CHAPTER 4 “แรกรัก”

2963 Words
เหมยกับพู่กันพากันเดินซื้อของจนคล้อยบ่าย ทั้งสองก็แยกย้ายกันกลับบ้าน เหมยให้ปืนและนิกช่วยกันขนของที่ซื้อมารวมถึงของฝากจากพู่กัน ที่ขนซื้อมาทั้งของกินและของใช้เข้าบ้าน หลังจากคนสนิททั้งสองคนออกจากห้องไป เหมยก็ทิ้งตัวลงที่โซฟาริมหน้าต่างห้องนอน ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดเช็คข้อความ เมื่อเห็นว่าไม่มีข้อความที่คนพี่ทิ้งไว้ จึงกดโทรออกไปหาอีกคนแทน “พี่นัทขา หนูถึงบ้านแล้วนะคะ” เหมยเอ่ยเสียงหวานทันทีที่ได้ยินสัญญาณตอบรับจากปลายสาย ‘ไปซื้ออะไรมาบ้างคะ กลับซะเกือบเย็นเลย’ สารวัตรถามกลับมา “ของใช้ทั่วไปนี่แหละค่ะ ไปเดินเป็นเพื่อนพู่กันมากกว่า ยัยพู่เพิ่งกลับมาจากหนีไปทัวร์ยุโรป 2 เดือน เพิ่งจะติดต่อกลับมาหาหนูเมื่อวาน แถมยังซื้อของฝากกลับมาเพียบเลยด้วย” เหมยเล่าให้สารวัตรฟัง ‘ดีแล้วค่ะ เพื่อนกลับมาหนูจะได้ไม่เหงา แล้ววันนี้เข้าร้านกี่โมงคะ’ เหมยเงยหน้ามองนาฬิกาปลายเตียง “น่าจะซักหกโมงค่ะ เมื่อวานหนูเคลียร์เอกสารหมดแล้ว วันนี้ไม่น่ามีอะไรมาก” เหมยตอบสารวัตรกลับไป ‘อืม กว่าหนูจะถึงร้านก็เกือบทุ่ม หนูมีงานอะไรต้องเคลียร์มั้ยคะวันนี้’ สารวัตรกะเวลาแล้วถามกลับมา “ไม่มีอะไรเป็นพิเศษนะคะ ก็แค่ดูความเรียบร้อยทั่วไป” เหมยตอบ ‘งั้นพี่เลิกงานแล้วพี่ไปกินข้าวด้วยนะคะ พี่คิดถึง’ เหมยหน้าแดงกับคำพูดตรง ๆ ของคนรัก “ได้ค่ะ งั้นเดี๋ยวหนูรอที่ห้องทำงานนะคะ พี่นัทมาถึงแล้วก็ขึ้นมาหาหนูได้เลย เดี๋ยวหนูแจ้งการ์ดไว้ หนูก็คิดถึงพี่นัทเหมือนกัน” เหมยตอบรับเสียงใส ‘ค่ะ เดี๋ยวพี่ทำงานก่อนนะคะ เจอกันตอนเย็น’ สารวัตรเอ่ยลาก่อนจะวางสายไป เหมยนั่งมองหน้าจอโทรศัพท์พร้อมรอยยิ้ม ไม่คิดว่าเธอจะได้มีวันนี้จริง ๆ วันที่เธอกับเค้าได้มาเป็นแฟนกัน เหมยแอบชอบนัทมาตั้งแต่สมัยเรียน ไม่เคยมีใครรู้เรื่องนั้นนอกจากพู่กันเพื่อนสนิทของเธอ นัท ฟานและหมอกพี่ชายเธอ เป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก และทั้งสามคนก็มักจะมารวมตัวกันที่บ้านเธอบ่อย ๆ โรงเรียนที่เหมยและพี่ ๆ เรียนอยู่ เป็นโรงเรียนเอกชนที่สอนตั้งแต่ชั้นอนุบาล จนถึงมัธยมปลาย ด้วยความหล่อและบ้านมีฐานะกันทุกคน ทำให้ทั้งสามหนุ่ม กลายเป็นหนุ่มฮอตที่ได้รับความนิยมค่อนข้างมากในโรงเรียน ไม่เว้นแม้แต่กับเด็กประถมแบบเธอ ที่ได้แต่แอบมองนัทด้วยความชื่นชมมาตลอด จนกระทั่งขึ้นชั้นม.ต้น ความหวังที่จะได้เข้าไปใกล้ชิดกับนัทมากขึ้นก็ดับลง เมื่อคนพี่ตัดสินใจสอบเข้าโรงเรียนนายร้อยตำรวจ หลังจากจบชั้นม.4 เพื่อทำตามความฝันและเดินตามรอยเท้าพ่อของตัวเอง และเมื่อนัทย้ายที่เรียนไป ก็ทำให้เธอกับเค้าได้เจอกันน้อยลงไปด้วย เหมยจึงตัดสินใจเรียนต่อจนจบม.ต้น แล้วขอพ่อย้ายไปเรียนที่ฮ่องกงแทนจนกระทั่งจบปริญญา หลังจากเรียนจบ เหมยตัดสินใจกลับมาช่วยหมอกบริหารคาสิโนที่ไทย ด้วยเหตุผล 2 ข้อ คือ พู่กันเพื่อนสนิทของเธอที่ตามไปเรียนที่ฮ่องกงด้วย ต้องกลับมาหาครอบครัวที่ไทย และเหตุผลอีกข้อคือ เธอคิดถึงเค้า จากที่หมอกเล่าให้พ่อฟังว่าคาสิโนที่ไทย ได้รับความช่วยเหลือจากพ่อของนัท ทำให้สามารถเปิดธุรกิจคาสิโนในประเทศไทยได้ ทำให้เหมยค่อนข้างมั่นใจว่า การกลับมาช่วยพี่ชายบริหารคาสิโนของเธอครั้งนี้ จะทำให้เธอได้มีโอกาสใกล้ชิดกับเค้าอีกซักครั้ง เหมยจำวันนั้นได้ดี วันแรกที่ได้เจอกันหลังจากเธอกลับมาจากฮ่องกง ขณะที่กำลังเดินลงมาจากห้องนอน ก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายจากทางห้องนั่งเล่น เมื่อเดินไปดูก็ทำให้เธอได้พบกับคนที่เธอกำลังรอคอย นัท หมอก และเพื่อน ๆ กำลังนั่งเล่นพูดคุยกันอยู่ในห้องนั้น ผู้ชายตรงหน้าเธอ หล่อขึ้นกว่าสมัยเรียนเยอะมาก เหมยยืนจ้องหน้านัทอยู่ตรงนั้นนานหลายนาที เพื่อพิจารณาใบหน้าของคนที่เธอคิดถึงมาตลอด นัทดูโตขึ้นมากเมื่อเทียบกับครั้งสุดท้ายที่เธอเจอ ร่างกายกำยำสมส่วน ดูแข็งแรงเหมาะสมกับอาชีพที่เค้าเลือกทำ ทางด้านนัทที่นั่งหันหน้ามาทางประตูห้องนั่งเล่น ก็นิ่งไปเช่นกันเมื่อเงยหน้าขึ้นมาเจอเหมย น้องสาวของเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันนานหลายปี สาวน้อยตัวเล็กที่เคยวิ่งตามพวกเค้าในวันนั้นหายไปแล้ว แต่ถูกแทนที่ด้วยสาวสวยที่ยืนอยู่ตรงหน้า ใบหน้าหวานที่จ้องมองมาที่เค้า ทำให้นัทไม่อาจละสายตาไปจากเหมยได้ จนกระทั่งเพื่อนเอ่ยทักขึ้น ทั้งสองถึงละสายตาออกจากกัน หลังจากวันนั้น เหมยและนัทก็มีโอกาสได้พบกันบ่อยขึ้น จนกระทั่งจุดเปลี่ยนความสัมพันธ์ของทั้งสองคนมาถึง ในช่วงงานแต่งงานของหมอกพี่ชายเธอ ย้อนกลับไปเหตุการณ์ในตอนนั้นที่เธอจำได้ไม่ลืม วันนั้นเธอเดินทางร่วมกับพี่ชายและเพื่อน ๆ เพื่อไปงานเลี้ยงฉลองงานแต่งงานของพี่ชายที่ฮ่องกง ระหว่างทางนัทและเหมยถูกจัดที่นั่งไว้ใกล้กัน มีเพียงทางเดินกั้นระหว่างทั้งสองคนเท่านั้น เหมยปฏิเสธไม่ได้เลยว่าความหล่อของนัทนั้นเป็นที่หมายปองของสาว ๆ ไม่เว้นแม้กระทั่งแอร์โฮสเตสของสายการบิน ตลอดการเดินทางแอร์โฮสเตสดูจะให้ความสนใจกับการบริการนัทเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเครื่องดื่ม อาหาร คอยสอบถามว่าต้องการอะไรมั้ย การเดินทางติดขัดอะไรรึเปล่า จนคนที่นั่งมองเหตุการณ์แบบเธอเกิดความไม่พอใจขึ้นมา แม้จะรู้ว่าตัวเองไม่ได้มีสิทธิ์โกรธหรือหึงหวงคนข้าง ๆ แต่มันก็อดคิดไม่ได้จริง ๆ สารวัตรนัทเองก็สังเกตเห็นอาการมึนตึงของเด็กแสบข้าง ๆ ตัว ถ้าเค้าไม่คิดเข้าข้างตัวเองจนเกินไป เด็กแสบตรงหน้าคงจะชอบเค้าอยู่บ้าง ไม่มากก็น้อย ทำให้คนพี่เกิดนึกสนุกอยากลองใจอีกคนดู เค้ายิ้มแย้มตอบกลับแอร์โฮสเตสคนนั้นทุกครั้งที่เธอเดินเข้ามาหาแบบไม่รักษาท่าที จนเพื่อน ๆ ถึงขั้นออกปากแซวกันสนุกสนาน ยกเว้นเพียงแต่เด็กแสบข้าง ๆ ที่ออกอาการไม่พอใจอย่างชัดเจน จนกระทั่งเดินทางมาถึงคาสิโนและเหมยขอแยกตัวออกไปด้วยอารมณ์หงุดหงิด ทำให้นัทมั่นใจว่า น้องเองก็คงจะรู้สึกเหมือนกับเค้าเช่นกัน ภายในงานเลี้ยงฉลองแต่งงานของหมอกวันนั้น สารวัตรไม่ได้ให้ความสนใจบ่าวสาวเจ้าของงานเลยแม้แต่น้อย เค้าเอาแต่จับตามอง หญิงสาวหน้าหวานตัวเล็ก ที่อยู่ในชุดสายเดี่ยวรัดรูปสีเงิน ที่ดึงดูดสายตาคนในงานได้มากพอ ๆ กับเจ้าสาวของงานนี้เลยด้วยซ้ำ เมื่องานดำเนินไปได้ค่อนคืน เหมยก็ขอตัวกลับขึ้นไปพักผ่อนบนห้อง เมื่อสารวัตรเห็นน้องกำลังเดินออกจากงานไป เค้าจึงขอตัวแยกกับเพื่อน ๆ แล้วเดินตามน้องไปทันที “น้องเหมย” สารวัตรเรียกเหมยไว้ ก่อนที่น้องจะทันได้กดลิฟท์ขึ้นไปบนห้องพัก “คะ??” เหมยหันมามองหน้าสารวัตรด้วยความสงสัย ที่อยู่ ๆ คนพี่ก็เดินตามออกมา “พี่ขอคุยกับน้องเหมยหน่อยได้มั้ย ที่สวนข้างนอกก็ได้ ไม่นาน” สารวัตรเอ่ยถาม เมื่อเหมยพยักหน้ากลับมา สารวัตรก็เดินนำน้องออกมาที่สวนด้านนอก สองคนเดินเคียงคู่กันออกมาด้านในสวน บรรยากาศยามค่ำคืนบวกกับสายลมเย็นที่พัดมา ทำให้เหมยต้องยกแขนขึ้นมากอดตัวเองไว้ เพราะชุดที่สวมอยู่ดูจะไม่สามารถทนต่อความเย็นยามค่ำคืนได้ดีเท่าไหร่นัก “แต่งตัวแบบนี้ ไอ้หมอกมันไม่หวงน้องบ้างเลยรึไง” สารวัตรบ่นออกมาเบา ๆ พร้อมกับถอดเสื้อสูทตัวนอกออกมาคลุมไหล่ให้เด็กข้างกาย “เหมยก็แต่งแบบนี้ตลอด ไม่เห็นเฮียจะว่าอะไรเลย แล้วพี่นัทจะคุยอะไรกับเหมยคะ” เหมยถามกลับไปด้วยเสียงติดจะหงุดหงิดเล็ก ๆ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์บนเครื่องบินที่เพิ่งผ่านมา “พี่มีเรื่องอยากถามเราหน่อย” สารวัตรหันไปมองหน้าเหมยตรง ๆ “เหมยเป็นแฟนกับพี่ได้มั้ยคะ” เหมยตะลึงกับคำถามตรง ๆ ที่ออกมาจากปากคนตรงหน้า แม้มันจะเป็นสิ่งที่เธอเคยอยากได้ยินมาตลอด แต่พอได้มาฟังแบบไม่ทันได้ตั้งตัวแบบนี้ มันเลยทำให้เหมยไปต่อไม่เป็น แล้วไหนจะคำว่าคะลงท้ายประโยคนั้นอีก “พี่นัทถามว่าอะไรนะคะ เหมยว่าเหมยได้ยินไม่ถนัด หรือเพลงในงานมันดังจนหูอื้อไปแล้ว” เหมยถามย้ำ “พี่ชอบเหมย แล้วถ้าพี่เข้าใจไม่ผิด เหมยเองก็ชอบพี่ เพราะฉะนั้นเราสองคนเป็นแฟนกันได้มั้ยคะ” สารวัตรเน้นย้ำคำตอบทุกประโยคชัด ๆ ให้เด็กน้อยตรงหน้าได้ฟัง “หลงตัวเอง อะไรทำให้พี่มั่นใจแบบนั้น” เหมยเบือนหน้าหนี ไม่อยากให้คนตรงหน้าเห็นว่าเธอกำลังเขิน “ถ้าเราไม่ชอบพี่ แล้วเราจะหึงพี่กับแอร์บนเครื่องทำไมคะ” สารวัตรแกล้งแหย่น้องกลับ “อะไรเล่า เหมยไม่ได้หึงซะหน่อย พี่คิดไปเอง เหมยไปนอนแล้วนะคะ ดึกแล้ว” เหมยปฏิเสธเสียงอ่อน ก่อนจะหันหน้าหนีเตรียมเดินกลับเข้าไปในคาสิโน “เดี๋ยวค่ะ” สารวัตรเรียกเหมยไว้อีกครั้ง พร้อมกับจับแขนน้องให้หันกลับมาหาตัวเอง “จะหนีไปไหน กลัวพี่เห็นว่าเขินหรอ” สารวัตรยิ้มถาม “เหมยไม่ได้เขินซะหน่อย พี่นัทปล่อยเหมยเลย เหมยจะไปนอนแล้ว” เหมยพยายามพลิกแขนออก “เดี๋ยวพี่ปล่อยให้ไปนอน แต่เหมยต้องตอบพี่ก่อน สรุปว่าพี่คิดไปเองว่าเหมยชอบพี่ คิดไปเองว่าเหมยหึงพี่ ถูกมั้ย” สารวัตรดึงน้องเข้ามาใกล้ แล้วถามย้ำออกไป “ใช่ค่ะ พี่คิดไปเอง หลงตัวเองเก่ง” เหมยตอบเสียงเบา “งั้นก็แปลว่าพี่ชอบเหมยอยู่ฝ่ายเดียว แล้วในเมื่อเหมยไม่ชอบพี่ ก็แปลว่าพี่อกหัก งั้นพี่คงต้องหาสาวอื่นมาดามใจแล้วแหละเนอะ ยังไงพี่ขอโทษนะคะ ที่พี่เข้าใจผิดไปเองว่าเราใจตรงกัน” สารวัตรแกล้งตอบเสียงอ่อน ก่อนจะปล่อยมือออกจากแขนน้อง “อ่าว ทำไมพี่นัทต้องหาคนอื่นมาดามใจ ในเมื่อพี่ชอบเหมย พี่ก็ต้องจีบเหมยสิคะ ทำไมไม่มีความพยายามเลย พี่ทำให้เหมยหงุดหงิดที่พี่ไปยิ้มให้คนอื่นมาทั้งวัน พี่ก็ต้องง้อเหมยหน่อยมั้ย ไม่ใช่มาขอคบกันง่าย ๆ แบบนี้แล้วก็จบ ถึงเหมยจะชอบพี่นัทมาก แต่เหมยก็ต้องรักษาท่าทีบ้างสิ ไม่ใช่มาขอคบแล้วจะให้ตอบตกลงเลยในทันที มันดูเหมือนผู้หญิงใจง่ายเกินไปอ่ะ” เหมยสวนกลับมาชุดใหญ่ โดยลืมตัวไปว่า ประโยคที่พูดมาทั้งหมด กลายเป็นการคำสารภาพความรู้สึกที่มีไปซะแล้ว จนสารวัตรเองก็ยังอดยิ้มออกมาไม่ได้ “หึหึ ปากแข็งได้ไม่นาน โดนพี่ปั่นนิดเดียว สารภาพออกมาหมดเลยนะคะ” สารวัตรยื่นหน้าเข้าไปหาเหมยที่ยืนตะลึงหน้าขึ้นสีกับสิ่งที่ตัวเองเพิ่งหลุดปากออกไป “สรุป ชอบหรือไม่ชอบ หึงหรือไม่หึงคะ” สารวัตรดึงน้องมาหาตัว ยกแขนสองข้างขึ้นโอบเอวน้องไว้ “ฮือ...เหมยไม่ใช่ผู้ต้องหาของพี่นะ พี่จะมาหลอกให้เหมยสารภาพแบบนี้ไม่ได้” เหมยเขินจนต้องก้มหน้าหนีสายตาล้อเลียนของคนพี่ “ก็เหมยไม่ยอมตอบพี่มาดีดี สรุปว่ายังไงคะ อยากรับตำแหน่งแฟนสารวัตรไว้เอง หรืออยากยกให้คนอื่น” สารวัตรถามย้ำอีกครั้งเพื่อขอคำตอบ “แสดงว่าถ้าเหมยไม่รับ พี่ก็จะยกตำแหน่งนี้ให้คนอื่นหรอคะ” เหมยถามเสียงเข้ม “พี่ยังไม่ได้คิดค่ะ เพราะตอนแรกก็เก็บตำแหน่งนี้ไว้ให้เหมยคนเดียว แต่ถ้าเหมยไม่อยากได้มัน พี่ก็คงต้องรอว่าเมื่อไหร่จะเจอคนที่อยากได้ตำแหน่งนี้ไป” สารวัตรตอบ “พี่ตอบคำถามเหมยมาหลายข้อแล้วนะคะ พี่ถามเราแค่คำถามเดียว ไม่เห็นเราตอบพี่ซักที” “พี่จะไม่จีบเหมยหน่อยหรอคะ แบบไม่มีโมเม้นต์ที่ผู้ชายที่ตัวเองชอบมาตามจีบเลยอ่ะ” เหมยเอียงคอถาม “เราใจตรงกันแล้ว ก็คบกันได้เลยครับ เอาเวลาที่จะจีบไปสวีทกันไม่ดีกว่าหรอ คบกันแล้วพี่ก็สร้างโมเม้นต์ให้เราได้จริงมั้ย อาชีพของพี่ บางทีมันก็ไม่ได้มีเวลาให้จีบสาวมากนักหรอกนะ ถ้าพี่ต้องตามจีบเหมยจริง ๆ คงมีคนมาตัดหน้าแย่งทำคะแนนไปก่อนแน่ ๆ” สารวัตรจ้องตาเหมยนิ่ง “พี่ไม่รู้หรอกนะ ว่าพี่จะเป็นแฟนที่ดีให้เหมยได้มั้ย เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาพี่ไม่เคยคิดจะหาแฟนเลย พี่รู้ดีว่าผู้หญิงที่จะมายืนข้าง ๆ พี่ จะต้องเข้าใจในสิ่งที่พี่เป็น อาชีพของพี่ไม่ได้ทำงานเป็นเวลาเหมือนคนอื่น พี่เห็นมาตลอดว่าแม่พี่ต้องกังวล เป็นห่วง และรอคอยให้พ่อกลับมาบ้านทุกครั้งที่พ่อไปทำคดี โดยที่ไม่รู้ว่าการออกไปทำคดีแต่ละครั้งนั้น พ่อจะกลับมาปลอดภัยมั้ย จนกระทั่งพี่ได้มาเจอเหมยอีกครั้ง เด็กน้อยสดใสร่าเริง ที่คอยวิ่งตามพวกพี่ตอนเด็ก ๆ หายหน้าหายตาไปจากพี่หลายปี แต่พอกลับมาอีกทีก็กลายเป็นสาวสวยจนพี่แทบจำไม่ได้ วันนั้นที่เราเจอกันหลังจากเหมยกลับมา พี่ก็เข้าใจเลยว่า การตกหลุมรักมันเป็นยังไง จนวันนี้ที่พี่เห็นอาการเหมย พี่ถึงกล้าที่จะเดินเข้ามาถามเราตรง ๆ” สารวัตรบอกความในใจที่มี โดยไม่ละสายตาออกจากน้องแม้แต่น้อย “พี่แน่ใจใช่มั้ยคะ ว่าพี่รักเหมยจริง ๆ ไม่ใช่แค่เห็นว่าเหมยชอบพี่ หึงพี่ เลยคิดว่าจะมาขอคบกันง่าย ๆ แบบนี้” เหมยถามออกไปอีกครั้ง “พี่ไม่ได้ชอบเหมย เพราะรู้ว่าเหมยชอบพี่นะคะ วันที่พี่ตกหลุมรักเหมย พี่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเหมยชอบพี่รึเปล่า แต่ที่พี่มาขอ เพราะพี่มั่นใจแล้วว่าเราใจตรงกัน พี่ไม่ได้จะบังคับ หรือ กดดันเหมยนะ ถ้าเหมยยังไม่อยากคบกับพี่ หรืออยากให้พี่จีบเราก่อน พี่ก็ยอมรับในการตัดสินใจของเหมย แล้วก็จะเดินหน้าจีบเหมยอย่างจริงจัง ถ้าเหมยยังไม่เชื่อมั่นในตัวพี่จริง ๆ เราก็ดูกันไปก่อนก็ได้ค่ะ” สารวัตรยิ้มตอบ ไม่อยากให้น้องรู้สึกกดดันจากคำถามของเค้ามากเกินไป “งั้นพี่ก็ปล่อยเหมยได้แล้วค่ะ เหมยง่วงแล้ว จะไปนอน” สารวัตรยิ้มก่อนจะคลายวงแขนที่กอดเอวน้องไว้ออก “ฝันดีนะคะ สารวัตรนัทแฟนน้องเหมย” เหมยยิ้มตาหยี ก่อนจะหันหลังเร่งฝีเท้าหนีเข้าไปในตึก “เด็กแสบ มานี่เลย คิดว่าจะหนีพี่พ้นหรอ” สารวัตรวิ่งตามมาล็อกตัวน้องไว้ “สรุปเป็นแฟนกันแล้วนะคะ” “งือ...ปล่อยหนูก่อน หนูเขิน” เหมยมุดหน้าหนีซ่อนความเขินไว้ “เรียกแทนตัวเองว่าหนูก็น่ารักดีนะ พี่ชอบ” สารวัตรยิ้มไม่หุบ “ไปครับพี่ไปส่งแฟนเข้านอนดีกว่า แฟนพี่จะหนีไปนอนหลายรอบแล้ว สงสัยจะง่วงจริง” สารวัตรเดินจูงมือเหมยเข้ามาด้านใน “ขี้แกล้ง” เหมยบ่นเบา ๆ ขณะเดินตามสารวัตรเข้ามาในลิฟท์ “พี่นัท” เหมยเขย่าแขนเรียกอีกคน เมื่อลิฟท์เปิดออกบนชั้นที่พักของเหมย “ขอบคุณที่เข้ามาถามหนูวันนี้ หนูดีใจมากที่คนที่เดินเข้ามาหาหนูเป็นพี่” “ทำไมคะ ทำไมถึงดีใจมากที่เป็นพี่” สารวัตรถามออกไป ขณะเดินจูงมือน้องมาหยุดที่หน้าห้อง “ก็หนูชอบของหนูมาตั้งนาน จองมาตั้งแต่เด็ก ในที่สุดพี่นัทก็มาตกหลุมหนูจนได้ หนูก็ต้องดีใจสิคะ ฝันดีนะคะแฟน” เหมยตอบพร้อมกับหันไปแตะคีย์การ์ดหนีเข้าห้องหนีความเขินในทันที “แสบจริง ๆ พรุ่งนี้เช้าพี่มารับไปกินข้าวนะคะ” สารวัตรเอ่ยทิ้งท้าย ก่อนจะเดินกลับลงไปที่ห้องพักของตัวเองที่อยู่ชั้นล่าง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD