“วันนี้บอสดูเหนื่อยๆ นะครับ ผมว่าวันนี้บอสพักก่อนดีกว่าดีมั้ยครับ” ทันทีที่ประตูลิฟต์ปิดสนิท เลขาคนสนิทก็เอ่ยขึ้น
เขมันต์ที่ยืนอยู่ข้างผู้เป็นเจ้านาย วันนี้ตลอดทั้งวันเขาเห็นสีหน้าของผู้เป็นนายซีดๆ คล้ายกับไม่สบาย และยังดูหงุดหงิดสิ่งรอบข้างอยู่ตลอดเวลา ปกติแล้วสิงหราชเป็นคนจัดการอารมณ์ของตัวเองได้ค่อนข้างดีทีเดียว โดยเฉพาะกับเรื่องงาน
ทว่าวันนี้เขากลับดูผิดแปลกต่างออกไป
สิงหราชระบายลมหายใจน้อยๆ ยกมือขึ้นนวดคลึงบริเวณขมับ วันนี้ตลอดทั้งวันตั้งแต่ตื่นนอนเขารู้สึกพะอืดพะอม คล้ายอยากอาเจียนอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งตอนนี้ก็ดูเหมือนอาการจะไม่ทุเลาลงเลย
“อืม” เป็นครั้งแรกที่เขาทำตามคำพูดของเลขาคนสนิท เพราะรู้สึกฝืนตัวเองไม่ไหวจริงๆ “ฉันจะกลับเพนต์เฮาส์”
จู่ๆ ใบหน้าหวานสวยก็ลอยเข้ามาในความคิด หลายวันแล้วที่เขาไม่ได้กลับไปหาหญิงสาวที่เพนต์เฮ้าส์เลย นั่นเป็นเพราะคุณหญิงอัปสรไม่ค่อยสบาย เขาจึงต้องกลับวังวชิรจักรเพื่อไปดูแลท่านอย่างใกล้ชิด
ประตูลิฟต์เปิดออกเมื่อเลื่อนมาถึงชั้นล่างสุด สิงหราชหรี่ตามองเหล่าพนักงานบริษัทที่ยืนออกันเต็มหน้าประตูลิฟต์ หากแต่สายตาคมกริบกลับหยุดนิ่งอยู่ที่หญิงสาวในชุดนักศึกษา ซึ่งยืนปะปนอยู่กับกลุ่มพนักงานบริษัท ข้างกายของเธอมีนักศึกษาหนุ่มรูปหล่อยืนเคียงข้าง
ดวงตาคมกริบฉายแววความไม่พอใจอย่างชัดเจน ก่อนจะเลือกมองผ่านหญิงสาวไปในระหว่างที่ก้าวเดินออกจากลิฟต์เป็นคนแรก
พรพิรุณเองตกใจไม่น้อยที่เห็นว่าใครอยู่ในลิฟต์ ลมหายใจสะดุดเมื่อสบสายตาคู่คมนัยน์ตาว่างเปล่า เขาเดินออกจากลิฟต์ผ่านตัวของเธอไปราวกับคนไม่รู้จัก ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่นด้วยความน้อยใจ
“ฝนเร็วๆ สิ” เสียงเรียกของทินกรที่เข้าไปในลิฟต์เอ่ยดึงสติของเธอให้คืนกลับมา ก่อนจะก้าวเรียวขาสวยเดินเบียดผู้คนเข้าไปยืนอยู่ในลิฟต์
ประตูลิฟต์ค่อยๆ ปิดลง สายตาคู่หวานยังคงจับจ้องไปที่แผ่นหลังกว้างที่ไม่ได้เห็นมาหลายวันแล้ว ค่อยๆ เลือนหายไปช้าๆ ดวงตากลมโตคู่สวยมีประกายวูบไหวภายในดวงตา เมื่อคิดถึงความสัมพันธ์ลับๆ ที่ยังคงดำเนินไปเรื่อยๆ พร้อมกับความรู้สึกลึกซึ้งของก้นบึงหัวใจที่มีให้ผู้ชายต้องห้าม ค่อยๆ ก่อเกิดขึ้นในระยะเวลาอันสั้นที่อยู่ร่วมชายคาเดียวกัน
...เธอไม่แน่ใจว่าความรู้สึกนี้ที่เป็นอยู่จะเรียกมันว่า ‘ความรัก’ ได้หรือเปล่า
ถึงแม้ประตูลิฟต์ปิดสนิทลงแล้ว แต่กระนั้นสัมผัสแผ่วเบาตรงบริเวณเรียวแขนที่ร่างสูงโปร่งกำยำเดินเฉียดไปยังคงอบอวลอยู่ในห้วงหัวใจดวงน้อย
พรพิรุณเดินเข้ามาในแผนกก็เห็นพี่ๆ ที่เพิ่งกลับมาจากประชุมงานกับลูกค้าต่างมีท่าทีเหนื่อยล้า ใบหน้าเคร่งเครียดไปตามๆ กันจึงไม่กล้าที่จะเอ่ยอะไรออกมา ทำเพียงเดินเงียบๆ มานั่งที่ของตัวเอง
“วันนี้คุณสิงห์เป็นอะไรมาวะ ดุอย่างกับไปกินรังแตนมาทั้งสวน” แดนนี่ทิ้งตัวลงนั่งพิงพนักเก้าอี้อย่างหมดแรง เอ่ยว่าลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทเสียงเบา
กวินตายกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองสองสามทีเพื่อไล่อาการความตึงเครียดที่คั่งค้างจากการประชุม วันนี้พวกเธอรับแรงกดดันจากลูกค้าคนสำคัญของบริษัทมาเต็มๆ ตั้งแต่เช้าจนตอนนี้ปาเข้าไปบ่ายโมงกว่าไปแล้วการประชุมสุดมหาโหดถึงได้สิ้นสุดลง
“สงสัยแพ้ท้องแทนเมียมั้ง” กวินตาพูดโพล่งออกมา ขณะที่ดวงตายังปิดสนิท
“ไอ้บ้า คุณสิงห์มีเมียซะที่ไหนกันเล่า” จู่ๆ กิตติธัชผู้เงียบขรึมก็เอ่ยสวนขึ้นมานิ่งๆ
พรพิรุณหายใจสะดุด หัวใจกระตุกวูบอย่างไม่ทราบสาเหตุ เผลอแลบเลียริมฝีปาก ลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่กับคำพูดของพี่เลี้ยงสาว ไม่ผิดแน่ๆ ลูกค้าที่หลุดออกจากปากของรุ่นพี่จะเป็นใครไม่ได้นอกจาก สิงหราช วชิรจักร คนที่เพิ่งเดินสวนกันก่อนหน้า
“ฉันบอกแกแล้วว่างานมันเวอร์ไป” แดนนี่ไม่วายหันมาแขวะเพื่อนร่วมทีม
“อ้าวแล้วไงใครจะไปรู้วะ นี่ก็ว่าออกแบบให้ใกล้เคียงกับแนวคิดเดียวกับโรงแรมในเครือเดียวกันแล้วนะเว้ย” กวินตาสวนกลับอย่างไม่ยอมแพ้
“ปกติงานนี้ก็ผ่านมาด้วยดีตลอด ไม่เคยมีปัญหา แต่ใครจะไปคิดว่าวันนี้จะไม่ผ่าน...หรือว่าแกไอ้แดนนี่ แกใส่เสื้อสีดำมาแน่ๆ เลย…สีกาลกิณีหรือเปล่าวะ”
สาวมั่นทันสมัยแต่ชื่นชอบเรื่องดวงเป็นชีวิตจิตใจหันไปมองชุดของเพื่อนร่วมงาน
“อ้าวๆ เลิกบ่นแล้วมาประชุมทีมแก้งานใหม่ก่อน ถ้าเกิด
บอสเรียกประชุมใหม่แล้วงานยังไม่เสร็จ ทีนี้แหละต้องได้อวดครวญกันแน่ๆ เพราะเตรียมหางานใหม่กันยกทีม” เกษมพร หัวหน้าทีมมัณฑนากรร้องบอกกับลูกน้องของตัวเอง
หลังจากนั้นทั้งแผนกก็กลับเข้าสู่สภาวะตึงเครียดอีกครั้ง พรพิรุณมองโมเดลโรงแรมสุดหรู และสตอรีบอร์ดที่วางอยู่บนโต๊ะของพี่เลี้ยงสาวนิ่งเงียบไป เธอจมอยู่กับความความคิดของตัวเองแทบไม่ได้ฟังประชุมจากรุ่นพี่เลยแม้แต่น้อย