแขกไปทันที น้ำชากำมือแน่นอย่างโมโหที่ไม่เป็นอย่างที่เธอหวัง และไม่ว่ายังไงเธอก็จะทำให้เขากลับมาเป็นของเธอให้ได้
"ตฤณ! ตฤณคะ"
เอกภพมองเธอก่อนจะส่ายหน้าอย่างปลงๆ เป็นคนเลือกที่จะเดินออกไปเองทำไมถึงคิดว่ากลับมาแล้วจะได้รับการให้อภัย คนเราถ้าเลือกแล้วไม่ควรกลับมาอีก
ตฤณเดินไปหาดาหวันที่ห้องนอน แม่ของเขาเคยให้เธอขึ้นไปนอนข้างบนแต่เธอไม่ยอมบอกว่าไม่เหมาะสมและอยากจะอยู่ห้องกับพี่ๆแม่บ้าน ท่านก็ตามใจอะไรก็ยอมหมดเขาจึงพูดอะไรไม่ได้
"ดาหวันออกมาคุยกับเฮียหน่อย"
ดาหวันได้ยินเสียงของชายหนุ่มก็นั่งกอดเข่าไม่ยอมออกไปคุยกับเขา เธอรู้สึกว่าเขาเปลี่ยนไปไม่ใส่ใจเธอเหมือนเคยแถมยังมีแฟนแล้วด้วย คนแบบนี้เธอไม่ควรจะยอมอีกและหลังจากนี้เธอจะไม่ยอมเขาอีกแล้ว เธอจะไปตามทางของตัวเองเธอจะไม่ยอมให้เขาเอาเปรียบอีกต่อไป
"ฮึก!ใจร้าย เฮียใจร้ายที่สุด"
ดาหวันร้องไห้ออกมาเสียงสะอื้น ตฤณถึงกับปาดเหงื่อเพราะไม่รู้ว่าตัวเองไปทำอะไรให้เธอไม่พอใจรึเปล่าถึงได้ทำแบบนี้ เขาพยายามลองเปิดประตูมันล็อคอยู่แต่ไม่มีใครออกมาแสดงว่าเธอเองก็อยู่ในนั้นแหละ
"ใจเย็นแล้วค่อยมาคุยกับเฮียแล้วกัน"
เขาถอนหายใจออกมาเล็กน้อยเดินออกไปจากตรงนั้นปล่อยให้หญิงสาวได้คิดทบทวนตัวเองเดี๋ยวก็คงดีขึ้นเองแหละ
ดาหวันเดินไปยืนอยู่หน้าประตูเอาหูแนบกับประตูก่อนจะร้องไห้ออกมาเมื่อชายหนุ่มออกไปแล้ว แค่นี้ก็รู้แล้วว่าเขาไม่สนใจเธอเลยและคงจะไปหาแฟนของเขาที่อยู่ในห้องรับแขกแหละ
"ฮึก! ดาหวันไปเองก็ได้เฮียจะได้อยู่มีความสุขกับแฟนของเฮีย ลาก่อนค่ะ"
เธอเดินไปหยิบกระเป๋าเป้ใส่เสื้อผ้าของตัวเองเอาไว้จนเต็ม หยิบสมุดบัญชีที่เฮียตฤณโอนให้ทุกเดือนวางไว้พร้อมกับของมีค่าต่างๆ เธอจะไม่เอาอะไรติดตัวไปทั้งนั้นยกเว้นสร้อยคอที่เขาซื้อให้ เพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้เธอหายคิดถึงเขา
"ฮึก!"
เธอสะพายกระเป๋าเป้ก่อนจะเดินออกมาจากห้องนอนแล้วค่อยๆย่องออกทางด้านหลัง และตอนนี้คนในบ้านไม่มีใครรู้เลยว่าเธอกำลังหนีออกจากบ้าน เงินติดตัวมีไม่กี่พันเพราะเป็นเงินที่เธอหามาเองเท่านั้น
"แล้วเราจะไปที่ไหนเนี่ย"
เธอเป็นเด็กที่โตมากแบบช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลย มีคนไปรับไปส่งที่โรงเรียนจะทำอะไรก็มีคนคอยช่วยเธอจึงไม่เคยทำอะไรด้วยตัวเองเป็น และการเดินทางไปกรุงเทพก็เป็นครั้งแรกที่เธอเดินทางไปไหนไกลๆ จุดมุ่งหมายคือร้านคาเฟ่ของพี่เบบี๋ซึ่งไม่รู้ว่าเธอจะหาเจอรึเปล่า
"น้องจะไปไหน"
"เอ่อ คือ..."
เธอมองหน้าคนขับแท็กซี่ที่กำลังถามทางไปของเธออยู่ ดาหวันคิดว่าถ้าเดินทางไปโดยเครื่องบินน่าจะเร็วสุดแต่ว่ามันจะเปลืองเงินมากเพราะฉะนั้นนั่งรถทัวร์ไปดีกว่า
"ไปขนส่งค่ะ"
"ได้เลย"
ดาหวันต้องใช้เวลาเดินทางนานหลายชั่วโมงกว่าจะถึงกรุงเทพ เธอพยายามศึกษาเส้นทางจากโทรศัพท์ประกอบกับอาศัยถามทางจากพนักงาน
"คงจะถึงพรุ่งนี้แหละมั่งเนี่ย"
ทางด้านของคุณนาดาวคุณแม่ของดาหวันเธอเข้ามาหาลูกสาวก็ต้องตกใจเป็นอย่างมากที่เธอหายออกจากบ้านไปแถมยังไม่เอาเงินติดตัวไปเลยสักนิด
"ดาหวันทำไมทำแบบนี้ลูก!"
เธอหยิบสมุดบัญชีของทุกอย่างที่ดาหวันวางทิ้งไว้เดินออกไปหาคุณๆที่ห้องรับแขก
"นาดาวมีอะไรรึเปล่าทำไมทำหน้าเครียดขนาดนั้น"
"ดาหวันค่ะ ดาหวันหนีออกจากบ้านค่ะ"
"อะไรนะ!"
ทั้งสองคนตกใจเป็นอย่างมากที่อยู่ๆเด็กสาวก็หายออกไปแบบนั้น ส่วนตฤณเขาไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเพราะไม่มีใครบอก โทรศัพท์ไปหาดาหวันก็ไม่ยอมรับสายก็เลยคิดว่าพรุ่งนี้ค่อยเรียกมาเคลียร์ทีเดียว รวมถึงเรื่องที่เธอโทรศัพท์ไปหาเบบี๋ด้วย
วันต่อมา...
ดาหวันมาถึงที่ขนส่งตั้งแต่ตีสี่ครึ่ง เธอไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนต่อก็เลยเลือกที่จะอยู่ที่นั่นไปจนกว่าจะถึงเช้า และพอเช้าปุ๊บเธอก็นั่งรถเมล์มาลงที่ห้างสรรพสินค้า เธอค้นหาร้านคาเฟ่ของเบบี๋ลองดูว่าจะไปหาได้ทางไหนบ้าง และถ้านั่งแท็กซี่ไปก็จะเสียเงินเยอะมากซึ่งเธอต้องประหยัดให้มากที่สุด
"ทำไมต่อรถไปหลายคันจัง"
หญิงสาวถอนหายใจออกมาเล็กน้อยก่อนจะเดินคอตกออกไปหน้าห้างเพื่อที่จะหารถเมล์ตามที่ในอินเตอร์เน็ตแนะนำ หญิงสาวเดินเหม่อเพราะคิดถึงชายหนุ่ม ถ้าเป็นเวลานี้เธอคงกำลังนอนกอดเขาอยู่ซึ่งหลังจากนี้มันคงไม่มีอีกแล้ว
"โอ๊ย!"
หญิงสาวร้องออกมาเสียงหลงโทรศัพท์หล่นแตกกระจายพร้อมกับตัวเธอที่ล้มลงไปที่พื้น เธอมองโทรศัพท์ตาโตด้วยความตกใจรีบขยับเข้าไปใกล้เก็บมันขึ้นมาดูปรากฎว่าหน้าจอแตกกระจาย
"โทรศัพท์! ฮือออ แตกหมดเลย"
"เป็นอะไรรึเปล่าครับ"
เธอเงยหน้ามองตามเสียง ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงได้ซวยมากขนาดนี้ โทรศัพท์เครื่องเดียวก็ยังรักษาไว้ไม่ได้
"ขอโทษค่ะหนูเดินไม่ดูทางเอง"
"ไม่เป็นไรหรอกโทรศัพท์แตกหมดเลยขอโทษนะ ลุกขึ้นมาสิ"
เขายื่นมือมาตรงหน้าเธอ ดาหวันมองชายหนุ่มน้ำตาคลอยื่นมือไปจับเขาไว้ก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นช้าๆ เธอยกมือไหว้ขอบคุณเขาอีกครั้งและขอโทษที่ไปชนเขาแบบนั้น
"ขอบคุณค่ะแล้วก็ขอโทษนะคะที่ไม่ระวัง"
"ผมไม่เป็นอะไรหรอกแต่หนูสิเสียโทรศัพท์ไปเครื่องหนึ่งเลย"
"ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะมันเก่าแล้ว แต่หนูไม่มีเงินซื้อแล้วค่ะหนูคงต้องไปหางานทำก่อนไหนจะหาเงินมาจ่ายค่ารายงานตัวอีก ชีวิตหนูนี่มันแย่มากเลยใช่มั้ยคะ"
เธอตัดพ้อออกมาอย่างรู้สึกแย่ ชีวิตของเธอไม่มีอะไรสมหวังเลยสักอย่าง ชายตรงหน้ายื่นนามบัตรของตัวเองไปให้หญิงสาวก่อนจะยิ้มออกมาบางๆ
"ไปทำงานกับผมมั้ยเงินดีนะ"
ดาหวันรับนามบัตรมาก่อนจะลองอ่านดู ถึงขั้นมีนามบัตรแสดงว่าคงไม่ธรรมดาและก็เป็นอย่างที่คาดเดาจริงๆด้วย
"คุณจากัวร์ จรณเกียรติ ตันเจริญกุล ประธานบริษัทอินเตอร์มีเดีย เจ้าของช่อง88 คุณเป็นเจ้าของช่องทีวีที่มีละครสนุกๆใช่มั้ยคะ"
หญิงสาวเอ่ยออกมาอย่างตื่นเต้น เขาพยักหน้ายิ้มๆหันไปหาผู้กำกับที่เดินมาด้วยก่อนจะเอ่ยถามเสียงเรียบ
"คนนี้ผ่านมั้ยผู้กำกับ"
เขาหันมามองสำรวจหญิงสาวตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย
"สวย มารยาทงาม หุ่นดี ผิวพรรณสวยปั้นเป็นดาราน่าจะดังนะครับ"
"งั้นเหรอ... สนใจมั้ยล่ะ"
ดาหวันอึ้งไปเลยไม่คิดว่าจะมีคนมาชวนเธอไปเป็นดารา คนบ้านๆอย่างเธอเป็นไม่ได้หรอกอีกอย่างเธอไม่ถนัดอะไรแบบนี้ด้วย
"หนูคงทำไม่ได้หรอกค่ะ ไม่มีงานอื่นเหรอคะ"
"อยากได้เงินไปจ่ายค่าเทอมไม่ใช่เหรอ ตกลงเซ็นสัญญารับเงินก้อนแรกไปเลยนะ เอาเป็นว่าให้ไปคิดก่อนแล้วตอนนี้จะไปที่ไหนเดี๋ยวผมไปส่ง"
"ไปเบบี๋คาเฟ่ค่ะแต่ว่าโทรศัพท์มันแตกไปแล้วหนูหาทางไปไม่ได้แล้วค่ะ"
เธอมีความลังเลมากกับสิ่งที่เขาเสนอให้ และตอนนี้ไม่มีใครให้ปรึกษาด้วยจะโทรศัพท์หาแม่ก็ไม่ได้เพราะว่าจอมันแตกไปแล้ว
"ผมรู้จักเดี๋ยวพาไปส่ง ไม่ต้องกลัวนะผมไม่อันตรายหรอกไปเถอะ"
หญิงสาวมองทั้งสองคนอย่างระแวงแต่ดูท่าทางเขาก็เป็นคนใจดีไม่น่ามีพิษสงอะไรนะ
"ขอบคุณนะคะ แล้วเรื่องที่คุยกัน.."
"ให้เวลาคิดไม่ได้เร่งรีบอะไร แต่ถ้าต้องใช้เงินด่วนก็แค่ตกลงพร้อมเซ็นสัญญาแล้วจ่ายเงินเลย"
"จริงเหรอคะ... แล้วเป็นดาราเงินดีมั้ยคะ"
เธอยังไม่เลิกสงสัย ทั้งสองคนหันไปมองหน้ากันก่อนจะยิ้มออกมาขำๆ เขาว่าเด็กคนนี้มีแววจะเป็นดาราได้เพราะความใสซื่อและเป็นตัวของตัวเอง คาแรคเตอร์แบบนี้แหละที่คนส่วนใหญ่ชอบ และเขาเองที่เจอเธอครั้งแรกยังรู้สึกถูกชะตาเลย
"อยากรู้ก็ลองสิ"