เช้านี้วันต่อมา
สิงหราชตื่นเร็วกว่าปกติ แปลกใจตัวเองมากที่เมื่อคืนนอนหลับสนิทกว่าทุกคืนที่ผ่านมา เหมือนความหงุดหงิดงุ่นง่านตลอดหลายวันที่เคยมีก่อนหน้าได้มลายหายไปจนหมดสิ้น
ชายหนุ่มนั่งอ่านสรุปรายงานการประชุมของเมื่อวานอยู่ที่โต๊ะอาหาร ก่อนละสายตามองตามเสียงของประตูห้องที่กำลังค่อยๆ เปิดออกให้ได้เห็นร่างบางในชุดนอนเดินออกจากห้องช้าๆ
สิงหราชหรี่ตามองไปที่คนสาวเท้าสั้นๆ เดินเข้ามาหาพลางแลบลิ้นเลียริมฝีปากด้วยความรู้สึกร้อนวูบวาบอยู่ภายในอก ยามจับจ้องร่างบางสมส่วน ผิวขาวเนียนละเอียดที่เคยสัมผัสยังรู้สึกติดใจ ไหนจะกลิ่นกายหอมอ่อนๆ ที่จำไม่อาจลืมเลือน เขาสูดลมหายใจร้อนๆ เข้าเต็มปอดจนหน้าอกกระเพื่อม แล้วลมหายใจเริ่มมาสะดุด เมื่อเผลอคิดถึงค่ำคืนแสนเร่าร้อนที่ผ่านมาอีกครั้ง
พรพิรุณลอบกลืนน้ำลายเกิดอาการประหม่าต่อสายตาร้อนแรงของคนบนโต๊ะอาหาร มือบางพยายามดึงชายกระโปรงชุดนอนตัวสั้นลงราวกับอยากจะให้มันยาวกว่านี้ โดยที่ไม่รู้เลยว่ายิ่งดึงเนื้อผ้าลินินส่วนบนนั่นยิ่งแนบกับเนินอกอวบมากขึ้น
เธอเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเจ้าของห้อง แล้วจึงรีบเอ่ยปากบอกความต้องการตัวเองทันที
“หนูจะกลับคอนโดแล้วค่ะ”
สิงหราชละสายตาจากต้นขาสวยที่โผล่พ้นชุดนอน ช้อนสายตามาสบกับดวงตาคู่หวานฉ่ำ “คุยกันก่อน”
พรพิรุณนิ่วหน้า รู้สึกคล้ายกับว่ากำลังโดนถ่วงเวลา “งั้นคุณก็ช่วยรีบๆ คุยหน่อยได้มั้ยคะ หนูอยากกลับคอนโดแล้ว”
โชคดีที่วันนี้เป็นวันหยุด เธอจึงไม่ต้องกังวลว่าจะไปเรียนสายหรือไม่ แต่ที่อยากจะกลับเพราะรู้สึกอึดอัดกับสถานที่แห่งนี้
สิงหราชมองหญิงสาวนิ่ง ก่อนผายมือให้เธอมานั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม ยังไม่ยอมเอื้อนเอ่ยอะไรออกมา
พรพิรุณไม่มีทางเลือกอื่น เธอเดินมานั่งลงตามคำสั่งของดวงตาคมกริบ พอนั่งลงแล้ว จู่ๆ คนตัวสูงก็ลุกออกจากเก้าอี้เดินหายเข้าไปในห้องครัวสักพักก็กลับมาพร้อมกับถ้วยข้าวต้มร้อนๆ นำมาวางตรงหน้าของเธอเสร็จสรรพ ถึงได้เดินกลับมานั่งที่เดิมของตัวเองอีกครั้ง
“กินข้าวให้หมดแล้วเราค่อยคุยกัน” เสียงทุ้มเอ่ยสั่ง
ดวงตาคมกริบละสายตาจากเธอไปดูจอแล็ปท็อปตามเดิม
หญิงสาวถอนหายใจเบาๆ แต่ก็ยอมจับช้อนตักข้าวต้มร้อนๆ เข้าปากอย่างว่าง่าย
สิงหราชแอบลอบชำเลืองมองคนตัวเล็กนั่งกินข้าวเงียบๆ แล้วเผลอยกยิ้มมุมปากออกมาเป็นระยะ
ใช้เวลาไม่นานหญิงสาวก็กินข้าวจนหมด เขาแอบลอบสังเกตอยู่ตลอดเวลา พอเห็นว่าเธออิ่มแล้วจึงได้ยกแก้วกาแฟของตัวเองขึ้นมายกดื่มจนหมดในครั้งเดียว
“คุณสิงห์มีอะไรจะคุยกับหนูคะ” เสียงหวานเอ่ยถามทำลายความเงียบ
สิงหราชมองดวงหน้าหวาน เพียงอึดใจต่อมาจึงเอ่ยออกมา
“ฉันอยากให้เธอมาอยู่กับฉัน”
สิ้นเสียงของสิงหราช พรพิรุณรู้ความหมายนั้นได้ในทันทีว่าเขาต้องการอะไร ดวงตาคู่หวานตวัดสายตามองคนตรงข้ามพลางลุกขึ้น จ้องหน้าเขาด้วยแววตาไม่พอใจ
“ขอบคุณนะคะที่ช่วยหนูไว้เมื่อคืน ถ้าไม่ได้คุณสิงห์หนูคงแย่ไปแล้ว”
แม้ข้างในใจจะโกรธแทบเป็นฟืนเป็นไฟ ถึงกระนั้นเธอก็ยังเอ่ยขอบคุณเขาจากใจจริง “ไม่มีอะไรแล้ว อย่างนั้นหนูขอตัวกลับก่อน หนูรบกวนคุณสิงห์มากแล้ว”
พูดจบก็เตรียมจะหันหลังเดินออกจากห้อง โดยไม่สนใจประโยคก่อนหน้าของชายหนุ่มเลยสักนิดเดียว แต่ทว่าเดินไปเพียงไม่กี่ก้าวก็ต้องชะงักฝีเท้า
“เธอคงยังไม่รู้ว่าไอ้สองคนเมื่อคืนมันเป็นลูกน้องของใคร”
สิงหราชมองตามแผ่นหลังบางอย่างไม่ทุกข์ร้อน เอนหลังพิงพนักเก้าอี้พลางยกมือขึ้นกอดอกอย่างใจเย็น
เขาเห็นร่างบางค่อยๆ หันหลังกลับมาอีกครั้ง มุมปากหนากระตุกยิ้ม “พี่ชายเธอนี่มันยังไงกันนะ ไปติดหนี้ใครไม่ติด ดันไปเล่นกับพวกมีอิทธิพลคนมีสี แล้วเธอรู้อะไรมั้ย...”
สิงหราชเปลี่ยนท่ามานั่งเท้าข้อศอกกับตักตัวเอง ขณะที่ตายังจับจ้องอยู่ที่ร่างบางอย่างเป็นต่อและยากจะหยั่งถึง
พรพิรุณหรี่ตามองคนที่มีใบหน้านิ่งเรียบ ลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากกับเรื่องที่เพิ่งจะได้รับรู้ ก่อนที่ลมหายใจจะมาสะดุดกับประโยคต่อมา และดวงตาคมที่กำลังไล้สายตาแทะโลมไปตามร่างกายของเธอช้าๆ จนขนแขนของเธอลุกชัน
“…คนพวกนั้นน่ะ มันจะไม่หยุดจนกว่าจะได้ของของมันคืน...หรือไม่ก็ต้องเป็นอะไรที่คุ้มค่ากว่าเงิน”
“คุณสิงห์หมายความว่ายังไง” คราวนี้เธอเริ่มเกิดความลังเลขึ้นในจิตใจ ก่อนกลั้นใจถามกลับ ถึงแม้ประโยคของชายหนุ่มตรงหน้าจะชัดเจนมากแล้วก็ตาม
สิงหราชยกยิ้มมุมปากอย่างร้ายกาจพลางลุกขึ้นเดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าคนตัวเล็ก มือหนายกขึ้นมาลูบไล้เบาๆ ที่แก้มนวลข้างซ้าย ลากปลายนิ้วมาเกี่ยวปอยผมทัดหูให้อย่างอ่อนโยน
“มาเป็นเด็กของฉันสิ แล้วเธอจะปลอดภัยจากคนพวกนั้น”
พรพิรุณเม้มริมฝีปากแน่น ช้อนสายตาขึ้นสบสายตาคู่คมนิ่งราวกับกำลังค้นหาอะไรบางอย่าง จนในที่สุดต้องเป็นคนหลบสายตาคู่นั้นเองพลางถอนหายใจหนักๆ อย่างไม่คาดคิดว่าชีวิตจะต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากเช่นนี้
“เป็นผู้หญิงของฉัน เธออยากได้อะไรฉันจะให้ทุกอย่าง...บ้านคอนโด รถหรู หรือแม้แต่พวกข้าวของแบรนด์เนม ฉันจะหามาให้ขอแค่เธอเอ่ยปากร้องขอ”