บทที่ 5_2 ความต่าง

1053 Words
ร่างบอบบางภายใต้ชุดนักศึกษาฝึกงานของมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดัง เธอเดินกึ่งวิ่งเข้ามาในตัวอาคารสำนักงานสูงเสียดฟ้า ตั้งอยู่ในย่านเศรษฐกิจของเมืองหลวง “รอด้วยค่ะ” เสียงหวานตะโกนออกไป เรียวขาสวยเปลี่ยนจากเดินเป็นวิ่งเพื่อเข้ามาในลิฟต์ พรพิรุณแทรกตัวเข้ามายืนเบียดกับพนักงานออฟฟิศนับสิบจนตัวลีบ ใช้เวลาไม่ถึงนาทีประตูลิฟต์ก็ถูกเปิดออกเมื่อถึงชั้นที่เธอฝึกงานอยู่ “สวัสดีค่ะพี่ๆ” เธอเดินไปนั่งที่ของตัวเองแล้วเอ่ยทักทายรุ่นพี่ภายในแผนก กวินตาพี่เลี้ยงสาวสวยของพรพิรุณหันมายิ้มทักทาย เธอเป็นสาวเวิร์กกิงวูแมน ขวัญใจเพื่อนร่วมงานทั้งนอกและในแผนก อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในทีมมัณฑนากรที่ดีที่สุดของบริษัทรับออกแบบภายในอันดับต้นๆ ของประเทศอีกด้วย “วันนี้มาเกือบสายนะเรา” พี่เลี้ยงสาวเอ่ยขึ้นขำๆ ทีเล่นทีจริงทำเอาพรพิรุณยิ้มเจื่อนๆ พานนึกโทษคนที่ทำเธอสาย เพราะความเอาแต่ใจของชายหนุ่มที่โทรศัพท์มาก่อกวนการนอนหลับของเธอเกือบทั้งคืน “วันนี้นาฬิกาไม่ปลุกค่ะพี่ตา” เธอโกหกพี่เลี้ยงสาวออกไป “พี่แกล้งเราเล่นเฉยๆ ไม่ได้จะว่าอะไรสักหน่อย ก็เราไม่ได้มาสายนี่” กวินตารีบบอกออกไปเพราะกลัวนักศึกษาฝึกงานในความดูแลของตัวเองจะเข้าใจผิด ทว่ายังไม่ทันที่จะได้พูดอะไรกันต่อ เสียงเดิมอันคุ้นหูที่ต้องได้ยินทุกเช้าก็ดังขึ้น “ว่าไงจ๊ะน้องฝน กินข้าวมาหรือยัง นี่พี่ซื้อปาท่องโก๋หน้าบริษัทเรามาฝากด้วยนะ” พรพิรุณยิ้มแหยๆ ขอบคุณเจ้าของถุงปาท่องโก๋วางอยู่บนโต๊ะทำงาน “ขอบคุณค่ะพี่แดนนี่ แต่อันที่จริงพี่ไม่ต้องซื้อมาให้ฝนทุกวันขนาดนี้ก็ได้นะคะ ฝนเกรงใจ” “อุ๊ย ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ พี่เต็มใจ” แดนนี่ที่ยืนเกาะโต๊ะของน้องนักศึกษาฝึกงานในแผนกฉีกยิ้มกว้าง มองน้องฝึกงานด้วยสายตาหวานหยด ปึก!! “โอ๊ย! ไอ้ตามันเจ็บนะเว้ย” ก่อนหันไปร้องโวยวายใส่เพื่อนร่วมงานที่ปาปากกามาโดนศีรษะอย่างจัง “ขอโทษว่ะแก พอดีฉันเห็นงูบนหัวแกมันโผล่ออกมา ฉันเลยจะไล่ออกให้” สาวมั่นอย่างกวินตาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ แดนนี่กัดฟันกรอดอย่างแค้นๆ “หัวฉันมันมีงู แต่ปากแกมันมีหมา!” พูดทิ้งระเบิดเอาไว้แล้วก็เดินไปที่โต๊ะของตัวเอง “ไปเลยนะไอ้เฒ่าหัวงู อย่าได้มาแหย็มกับน้องสาวฉันนะเว้ย อยากจีบไปจีบน้องตัวเองโน่น” กวินตาก็ไม่ลดละเช่นกัน เธอลุกขึ้นพลางชี้นิ้วไปที่นักศึกษาในความดูแลของเพื่อนร่วมงาน แดนนี่หันมองน้องของตัวเอง กลอกตาขึ้นมองบนอย่างเหนื่อยใจที่ไม่เคยเถียงกับกวินตาชนะเสียที “ก็ไอ้ทิมมันเป็นผู้ชาย ปากมึงนี่นะ” จบประโยคนั้นของแดนนี่ ทั้งห้องก็พากันหัวเราะขำเสียงดัง ไม่เว้นแม้แต่นักศึกษาฝึกงานอย่างพรพิรุณและทินกร เพื่อนร่วมฝึกงานต่างมหาวิทยาลัยด้วย พรพิรุณมองพี่เลี้ยงสาวกับเพื่อนต่อปากต่อคำกันอยู่สักพักก็ต้องละสายตาหันมองชายหนุ่มผมยาวประบ่ามาดเซอร์ ภายใต้ใบหน้าเรียบเฉยมีความอบอุ่นซ่อนอยู่ ดวงตากลมโตมองแก้วน้ำหวานที่วางอยู่บนโต๊ะ แล้วหันมองตามแผ่นหลังกว้างเดินไปโต๊ะทำงานของตัวเอง “อ้าวแล้วทีไอ้กิตมันก็เต๊าะน้องฝนเหมือนกัน ทำไมแกไม่เคยว่ามันเลยวะ” เสียงของแดนนี่ว่าขึ้นอย่างหาเรื่องกวินตา พลางชี้นิ้วมองหนุ่มเซอร์โต๊ะข้างๆ “ก็กิตมันหล่อ ฉันให้ผ่าน แล้วแกจะทำไม” กวินตาเชิดหน้าขึ้น เถียงแดนนี่กลับคอเป็นเอ็น เบะปากทำหน้าตาเยาะเย้ยใส่คนหล่อน้อยกว่า แล้วจากนั้นสงครามขนาดย่อมๆ ก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง กว่าห้องทำงานขนาดใหญ่จะสงบลงได้ก็จวนถึงเวลาเริ่มงาน ร่างสูงโปร่งในชุดสูทดูภูมิฐานเดินออกจากห้องประชุมด้วยใบหน้าเคร่งเครียด มือหนายกขึ้นคลายเนกไท ดวงตาคมกริบไร้อารมณ์รู้สึกเบื่อหน่ายกับงานที่ออกมาได้ไม่ตรงใจ โดยมีเลขาฯ คู่ใจเดินตามหลังมาติดๆ “เดี๋ยวก่อนสิสิงห์” เสียงเรียกจากทางด้านหลังรั้งให้เรียวขายาวหยุดชะงัก ดวงตาสีดำขลับกลอกสายตามองบน หันหลังกลับมาตามเสียงเรียก “ครั้งนี้ทีมออกแบบของคุณอาทำให้ผมหงุดหงิด” สิงหราชบอกตามความรู้สึก โรงแรมในเครือวชิรจักรใช้บริการออกแบบตกแต่งภายในกับบริษัท อินทีเรียดีไซน์ แอนด์ คอนสตรักต์ จำกัด มาตั้งแต่รุ่นหม่อมหลวงชนะศึก ทว่างานที่ออกมาในวันนี้กลับทำให้เขารู้สึกผิดหวัง เพราะงานยังไม่ค่อยถูกใจเท่าไรนัก พิรัชหน้าเสียเมื่อได้ยินประโยคตอบกลับมาตรงๆ จากชายหนุ่มรุ่นลูก “เดี๋ยวอาจะปรับแบบให้ใหม่” สิงหราชมารู้ตัวมาเผลอทำกิริยาไม่ดีต่อผู้ใหญ่ตรงหน้าจึงผ่อนปรนลมหายใจร้อนๆ ออกมาช้าๆ ยกมือไหว้ขอโทษเพื่อนของบิดา “ผมขอโทษครับคุณอา ช่วงนี้งานเยอะ ผมยุ่งมากไปหน่อยเลยรู้สึกเหนื่อยมากไปหน่อยจนเผลอใส่อารมณ์กับทุกคน ยังไงผมฝากขอโทษพนักงานของคุณอาด้วยนะครับ” “อาเข้าใจ” พิรัชไม่ได้ถือโทษโกรธเคือง เขายกมือตบไหล่กว้างของหลานชายเบาๆ “วันนี้สิงห์ว่างหรือเปล่า อาอยากจะเลี้ยงข้าวเย็นหน่อยถือว่าเป็นการขอโทษที่วันนี้ทำให้เสียเวลา” สิงหราชเข้าใจความหมายของชายวัยกลางคนตรงหน้าเป็นอย่างดีว่ากำลังต้องการอะไร “เอาไว้วันหลังดีกว่าครับคุณอา วันนี้ตอนเย็นผมนัดกับเพื่อนไว้แล้ว” “เอาอย่างนั้นก็ได้” พิรัชยิ้มเจื่อน แต่ไม่ได้เซ้าซี้ต่อ เพราะรู้นิสัยของหนุ่มรุ่นลูกดี “งั้นผมขอตัวก่อนนะครับคุณอา สวัสดีครับ” สิงหราชไม่เปิดโอกาสให้คู่สนทนาได้เอ่ยต่อประโยค เขาตัดจบบทด้วยการกล่าวลา แล้วเดินหายเข้าไปในลิฟต์ทันที
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD