2
“ท่านน้าอย่าดุข้านักเลย หากข้าละเลยเกรงว่าท่านยายจะโกรธเอาได้” เหม่ยเจินกล่าวขึ้นมา ดวงตาคู่งามมิได้ละไปจากตัวอักษรบนตำราสักนิด ถึงมารดาจะจากไป แต่นางยังมีเครือญาติคอยดูแลอยู่ห่าง ๆ หากบิดาไม่รั้งนางเอาไว้ ป่านนี้คงได้ท่องเที่ยวอยู่กับท่านยายแล้วก็เป็นไปได้
ขุนนางไป๋สีหน้ามีแต่ความกังวลใจผุดขึ้นมาบนใบหน้าของชายชรา เดินมาหยุดอยู่หน้าเรือนนอนของลูกสาวคนเล็ก ไม่รู้ว่าจะบอกกล่าวอย่างไรดี “เจินเอ๋อร์” น้ำเสียงต่ำแต่ไพเราะรื่นหูกล่าวเรียกคนด้านใน
“รอสักครู่เจ้าค่ะท่านพ่อ” นางรีบหยัดกายลุกพรวดพราดขึ้นมาด้วยความตกใจ รีบกวาดเหล่าตำราทั้งหลายลงหีบและน้ำผ้ามาคลุมเอาไว้อย่างเร่งรีบ อาชุนก็ช่วยด้วยอีกแรง จากนั้นจึงได้จุดกำยานกลิ่นดอกไม้ปกปิดกลิ่นเหม็นของสมุนไพรที่คุณหนูมักชอบเอาเข้ามาบดผสมและปรุงในห้องนี้
สองเท้าเล็ก ๆ ยืนอยู่หน้าประตูพลางถอนหายใจเมื่อลอบมองภายในห้องให้เรียบร้อย จากนั้นจึงเป็นฝ่ายเปิดประตูส่งยิ้มหวานพร้อมยอบกายลงอย่างดงาม “คารวะท่านพ่อ” น้ำเสียงหวานกล่าวขึ้นมา ใบหน้างดงามผุดผาดเหมือนมารดาไม่ผิดเพี้ยน บิดามองใบหน้าลูกสาวทีไร อดจะคิดถึงภรรยารักทุกครั้ง
“พ่อมาเจ้าเพราะมีเรื่องมาขอร้อง” บิดากล่าวน้ำเสียงเศร้า พลางใจหายวาบ หากลูกสาวปฏิเสธจะทำอย่างไรดี เขาก็ต้องจับลูกสาวคนโตยัดเกี้ยวส่งไปยังจวนแม่ทัพหยางอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“ท่านพ่อมีอันใดให้ลูกรับใช้เจ้าคะ” การตายของมารดาไม่แน่ชัด ฮูหยินใหญ่ดูแลนางเป็นอย่างดีก็จริง แต่ใครจะรู้เล่าว่า ฮูหยินคนนี้เป็นคนเช่นไร ภายนอกดูสดใสแต่ข้างในกลับเน่าเป็นหนอนหรือเปล่าไม่อาจรับรู้ได้
“คือว่าพี่สาวของเจ้าไม่อาจแต่งงานกับท่านแม่ทัพ” เพียงแค่บิดาเกริ่นแค่นี้พอจะเดาทางได้ทันใด ครั้งหนึ่งแม่ทัพยางจงหมิงเคยช่วยนางเอาไว้ เพราะความดื้อแสนซนของนาง จึงทำให้ผลัดตกน้ำ ในที่สุดก็มีชายหนุ่มรูปงามกระโจนลงมาช่วยเด็กสาว นางยังจดจำได้ดี
“ได้เจ้าค่ะ ลูกจะแต่งงานแทนพี่ใหญ่” นางรับปากง่าย ๆ ทำให้อาชุนแอบกรุ่นโกรธโมโหนัก นี่เท่ากับลำเอียงมิใช่หรืออย่างไรกัน คุณหนูใหญ่ไม่แต่งก็ยกเจ้าบ่าวมาให้น้องสาว เหอะช่างเป็นครอบครัวที่แสนดีอะไรเช่นนี้
“พ่อรู้ว่าเจ้ากตัญญู หากเจ้าปฏิเสธพ่อก็ไม่โกรธ” ความรู้สึกผิดก่อเกิดขึ้นมาในอกของชายสูงวัย ตนเองนั้นรู้แก่ใจว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ลูกสาวคนเล็กจะต้องมาแบกหน้ารับผิดชอบ มือหนาหยาบกร้านของบิดากอบกุมมือลูกสาวเอาไว้
“พ่อไม่อยากบีบบังคับใจ แต่พี่ใหญ่ของเจ้า...” คนรู้สึกผิดมีเรื่องหนักอกหนักใจ ไม่อาจจะกล่าวพรรณนาออกมาได้หมด เหม่ยเจินคลี่ยิ้มหวานอีกครั้งหนึ่ง แต่อาชุนกลับหน้าบึ้งตึงมิพอใจ
“ท่านพ่อ อย่าคิดมากเลยเจ้าค่ะ ลูกยินดีจะไปแทนพี่ใหญ่” เด็กสาวแสนดีกล่าวขึ้นมา พลันในใจของนางกำลังฟูฟ่องอิ่มเอิบอย่างมีความสุข นางอาจจะรักษาดวงตาของเขาให้กลับมาดีขึ้นก็เป็นได้ แม้ว่าหมอหลวงจะไร้หนทางรักษา แต่ในเมื่อนางมีตำราพิสดารจากท่านยายหมอเทวดามีหรือจะรักษาไม่ได้
“เจ้าช่างเป็นเด็กกตัญญูนัก หากท่านแม่เจ้ายังอยู่นางคงก่นด่าพ่อเช้าเย็นเป็นแน่” ชายชราพูดถึงฮูหยินรอง ที่ล่วงลับไปแล้วดวงตาก็แดงก่ำขึ้นมา ปีนั้นเขาไปต่างแคว้นเพราะงานราชการ ในจวนมีสตรีตั้งครรภ์ทั้งสอง ดังนั้นยามเมื่อคลอดเขาจึงไม่ได้อยู่ดูแลพวกนาง จากนั้นเพียงแค่เดือนเดียวภรรยาที่รักมากที่สุดก็จากไป
“พ่อเสียใจมาตลอดที่ไม่ได้ดูใจแม่ของเจ้า นางนอนตายตาไม่หลับแน่ ๆ หากรู้ว่าพ่อส่งเจ้าไปอยู่กับชายตาบอดหมดอนาคตแบบนั้น” ชายชรากล่าวขึ้นมาน้ำเสียงติดสั่นเครือเล็กน้อย เขาเป็นถึงท่านราชครูคนสนิทของฮ่องเต้ ดังนั้นแล้วจึงมีงานราชการที่ต้องเดินทางไปสานสัมพันธ์กับต่างแคว้น
“ท่านพ่ออย่าคิดมากเลยเจ้าค่ะ ข้าอยากตอบแทนท่านพ่อกับฮูหยินใหญ่ที่ดูแลข้ามาจนสิบแปดปี” แม้ว่าจะมีกิริยากระโดกกระเดกหาใช่สตรีในห้องหอ พูดจาห้วน ๆ ห้าว ๆ แต่ทว่าความรู้ของนางก็มากมาย วัน ๆ ขลุกกับตำรา เล่นหมาก ต่อกลอนกับอาชุน และยังฝึกฝังเข็มจากท่านยายที่แอบมาหานางในตอนดึก ๆ อีกด้วย
งานเลี้ยงใดนางไม่เคยอยากจะไป นางไม่เคยเรียกร้องสิ่งใด นอกเสียจากอยากอยู่แต่ในห้อง แม้กระทั่งเรือนของนางมีสาวใช้เพียงแค่คนเดียวก็เพียงพอ ฮูหยินใหญ่จึงไม่รู้เลยว่าลูกเลี้ยงคนนี้เป็นเช่นไร นับตั้งแต่ที่นางพูดได้คล่องแคล่วและล้มป่วยจนนอนนิ่งไปหนึ่งเดือน เมื่อนางฟื้นขึ้นมาก็กลับกลายว่าคล้ายเป็นคนละคนกัน
ตอนนั้นอายุเจ็ดหนาวพลัดตกน้ำไปและนอนป่วยเป็นเดือน ท่านหมอมาตรวจรักษาให้กินยาก็ไม่หาย ร้อนใจไปถึงท่านยายที่อาชุนส่งข่าวไปให้ เมื่อท่านยายมาพบหลานรักไม่ต่างจากผักเน่า ๆ ก็ปวดใจนัก คิดอยากวางยาคนพวกนี้ให้ตายเสียจริง ๆ นับจากนั้นเป็นต้นมา คุณหนูรองก็ห่างเหินจากคุณหนูใหญ่และฮูหยินใหญ่ นางมักอยู่แต่ในเรือนของนาง ซึ่งเป็นเรือนขนาดกว้างใหญ่ ข้าวของเครื่องใช้ล้วนดูหรูหราราคาแพง
ฮูหยินใหญ่กำลังจิบน้ำชาด้วยสีหน้าอันเป็นสุขนัก “จูเอ๋อร์วางใจเถิดอย่างไรเสีย เด็กคนนั้นต้องตอบตกลงเป็นแน่ ในเมื่อพ่อเจ้าบากหน้าไปขนาดนั้น” แววตาเหี้ยมอำมหิตเลือดเย็นซ่อนอยู่ในแววตาอันใสซื่อบริสุทธิ์ของฮูหยินเอกแห่งจวนราชครู
“ท่านแม่แผนของท่านช่างล้ำลึกยิ่งนัก” ไป๋เหม่ยจูระบายยิ้มอ่อนนั่งอยู่หน้าคันช่องบานใหญ่ ด้านหลังมีสาวใช้กำลังปักปิ่นหยกลวดลายงดงามอย่างเบามือ แววตาของนางเป็นประวาววับผิดจากเมื่อครู่ที่นางกำลังแสร้งร้องห่มร้องไห้เสียใจหนักหนา
ฮูหยินเอกวางถ้วยชาลงบนโต๊ะ กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นเหยียบ แววตาสาดประกายอำมหิตขึ้นมาบนใบหน้าเรียบเฉย “ธรรมชาติของสตรีคือบุรุษที่เคียงข้าง ดังนั้นแล้วชายคนนั้นไม่คู่ควรกับเจ้าสักนิด ทั้งตาบอด ทั้งไร้ประโยชน์”
จวนตระกูลหยาง กำลังวุ่นวายจัดการตกแต่งจวนเพื่อต้อนรับว่าที่เจ้าสาวอีกไม่กี่วันนี้ ท่านแม่ทัพมีผ้าสีขาวปิดดวงตาเอาไว้ หลังจากกลับจากศึกครั้งนั้นก็เก็บตัวเงียบอยู่ในห้องนอน มิได้ย่างก้าวออกไปไหนอีก ข้างกายของเขามีญาติห่าง ๆ ดูแลอยู่ด้วย