รถยนต์คันหรูเคลื่อนเข้ามาจอดในเพนต์เฮาส์หรูหราติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา สิงหราชพาหญิงสาวขึ้นมายังเพนต์เฮาส์สุดหรูของตัวเองที่ไม่ค่อยได้มาอยู่บ่อยนัก เพราะมันค่อนข้างไกลจากที่ทำงาน และวังวชิรจักรพอสมควร
พรพิรุณมองห้องขนาดใหญ่กินพื้นที่เกือบทั้งชั้นแล้วลอบกลืนน้ำลาย ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีโอกาสได้อยู่ในที่หรูหราแบบนี้ ดวงตากลมโตมองเจ้าของห้องตาปริบๆ
“ของคุณสิงห์เหรอคะ” ถามออกไปอย่างไม่อยากจะเชื่อ
สิงหราชยิ้มขำกับคำถามซื่อๆ จ้องดวงตากลมโตมีประกายระยิบระยับแล้วพยักหน้าเป็นคำตอบ
“รวยขนาดนั้นเชียว” เสียงหวานเอ่ยขึ้นพร้อมกับเดินไปตรงระเบียงที่สามารถเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาด้วยความตื่นตา ลมเย็นๆ ปะทะผิวกายจนเผลอยิ้มออกมา
สิงหราชไม่ได้ตอบคำถามทำเพียงเดินตามมาหยุดยืนข้างๆ เขาหันมองดวงหน้าสวยที่ประดับด้วยรอยยิ้มหวานอยู่สักพักหนึ่ง
“เธอ...ชื่ออะไรนะ” นี่แหละสิงหราช รักสนุกแต่ไม่ผูกพัน
เขาเอ่ยถามเพราะจำไม่ได้ และไม่เคยจำชื่อผู้หญิงคนไหนเลยด้วยซ้ำที่ร่วมสัมพันธ์ทางกายด้วย หากแต่ในเวลานี้คนข้างๆ กลับพิเศษออกไป
พรพิรุณหุบยิ้มลงฉับพลัน ตวัดสายตามามองคนถามชื่ออย่างเคืองๆ
“ฝนค่ะ” เธอตอบด้วยน้ำเสียงห้วนๆ ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับเข้ามาในห้อง
“ฝน...” สิงหราชหันกลับมามองตามแผ่นหลังเล็กแล้วครางเรียกชื่อคนที่กำลังจะเดินเข้าไปในห้องเสียงเบา
ทว่าคงจะดังไปหน่อยสำหรับห้องเงียบกริบแห่งนี้
“คะ” คนถูกเรียกหันหน้ากลับมาหาคนเรียกอย่างสงสัย
ชายหนุ่มส่ายหน้ายิ้มจางๆ “เปล่า ไม่มีอะไร”
ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาเมื่อเห็นริมฝีปากบางบ่นอุบอิบเบาๆ แล้วสะบัดหน้าเดินหนีไป ก่อนที่เขาจะเดินตามหลังเข้ามาด้วย
พรพิรุณเข้ามาในห้องนอนที่เจ้าของห้องยกให้เป็นห้องส่วนตัว พอเข้ามาในห้องได้เธอก็จัดการเอาของในกระเป๋ามาจัดวางให้เป็นระเบียบและไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่ เพราะตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้ยังอยู่ในชุดนอนตัวเดิม
หลังจากอาบน้ำเสร็จก็ล้มตัวลงนอนแล้วหลับไปในที่สุด ตื่นมาอีกทีก็เย็นมากแล้ว หญิงสาวออกจากห้องแล้วเดินมาตรงห้องโถงใหญ่ นั่งลงบนโซฟาเพื่อรอคนที่กำลังคุยงานผ่านแล็ปท็อปเงียบๆ จนเวลาล่วงเลยไปเกือบหนึ่งชั่วโมง เขาถึงได้คุยงานกับลูกน้องเสร็จ
พอประชุมงานกับเลขา เสร็จก็หันกลับมาให้ความสนใจกับคนที่นั่งเงียบๆ วันนี้สิงหราชอยู่ที่เพนต์เฮ้าส์ตลอดทั้งวันไม่ได้ไปไหน
“หิวหรือยัง”
ดวงหน้าหวานพยักหน้ารับ เห็นดังนั้นจึงลุกขึ้นยืนพาคนตัวเล็กเข้ามาที่ห้องครัว แล้วทานข้าวเย็นด้วยกันสองคนเงียบๆ
หลังจากกินข้าวเสร็จด้านนอกก็มืดค่ำแล้ว พรพิรุณยืนเกาะกระจกใสบานใหญ่ในห้องโถง ทอดสายตามองวิวแม่น้ำเจ้าพระยาและแสงไฟหลากหลายสีจากตึกรามบ้านช่องด้วยความชอบใจ
“ฝน”
ร่างบางหมุนตัวกลับมาตามเสียงเรียก ดวงตาคู่หวานกวาดตามองชายหนุ่มสองคนที่อยู่ข้างหลังคนเรียกด้วยใบหน้ายิ้มๆ อย่างผูกมิตร ก่อนสบสายตากับคนที่เดินมาหยุดยืนข้างๆ
“นี่วิกเตอร์กับภวัต บอดีการ์ดคนสนิทของฉัน” สิงหราชแนะนำตัวบอดีการ์ดทั้งสองคน “ต่อไปนี้วิกเตอร์จะเป็นคนดูแลเธอตอนที่ฉันไม่อยู่ รวมถึงความปลอดภัยของเธอด้วย”
วิกเตอร์ยิ้มรับคำสั่งของผู้เป็นนายไปด้วย “สวัสดีครับคุณฝน” เขาเอ่ยอย่างให้เกียรติผู้หญิงของเจ้านาย
พรพิรุณทำหน้าเหวอกับสรรพนามที่ถูกเรียกพลางรีบยกมือขึ้นมาโบกไปมา “ไม่ต้องเรียกคุณหรอกค่ะ เรียกฝนเฉยๆ ดีกว่า”
วิกเตอร์หันมามองหน้าเจ้านาย พอเห็นเจ้านายพยักหน้ารับจึงหันกลับมาที่หญิงสาวอีกครั้ง
“ครับน้องฝน”
พรพิรุณยิ้มบางๆ แล้วหันไปทักทายชายหนุ่มอีกคน “สวัสดีค่ะพี่ภวัต”
ภวัตก้มหน้าลงเล็กน้อย แล้วเอ่ยตอบรับยิ้มๆ เช่นกัน “เรียกผมว่าวัตก็ได้ครับน้องฝน”
“ค่ะพี่วัต พี่วิกเตอร์” เสียงหวานตอบพลางยิ้มร่ากับเพื่อนใหม่ทั้งสองคน
สิงหราชมองรอยยิ้มหวานแจกยิ้มให้บอดีการ์ดทั้งสองไม่หุบสักที
จนต้องยกมือขึ้นทำเสียงกระแอม ตวัดสายตาไล่บอดีการ์ดผ่านทางสายตาแทน
เพียงเท่านั้น บอดีการ์ดหนุ่มทั้งสองก็พากันเดินออกจากห้องไป
พรพิรุณมองตามหลังทั้งสองหนุ่มเดินออกจากห้องไป หันกลับมามองคนข้างกายด้วยใบหน้างุนงง
“พี่เขาสองคนมาแค่นี้เหรอคะ”
สิงหราชถอนหายใจร้อนๆ ยาวเหยียด วาดวงแขนเกี่ยวรั้งเอวบางเข้ามาประชิดตัว
“อุ๊ย! จะทำอะไรหนูน่ะคุณสิงห์”
ดวงหน้าหวานสวยมองเขาด้วยท่าทีตื่นตกใจ พยายามดิ้นเพื่อให้หลุดจากอ้อมแขนรัดแน่น แต่มีหรือคนอย่างสิงหราชจะปล่อยเหยื่อแสนหวานให้หลุดไปง่ายๆ
“เก็บส่วยไงคนสวย”
จบประโยคนั้น ร่างบางก็ถูกอุ้มขึ้นมาอยู่ในอ้อมแขนแข็งแรง
สิงหราชอุ้มคนน้ำหนักเบาขึ้นสู่อ้อมแขนอย่างง่ายดาย สาวเท้าเดินมานั่งที่โซฟาเบดกลางห้องโถงใหญ่ โดยมีร่างบางนั่งอยู่บนตัก แขนแข็งแรง โอบรัดรอบเอวบางหลวมๆ ยกมืออีกข้างจับปลายคางสวยให้เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยแล้วก้มหน้าลงมาประกบริมฝีปากกับปากบางดั่งใจหวัง
มือเล็กข้างหนึ่งวางอยู่บนไหล่กว้าง อีกข้างก็กำเสื้อเชิ้ตตรงบริเวณอกแกร่งจนยับเมื่อถูกลิ้นร้อนรุกล้ำเข้ามาในปากจนปั่นป่วนในช่องท้อง ดวงตาคู่หวานหลับตาพริ้มยอมรับจูบนุ่มนวลจากเขาที่มอบให้อย่างไม่ขัดขืน
“อื้อ”
สิงหราชถอนริมฝีปากออกอย่างตัดใจ มองใบหน้าหวานชวนให้หลงใหลด้วยอาการหอบหายใจแรงๆ ฟันกรามทั้งสองข้างขบเข้าหากันจนเป็นสันนูนด้วยความต้องการข่มอารมณ์ที่ปะทุจนตัวร้อน ก่อนโน้มหน้าลงมาจูบเบาๆ บนหน้าผากเนียนสวย
“วันนี้จะยอมให้พักก่อนก็ได้” เสียงห้าวติดกระเส่ากระซิบเบาๆ ตรงหน้าผาก คลายอ้อมแขนออกจากเอวบาง เอนหลังไปพิงพนักโซฟาแล้วหลับตาลง
พรพิรุณมองคนหลับตานิ่งๆ รับรู้ได้ถึงลมหายใจร้อนเป่ารดศีรษะ ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันอย่างทำตัวไม่ถูก ก่อนจะต้องรีบลุกออกจากตักแข็งแรงทันที เมื่อได้ยินประโยคต่อมาของคนตรงหน้า
“ถ้ายังไม่ลุกตอนนี้ ฉันสัญญาเลยว่าจะต่อกับเธอให้จบทุกท่วงท่าทั่วห้องนี้แน่นอน”
ดวงหน้าหวานแดงระเรื่อเป็นลูกตำลึงสุก มือเล็กยกขึ้นมาเกาแก้มตัวเองเบาๆ อย่างเขินอาย
สิงหราชลืมตาขึ้นมามองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าแล้วยิ้มบางๆ “ไปนอนได้แล้วครับ” เขาเอ่ยบอกเสียงเบา
“ค่ะ” เสียงหวานรับคำแล้วเดินตรงไปยังห้องนอนของตัวเอง
ดวงตาคมกริบมองตามแผ่นหลังบอบบางหายลับเข้าไปในห้องแล้วหลับตาลงอีกครั้ง อย่างระงับอารมณ์ความต้องการที่ก่อเกิดขึ้นไม่ยอมดับลงโดยง่าย เพียงแค่อยู่ใกล้ๆ ร่างนุ่มนิ่มแสนหอมหวาน
ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ
เสียงเรียกเข้าดังขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกง มือหนาล้วงไปหยิบขึ้นมาดู พอเห็นว่าเป็นใครก็กดรับสายทันที
(ไอ้สิงห์คืนนี้เด็กใหม่เข้า) เสียงจากเจ้าของผับหรูเอ่ยขึ้นทันที โดยไม่ต้องเกริ่นนำ
สิงหราชถอนหายใจ ขณะที่ตายังหลับอยู่ “ไม่ไป กำลังจะนอนแล้ว”
(คนอย่างมึงเนี่ยนะปฏิเสธเรื่องพวกนี้กับกู) ปลายสายถามขึ้นเสียงดังอย่างประหลาดใจ
“เออ! แค่นี้แหละกูง่วงแล้ว” สิงหราชไม่ได้สนใจกับคำต่อว่าของเพื่อน
(อ้าวเฮ้ยไอ้สิงห์! เดี๋ยวสิวะ...)
มือหนากดตัดสายของเพื่อนอย่างรำคาญไม่รอฟังให้เพื่อนได้พูดจบประโยค ก่อนลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้าไปในห้องของตัวเองที่อยู่ข้างๆ ห้องของเด็กสาวที่เขารับมาเลี้ยงดูด้วยความไม่เข้าใจและแปลกใจกับตัวเองอยู่เหมือนกัน